เวเนซุเอลา

เวเนซุเอลาแผ่นดินไหวขนาด 6.4 ยังไม่มีรายงาน

เช้าวันนี้มีรายงานข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์เวเนซุเอลาแผ่นดินไหวขนาด 6.4 ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนในพื้นที่ ถึงแม้ว่าในเบื้องต้นจะยังไม่มีรายงานความเสียหายร้ายแรง แต่เหตุการณ์นี้ก็เป็นสิ่งที่กระตุ้นเตือนให้เราตระหนักถึงภัยพิบัติทางธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอ

ศูนย์วิจัยธรณีศาสตร์ของเยอรมนี (GFZ) รายงานว่า เกิดเวเนซุเอลาแผ่นดินไหวขนาด 6.4 ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเวเนซุเอลา เมื่อเวลา 05.21 น.ตามเวลาไทยในวันนี้ (25 ก.ย.) โดยศูนย์กลางของแผ่นดินไหวอยู่ที่ความลึก 10 กิโลเมตร วัดพิกัดเบื้องต้นได้ที่ 9.75 ละติจูดองศาเหนือ และ 70.94 ลองจิจูดองศาตะวันตก

สำนักข่าวซินหัวรายงานการเปิดเผยของสื่อท้องถิ่นว่า ศูนย์กลางของแผ่นดินไหวอยู่ใกล้เมืองเมเน กรันเด ในรัฐซูเลีย ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงการากัส เมืองหลวงของเวเนซุเอลาไปทางทิศตะวันตกประมาณ 600 กิโลเมตร

ทั้งนี้ แรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวสามารถรู้สึกได้ในหลายเมืองรวมถึงกรุงการากัส อย่างไรก็ดี ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายต่อทรัพย์สินจนถึงขณะนี้

สถานการณ์เวเนซุเอลาแผ่นดินไหวขนาด 6.4 ในครั้งนี้ถึงแม้จะยังไม่มีรายงานความเสียหายที่ชัดเจน แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น

เวเนซุเอลาแผ่นดินไหวขนาด 6.4

หลังจากเกิดเหตุการณ์เวเนซุเอลาแผ่นดินไหวขนาด 6.4 ผู้คนในพื้นที่ต่างแสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต แม้ว่าในปัจจุบันจะยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับความเสียหาย แต่การเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง

เพื่อให้เข้าใจถึงสถานการณ์แผ่นดินไหวและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เราควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับแผ่นดินไหว ทำความเข้าใจถึงสาเหตุและผลกระทบ รวมถึงเรียนรู้วิธีการปฏิบัติตนเมื่อเกิดแผ่นดินไหว เพื่อความปลอดภัยของตนเองและคนที่เรารัก

นอกจากนี้ การมีส่วนร่วมในการเตรียมความพร้อมของชุมชน การสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย และการเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับแผ่นดินไหว ก็เป็นสิ่งที่เราทุกคนสามารถทำได้เพื่อช่วยลดผลกระทบจากภัยพิบัติ

เหตุการณ์นี้เป็นเครื่องเตือนใจว่าภัยธรรมชาติสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ การเตรียมพร้อมรับมือจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ เริ่มต้นจากการเรียนรู้ข้อมูลพื้นฐาน เตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉิน และวางแผนการอพยพเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว

การติดตามข่าวสารและประกาศจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิดเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและทันต่อเหตุการณ์ และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด

เราหวังว่าสถานการณ์เวเนซุเอลาแผ่นดินไหวขนาด 6.4 จะคลี่คลายไปในทางที่ดี และไม่มีรายงานความเสียหายหรือผู้บาดเจ็บเพิ่มเติม และขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่อยู่ในพื้นที่ประสบภัยพิบัติ

ที่มา – เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.4 ในเวเนซุเอลาเช้านี้ ยังไม่มีรายงานความเสียหาย

ทรัมป์โว สหรัฐฯ ถล่มเรือขนยาจากเวเนฯ อีก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เปิดเผยว่า กองทัพสหรัฐฯ ได้ปฏิบัติการโจมตีเรือต้องสงสัยลักลอบขนยาเสพติดจากเวเนซุเอลาเป็นครั้งที่สองในรอบสองสัปดาห์ โดยเหตุเกิดในน่านน้ำสากล ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตบนเรือ 3 ราย

ทรัมป์โพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียเมื่อวันจันทร์ (15 ก.ย.) ว่า “เมื่อเช้านี้ ตามคำสั่งของผม กองทัพสหรัฐฯ ปฏิบัติการโจมตีเป็นครั้งที่สองต่อเครือข่ายค้ายาเสพติดและผู้ก่อการร้ายที่ใช้ความรุนแรงระดับสูง ซึ่งสามารถระบุตัวตนได้อย่างแน่ชัดแล้ว ในเขตพื้นที่รับผิดชอบของกองบัญชาการภาคใต้ (SOUTHCOM)”

“แก๊งค้ายาเสพติดที่ใช้ความรุนแรงอย่างยิ่งเหล่านี้ เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ นโยบายต่างประเทศ และผลประโยชน์สำคัญของสหรัฐฯ” ทรัมป์กล่าว

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในโพสต์ดังกล่าวยังมีวิดีโอที่ระบุว่า “เผยแพร่ได้” ซึ่งแสดงให้เห็นภาพเรือลำหนึ่งกำลังถูกไฟไหม้กลางทะเล โดยไม่ระบุพิกัดที่แน่ชัด

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 2 ก.ย. ทรัมป์เคยสั่งการให้กองทัพโจมตีเรือต้องสงสัยในลักษณะเดียวกันในน่านน้ำสากลมาแล้วครั้งหนึ่ง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 11 ราย โดยทรัมป์ระบุว่าผู้เสียชีวิตทั้งหมดเป็นสมาชิกกลุ่มก่อการร้ายค้ายา “เตรนเดอารากัว” (Tren de Aragua) ที่พิสูจน์ทราบตัวตนได้แล้ว

หลังเหตุการณ์ครั้งแรก ประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร แห่งเวเนซุเอลา ได้ออกมาประณามการกระทำของสหรัฐฯ ว่า “ผิดกฎหมาย” พร้อมกล่าวหาวอชิงตันว่ากุเรื่องการค้ายาเสพติดขึ้นมาเพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการล้มล้างรัฐบาลของตน และยืนยันว่าเวเนซุเอลาไม่มีการปลูกต้นโคคาหรือผลิตโคเคน

ในการแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ มาดูโรกล่าวว่าช่องทางการสื่อสารระหว่างสองประเทศถูกรัฐบาลวอชิงตันตัดขาดไปแล้ว โดยมาดูโรชี้ว่าสาเหตุมาจากการ “ข่มขู่และแบล็กเมล” ของสหรัฐฯ แต่ยืนยันว่าเวเนซุเอลายังคง “รักษาสันติภาพไว้ได้” แม้จะถูกยั่วยุมาโดยตลอด

มาดูโรกล่าวว่า เวเนซุเอลากำลังใช้สิทธิ์อันชอบธรรมเพื่อป้องกันตนเองจากการรุกรานที่อาจเกิดขึ้น ทั้งในทางการเมือง การทูต และการทหาร

ทรัมป์โว สหรัฐฯ ถล่มเรือขนยาจากเวเนฯ อีก

ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และเวเนซุเอลายังคงดำเนินต่อไป ท่ามกลางข้อกล่าวหาเรื่องการค้ายาเสพติดและการแทรกแซงทางการเมือง เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด เพราะอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพในภูมิภาคลาตินอเมริกาได้ หากสหรัฐฯ ยังคงเดินหน้าปฏิบัติการ ทรัมป์โว สหรัฐฯ ถล่มเรือขนยาจากเวเนฯ อีก เช่นนี้ต่อไป

ทรัมป์โว สหรัฐฯ ถล่มเรือขนยาจากเวเนฯ อีกจริงหรือ?

คำถามที่เกิดขึ้นคือ ปฏิบัติการเหล่านี้เป็นไปเพื่อต่อต้านยาเสพติดจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงข้ออ้างเพื่อกดดันรัฐบาลมาดูโร? การที่สหรัฐฯ อ้างว่า ทรัมป์โว สหรัฐฯ ถล่มเรือขนยาจากเวเนฯ อีก มีความเป็นไปได้ว่าเป็นการสร้างความชอบธรรมให้กับการแทรกแซงเวเนซุเอลา

การโจมตีเรือที่ต้องสงสัยขนยาเสพติดในน่านน้ำสากลเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อน เพราะอาจละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศได้ การที่สหรัฐฯ ดำเนินการเช่นนี้โดยไม่มีความร่วมมือจากเวเนซุเอลา ยิ่งทำให้สถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้นไปอีก

สิ่งที่น่าสนใจคือ ปฏิกิริยาของนานาชาติต่อเหตุการณ์นี้ หลายประเทศอาจมองว่าการกระทำของสหรัฐฯ เป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขต และอาจนำไปสู่การประณามจากองค์กรระหว่างประเทศได้

ในขณะที่สหรัฐฯ อ้างว่า ทรัมป์โว สหรัฐฯ ถล่มเรือขนยาจากเวเนฯ อีก เพื่อความมั่นคงของชาติ แต่เวเนซุเอลากลับมองว่าเป็นการคุกคามอธิปไตยของตนเอง ความขัดแย้งนี้จึงเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและต้องการการแก้ไขอย่างสันติ

สิ่งที่เราทำได้คือติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด และวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรอบด้าน เพื่อทำความเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างถูกต้อง และประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อภูมิภาคและโลกต่อไป

การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และเวเนซุเอลา ต้องอาศัยการเจรจาและความร่วมมือจากทุกฝ่าย การใช้กำลังและการข่มขู่มีแต่จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงเท่านั้น

ในท้ายที่สุดแล้ว การรักษาสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาคลาตินอเมริกาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด และทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้

ที่มา – ทรัมป์โว สหรัฐฯ ถล่มเรือต้องสงสัยขนยาเสพติดจากเวเนฯ ได้อีกลำ

พบ F-35 สหรัฐฯ ลงจอดในเปอร์โตริโก



พบ F-35 สหรัฐฯ ลงจอดในเปอร์โตริโก ท่ามกลางความตึงเครียดกับเวเนซุเอลา

มีรายงานการพบ F-35 สหรัฐฯ จำนวน 5 ลำ ลงจอดในเปอร์โตริโกเมื่อวันเสาร์ (13 ก.ย.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีคำสั่งเมื่อสัปดาห์ก่อนให้ส่งเครื่องบินขับไล่ล่องหน 10 ลำเข้าร่วมการเสริมกำลังทหารในทะเลแคริบเบียน เพื่อปฏิบัติการต่อต้านแก๊งค้ายาเสพติด ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้นกับเวเนซุเอลา

ช่างภาพของสำนักข่าวรอยเตอร์เป็นผู้บันทึกภาพเครื่องบิน F-35 ขณะลงจอดยังอดีตฐานทัพเรือโรสเวลต์โรดส์ ในเมืองเซบา เปอร์โตริโก ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ยังมีรายงานการพบเห็นเฮลิคอปเตอร์ อากาศยานออสเปรย์ เครื่องบินลำเลียง และกำลังพลของสหรัฐฯ ในบริเวณฐานทัพดังกล่าว

เมื่อสอบถามเกี่ยวกับอากาศยานดังกล่าว เจ้าหน้าที่เวรของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) ระบุว่า “ในขณะนี้ เรายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงการวางกำลังที่ต้องประกาศให้ทราบ”

การพบเห็นครั้งล่าสุดนี้เกิดขึ้นภายหลังการเดินทางเยือนเปอร์โตริโกอย่างไม่มีการแจ้งล่วงหน้าของพีท เฮกเซธ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ พร้อมด้วยนายทหารระดับสูง เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงขึ้นกับเวเนซุเอลา

แหล่งข่าวเปิดเผยกับรอยเตอร์เมื่อสัปดาห์ก่อนว่า รัฐบาลทรัมป์ได้มีคำสั่งให้ส่งเครื่องบินขับไล่ F-35 จำนวน 10 ลำมายังเปอร์โตริโก เพื่อดำเนินปฏิบัติการต่อต้านแก๊งค้ายาเสพติด

อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการประกาศแผนส่งกำลังทางอากาศเพิ่มเติม ทรัมป์ได้กล่าวว่า สหรัฐฯ ไม่ได้มีเจตนาที่จะเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองในเวเนซุเอลา

เมื่อสัปดาห์ก่อน กองทัพสหรัฐฯ ได้ปฏิบัติการทางทหารครั้งแรกนับตั้งแต่การส่งกองเรือรบเข้าประจำการในภูมิภาค ด้วยการโจมตีเรือสัญชาติเวเนซุเอลาที่ถูกกล่าวหาว่าลักลอบขนยาเสพติด ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 11 ราย

ฝ่ายเวเนซุเอลาได้ออกมาโต้แย้งในทันทีว่า ผู้เสียชีวิตทั้งหมดไม่ใช่ผู้ลักลอบค้ายาเสพติด

ต่อมาในวันเสาร์ รัฐบาลเวเนซุเอลาได้แถลงการณ์เพิ่มเติมว่า เรือพิฆาตของสหรัฐฯ ได้เข้าสกัดและควบคุมเรือประมงทูน่าของเวเนซุเอลาเป็นเวลานานถึง 8 ชั่วโมง ขณะอยู่ในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของประเทศเมื่อวันศุกร์ (12 ก.ย.)

รัฐบาลเวเนซุเอลาระบุว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ก้าวร้าวและผิดกฎหมายต่อเรือประมงที่ไม่มีพิษสงใด ๆ ซึ่งมีเพียงลูกเรือผู้หาเลี้ยงชีพ 9 คน

ทั้งนี้ F-35 เป็นเครื่องบินขับไล่ล่องหนที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง และมีสมรรถนะที่เหนือกว่าฝูงบิน F-16 ของกองทัพอากาศเวเนซุเอลาอย่างมีนัยสำคัญ

ทำไมการพบ F-35 สหรัฐฯ ที่เปอร์โตริโก ถึงสำคัญ?

การพบ F-35 สหรัฐฯ ในครั้งนี้ ยิ่งตอกย้ำถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐฯ และเวเนซุเอลา สถานการณ์ในภูมิภาคกำลังทวีความซับซ้อน และการปรากฏตัวของเครื่องบินขับไล่ล่องหนขั้นสูงเช่น F-35 ย่อมส่งผลต่อการประเมินสถานการณ์และความสมดุลทางอำนาจในภูมิภาคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

นอกจากนี้ การพบ F-35 สหรัฐฯ ยังสะท้อนให้เห็นถึงท่าทีที่แข็งกร้าวของสหรัฐฯ ต่อการค้ายาเสพติดในทะเลแคริบเบียน ซึ่งเป็นประเด็นที่รัฐบาลทรัมป์ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง การส่ง F-35 เข้ามาเสริมกำลัง แสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ จริงจังกับการปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติด และพร้อมที่จะใช้กำลังทางทหารเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ปฏิบัติการทางทหารที่เกิดขึ้นอาจนำไปสู่การเผชิญหน้ากับเวเนซุเอลาได้ง่ายขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงต่อความขัดแย้งที่อาจบานปลาย การตัดสินใจของสหรัฐฯ ในการส่ง F-35 มายังภูมิภาคนี้ จึงเป็นสิ่งที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด

แน่นอนว่าความเคลื่อนไหวนี้สร้างความกังวลให้หลายฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศในแถบลาตินอเมริกาที่ต้องการเห็นความสงบและเสถียรภาพในภูมิภาค การใช้กำลังทหารอาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด และควรให้ความสำคัญกับการเจรจาและการทูตเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งอย่างสันติ

การพบ F-35 สหรัฐฯ ที่เปอร์โตริโก เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ในภูมิภาคแคริบเบียนและลาตินอเมริกา และเป็นสิ่งที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป

ที่มา – พบ F-35 สหรัฐฯ 5 ลำลงจอดในเปอร์โตรีโก ท่ามกลางความตึงเครียดกับเวเนซุเอลา

เวเนฯ โวย! เหยื่อ 11 ศพ ไม่ใช่แก๊งค้ายา

เวเนซุเอลาออกมาโต้แย้ง! รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของเวเนซุเอลาได้ออกมาเปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตทั้ง 11 รายจากเหตุการณ์ที่กองทัพสหรัฐฯ โจมตีเรือในทะเลแคริบเบียนเมื่อสัปดาห์ก่อนนั้น ไม่ได้เป็นสมาชิกของแก๊ง “เตรนเดอารากัว” (Tren de Aragua) ตามที่ถูกกล่าวหา สถานการณ์นี้ยิ่งทำให้ความตึงเครียดระหว่างเวเนซุเอลาและสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้นไปอีก โดยเวเนซุเอลาได้ส่งกำลังทหารเข้าประจำการเพื่อตอบโต้

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กล่าวหาว่าเรือลำดังกล่าวลักลอบขนยาเสพติด แต่กลับไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากนัก แม้ว่าสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ เองจะเรียกร้องให้มีการชี้แจงถึงเหตุผลในการปฏิบัติการครั้งนี้

ดิโอสดาโด กาเบโย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและหัวหน้าพรรครัฐบาล กล่าวอย่างหนักแน่นผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติว่า “พวกเขายอมรับว่าสังหารคนไป 11 คน เราได้ทำการสืบสวนภายในประเทศ พบว่าครอบครัวของผู้เสียชีวิตต่างเรียกร้องให้ญาติของพวกเขากลับคืนมา และจากการสอบถามในเมืองต่างๆ ไม่พบว่ามีใครเป็นสมาชิกแก๊งเตรนเดอารากัว หรือเกี่ยวข้องกับยาเสพติดเลยแม้แต่คนเดียว”

“นี่คือการสังหารหมู่พลเรือนโดยใช้อาวุธร้ายแรง” กาเบโยกล่าวเสริม และตั้งคำถามว่าสหรัฐฯ ทราบได้อย่างไรว่าบนเรือบรรทุกยาเสพติด และเหตุใดจึงไม่เลือกใช้วิธีการจับกุมแทนการใช้กำลังถึงชีวิต

ทางด้าน แอนนา เคลลี โฆษกทำเนียบขาว ได้ตอบโต้ว่า “คนเหล่านั้นคือผู้ก่อการร้ายยาเสพติดจากแก๊งเตรนเดอารากัว ที่พยายามลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศเราและสังหารชาวอเมริกัน”

หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว รัฐบาลเวเนซุเอลายังได้กล่าวหาว่า คลิปวิดีโอการโจมตีที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์นำมาเผยแพร่นั้น เป็นภาพที่สร้างขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)

เวเนฯ โวย เหยื่อ 11 ศพที่ถูกสหรัฐฯ ยิงถล่มเรือ ไม่ใช่สมาชิกแก๊งค้ายา

เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดคำถามและความสงสัยมากมายเกี่ยวกับความชอบธรรมในการใช้กำลังของสหรัฐฯ และความถูกต้องของข้อมูลที่ได้รับ หากผู้เสียชีวิตทั้ง 11 รายไม่ใช่สมาชิกแก๊งค้ายาจริง การกระทำดังกล่าวก็ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง และอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในระยะยาว

ข้อโต้แย้งเรื่อง เหยื่อ 11 ศพที่ถูกสหรัฐฯ ยิงถล่มเรือ ไม่ใช่สมาชิกแก๊งค้ายา

ประเด็นหลักที่เวเนซุเอลาโต้แย้งคือ การที่สหรัฐฯ กล่าวหาว่าผู้เสียชีวิตเป็นสมาชิกแก๊งค้ายา โดยไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน รัฐบาลเวเนซุเอลายืนยันว่าได้ทำการตรวจสอบแล้ว และไม่พบความเชื่อมโยงใดๆ ระหว่างบุคคลเหล่านี้กับแก๊งอาชญากรรม

  • การสืบสวนภายในประเทศ: รัฐบาลเวเนซุเอลาอ้างว่าได้ทำการสืบสวนอย่างละเอียด และไม่พบหลักฐานที่บ่งชี้ว่าผู้เสียชีวิตเป็นสมาชิกแก๊งค้ายา
  • คำกล่าวอ้างของครอบครัว: ครอบครัวของผู้เสียชีวิตต่างปฏิเสธว่าญาติของตนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด
  • ข้อสงสัยเกี่ยวกับข้อมูล: เวเนซุเอลาตั้งคำถามว่าสหรัฐฯ ได้ข้อมูลเกี่ยวกับยาเสพติดบนเรือมาได้อย่างไร และเหตุใดจึงไม่พยายามจับกุมผู้ต้องสงสัย

นอกจากนี้ การที่เวเนซุเอลาอ้างว่าคลิปวิดีโอการโจมตีเป็นภาพที่สร้างขึ้นโดยใช้ AI ยิ่งทำให้สถานการณ์ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น หากเป็นเรื่องจริง ก็หมายความว่าสหรัฐฯ พยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการกระทำของตน

ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อความสัมพันธ์ระหว่างเวเนซุเอลาและสหรัฐฯ ซึ่งมีความตึงเครียดอยู่แล้ว การที่เวเนซุเอลาออกมาประณามการกระทำของสหรัฐฯ อย่างรุนแรง แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจอย่างมาก และอาจนำไปสู่การตอบโต้ทางเศรษฐกิจและการเมืองในอนาคต

นอกจากนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวยังส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสหรัฐฯ ในสายตาของประชาคมโลก การใช้กำลังถึงชีวิตโดยไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด อาจถูกมองว่าเป็นการละเมิดหลักการพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศและสิทธิมนุษยชน

สิ่งที่เกิดขึ้นตอกย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน และการใช้ความระมัดระวังในการตัดสินใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้คน หากมีการพิสูจน์ได้ว่าผู้เสียชีวิตทั้ง 11 รายเป็นผู้บริสุทธิ์ สหรัฐฯ จะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตน และชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้น

โดยสรุปแล้ว ข้อโต้แย้งที่ว่า เหยื่อ 11 ศพที่ถูกสหรัฐฯ ยิงถล่มเรือ ไม่ใช่สมาชิกแก๊งค้ายา ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด การเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ผู้เสียชีวิตและครอบครัว และเพื่อรักษาหลักการของความยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน

ที่มา – เวเนฯ โวย เหยื่อ 11 ศพที่ถูกสหรัฐฯ ยิงถล่มเรือ ไม่ใช่สมาชิกแก๊งค้ายา

โบลิเวียแซงคว้าตั๋วเพลย์ออฟ ฟุตบอลโลก! ล่าสุด

โบลิเวียแซงคว้าตั๋วไปเพลย์ออฟ ฟุตบอลโลก!

แฟนบอลทั่วโลกต่างฮือฮากับผลการแข่งขันฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนอเมริกาใต้ ที่พลิกล็อกชนิดที่ว่าใครก็คาดไม่ถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โบลิเวีย ที่สร้างปาฏิหาริย์แซงคว้าตั๋วไปเตะเพลย์ออฟ ฟุตบอลโลก ได้อย่างเหลือเชื่อ หลังเฉือนชนะทีมเต็งอย่างบราซิล และผลอีกคู่เป็นใจให้เวเนซุเอลาแพ้

การแข่งขันฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้ เมื่อวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา ถือเป็นนัดชี้ชะตาของหลายทีม โดยเฉพาะการแย่งชิงโควต้าเพลย์ออฟระหว่าง เวเนซุเอลา และ โบลิเวีย ซึ่งสถานการณ์ก่อนเกมนั้นค่อนข้างซับซ้อน

เวเนซุเอลา ได้เปรียบกว่าเล็กน้อย เพราะได้เล่นในบ้านพบกับโคลอมเบีย พวกเขาต้องการเพียงชัยชนะก็จะการันตีตั๋วเพลย์ออฟทันที ในขณะที่ โบลิเวีย ต้องเจองานหินกว่าด้วยการบุกไปเยือนบราซิล แถมเงื่อนไขคือต้องชนะสถานเดียวเท่านั้น และต้องภาวนาให้เวเนซุเอลาไม่ชนะอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากสุดๆ

แต่แล้วปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น! โบลิเวีย สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการบุกไปเฉือนชนะบราซิล 1-0 สร้างความหวังให้กับแฟนบอลของพวกเขาอย่างมาก และในเวลาเดียวกัน ผลการแข่งขันอีกคู่ก็เป็นใจให้พวกเขา เมื่อเวเนซุเอลา พลาดท่าแพ้คาบ้านต่อโคลอมเบียด้วยสกอร์ 3-6

ด้วยผลการแข่งขันดังกล่าว ทำให้ โบลิเวีย เก็บเพิ่มเป็น 20 คะแนน จากการลงสนาม 18 นัด แซงขึ้นมาอยู่ในอันดับ 7 ของตารางคะแนน คว้าสิทธิ์เข้าไปเล่นในรอบเพลย์ออฟเพื่อชิงตั๋วไปฟุตบอลโลกแบบเหลือเชื่อ ส่วน เวเนซุเอลา มี 18 คะแนน ร่วงลงมาอยู่อันดับ 8 อดไปต่ออย่างน่าเสียดาย

สรุปผลการแข่งขันและตารางคะแนนล่าสุด

ผลการแข่งขันคู่อื่นๆ ที่น่าสนใจ:

  • เอกวาดอร์ ชนะ อาร์เจนตินา 1-0
  • ชิลี เสมอ อุรุกวัย 0-0
  • เปรู แพ้ ปารากวัย 0-1

สรุปอันดับตารางคะแนนหลังจบ 18 นัด:

  1. อาร์เจนตินา (38 คะแนน – ผ่านเข้ารอบสุดท้าย)
  2. เอกวาดอร์ (29 คะแนน – ผ่านเข้ารอบสุดท้าย)
  3. โคลัมเบีย (28 คะแนน – ผ่านเข้ารอบสุดท้าย)
  4. อุรุกวัย (28 คะแนน – ผ่านเข้ารอบสุดท้าย)
  5. บราซิล (28 คะแนน – ผ่านเข้ารอบสุดท้าย)
  6. ปารากวัย (28 คะแนน – ผ่านเข้ารอบสุดท้าย)
  7. โบลิเวีย (20 คะแนน – ไปเพลย์ออฟ)
  8. เวเนซุเอลา (18 คะแนน)
  9. เปรู (12 คะแนน)
  10. ชิลี (11 คะแนน)

การที่ โบลิเวีย แซงคว้าตั๋วไปเพลย์ออฟ ฟุตบอลโลก ได้นั้น ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งสำหรับแฟนบอลของพวกเขา และเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นว่าในโลกของฟุตบอล อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ แม้ว่าโอกาสจะริบหรี่เพียงใดก็ตาม

แน่นอนว่าเส้นทางสู่ฟุตบอลโลกของ โบลิเวีย ยังคงเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่ด้วยสปิริตและความมุ่งมั่นที่พวกแสดงให้เห็น พวกเขาอาจจะสร้างเซอร์ไพรส์ได้อีกครั้งก็เป็นได้ แฟนบอลชาวไทยก็อย่าลืมส่งกำลังใจเชียร์ โบลิเวีย ในรอบเพลย์ออฟกันด้วยนะครับ!

ที่มา – โบลิเวียแซงคว้าตั๋วไปเพลย์ออฟ ฟุตบอลโลก หลังเฉือนบราซิลแล้วเวเนซุเอลาแพ้

เวเนซุเอลายกระดับความปลอดภัยรัฐชายฝั่งหลังสหรัฐฯ ประชิด

เวเนซุเอลายกระดับความปลอดภัยรัฐชายฝั่งหลังสหรัฐฯ ประชิด

ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้น เวเนซุเอลาเตรียมเวเนซุเอลายกระดับความปลอดภัยรัฐชายฝั่งหลังสหรัฐฯ ประชิดให้กับรัฐชายฝั่ง 4 แห่ง และเกาะอีก 1 แห่ง เพื่อตอบโต้การที่สหรัฐฯ ส่งกองกำลังมาประจำการในทะเลแคริบเบียน

ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากความสัมพันธ์ระหว่างเวเนซุเอลาและสหรัฐฯ ตึงเครียดมากขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสหรัฐฯ ได้ส่งเรือรบอย่างน้อย 3 ลำและทหาร 4,000 นายไปยังทะเลแคริบเบียนตอนใต้ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อปราบปรามแก๊งค้ายาเสพติดภายใต้ปฏิบัติการพิเศษ

สถานการณ์ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อสหรัฐฯ โจมตีเรือที่ถูกกล่าวหาว่าขนส่งยาเสพติดจากเวเนซุเอลา ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 11 รายในช่วงต้นเดือนกันยายน

วลาดิเมียร์ ปาดริโน โลเปซ รัฐมนตรีกว่าการกระทรวงกลาโหมเวเนซุเอลา ได้แถลงผ่านวิดีโอที่โพสต์บนอินสตาแกรมของเขาว่า ประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ได้สั่งการให้ระดมกำลังพลและยุทโธปกรณ์ทั้งหมดที่พร้อมปฏิบัติการไปยังรัฐซูเลีย, ฟัลกอน, นิววา เอสปาร์ตา, ซูเกร และเดลตา อามาคูโร

การตอบโต้ของเวเนซุเอลาต่อการประชิดชายฝั่งของสหรัฐฯ

เวเนซุเอลาได้ส่งเครื่องบินเจ็ตอย่างน้อย 2 ลำไปยังน่านน้ำสากล ซึ่งอยู่ในระยะของเรือรบสหรัฐฯ อย่างน้อยหนึ่งลำ แม้ว่าจะไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการถึงการเคลื่อนที่ดังกล่าว แต่ปาดริโนได้กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่ากองทัพอากาศเวเนซุเอลากำลังปกป้องน่านฟ้าของประเทศและลาดตระเวนในพื้นที่ดังกล่าว นอกจากนี้ กองทัพเรือเวเนซุเอลายังคงประจำการตามแนวชายฝั่งทะเลแคริบเบียนและมหาสมุทรแอตแลนติกอย่างต่อเนื่อง

การตอบโต้ดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเวเนซุเอลาในการรักษาอธิปไตยของตนเอง ท่ามกลางความท้าทายจากภายนอก

ในขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ออกมาเตือนว่า หากเครื่องบินของเวเนซุเอลาเป็นอันตรายต่อเรือของสหรัฐฯ เครื่องบินเหล่านั้นจะถูกยิงตกทันที

สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการเผชิญหน้าทางทหารที่อาจเกิดขึ้นระหว่างสองประเทศ และนานาชาติกำลังจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นเป็นการตอกย้ำถึงความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนและเปราะบางระหว่างเวเนซุเอลาและสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีประวัติความขัดแย้งและความไม่ไว้วางใจมายาวนาน

เวเนซุเอลายกระดับความปลอดภัยรัฐชายฝั่งหลังสหรัฐฯ ประชิดครั้งนี้ ถือเป็นการตอบโต้ที่แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจต่อการกระทำของสหรัฐฯ และยืนยันถึงความตั้งใจที่จะปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง

การยกระดับความปลอดภัยดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความพร้อมในการตอบสนองต่อภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น และปกป้องประชาชนและทรัพย์สินของประเทศ

สถานการณ์ในปัจจุบันยังคงมีความไม่แน่นอนสูง และจำเป็นต้องมีการเจรจาและการทูตเพื่อลดความตึงเครียดและหลีกเลี่ยงการปะทะกันโดยไม่จำเป็น

เวเนซุเอลายกระดับความปลอดภัยรัฐชายฝั่งหลังสหรัฐฯ ประชิด เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความมุ่งมั่นที่จะรักษาอธิปไตยและปกป้องประเทศชาติ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ท้าทาย

ถึงแม้ว่าสถานการณ์จะยังคงตึงเครียด แต่ก็หวังว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถหาทางออกทางการทูตเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น และสร้างสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค

ที่มา – เวเนซุเอลายกระดับความปลอดภัยรัฐชายฝั่ง หลังสหรัฐฯ ส่งกองเรือประชิดทะเลแคริบเบียน

สหรัฐฯ จ่อปฏิบัติการทหารกวาดล้างแก๊งค้ายาในเวเนซุเอลา

ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและเวเนซุเอลายังคงตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีรายงานว่าสหรัฐฯ จ่อใช้ปฏิบัติการทหารกวาดล้างแก๊งค้ายาในเวเนซุเอลา สร้างความวิตกกังวลต่อสถานการณ์ความมั่นคงในภูมิภาค

ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพิจารณาทางเลือกในการใช้ปฏิบัติการทางทหารต่อกลุ่มค้ายาเสพติดในเวเนซุเอลา ซึ่งรวมถึงความเป็นไปได้ในการโจมตีภายในประเทศ หากเกิดขึ้นจริง จะเป็นการยกระดับความตึงเครียดระหว่างสองประเทศอย่างมาก การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการค้ายาเสพติดและสถานการณ์ทางการเมืองในเวเนซุเอลา

เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา กองทัพสหรัฐฯ ได้โจมตีเรือจากเวเนซุเอลาในทะเลแคริบเบียนตอนใต้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 11 ราย โดยทรัมป์ระบุว่าเรือลำดังกล่าวลำเลียงยาเสพติดผิดกฎหมาย เหตุการณ์นี้เป็นสัญญาณที่ชัดเจนถึงการเพิ่มขึ้นของความตึงเครียดทางทหารในภูมิภาค

ทรัมป์ยังกล่าวอีกว่า การโจมตีครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความพยายามครั้งใหญ่ในการกวาดล้างการค้ายาเสพติดในภูมิภาค และอาจรวมถึงการโค่นอำนาจของ นิโคลัส มาดูโร ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา การแสดงท่าทีที่แข็งกร้าวนี้เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึงความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ในการต่อต้านการค้ายาเสพติดและสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในเวเนซุเอลา

เมื่อถูกถามว่าสหรัฐฯ ต้องการเปลี่ยนระบอบการปกครองในเวเนซุเอลาหรือไม่ ทรัมป์ตอบว่า ไม่ใช่สิ่งที่กำลังพูดถึง แต่ย้ำว่าการเลือกตั้งของเวเนซุเอลานั้น “แปลกประหลาดมาก” คำกล่าวนี้สะท้อนถึงความไม่ไว้วางใจของสหรัฐฯ ต่อความชอบธรรมของรัฐบาลมาดูโร และการสนับสนุนสำหรับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย

ด้านมาดูโรเรียกร้องให้สหรัฐฯ เคารพอธิปไตยของเวเนซุเอลา โดยกล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ควรละทิ้งแผนการใช้ความรุนแรงเพื่อเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองทั้งในเวเนซุเอลาและลาตินอเมริกา พร้อมทั้งเคารพสิทธิในอธิปไตย สันติภาพ และเอกราชของชาติ คำแถลงนี้เน้นย้ำถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างสองประเทศ และความสำคัญของการรักษาสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค

สหรัฐฯ จ่อใช้ปฏิบัติการทหารกวาดล้างแก๊งค้ายาในเวเนซุเอลา

การตัดสินใจของสหรัฐฯ ที่จะ ใช้ปฏิบัติการทหารกวาดล้างแก๊งค้ายาในเวเนซุเอลา เป็นการตอบสนองต่อความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการค้ายาเสพติดและสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศนั้น การดำเนินการทางทหารอาจรวมถึงการโจมตีทางอากาศ การโจมตีทางเรือ และการปฏิบัติการพิเศษอื่นๆ ที่มุ่งเป้าไปที่กลุ่มค้ายาเสพติดและโครงสร้างพื้นฐานของพวกเขา

ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการปฏิบัติการทางทหาร

การ สหรัฐฯ จ่อใช้ปฏิบัติการทหารกวาดล้างแก๊งค้ายาในเวเนซุเอลา อาจมีผลกระทบที่สำคัญหลายประการ:

  • ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้น: การดำเนินการทางทหารอาจนำไปสู่ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐฯ และเวเนซุเอลา รวมถึงความขัดแย้งทางทหารที่อาจเกิดขึ้น
  • ความไม่มั่นคงในภูมิภาค: การดำเนินการทางทหารอาจทำให้เกิดความไม่มั่นคงในภูมิภาค และทำให้สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในเวเนซุเอลาแย่ลง
  • ผลกระทบต่อพลเรือน: การดำเนินการทางทหารอาจส่งผลกระทบต่อพลเรือน รวมถึงการบาดเจ็บ การเสียชีวิต และการพลัดถิ่น
  • การตอบโต้จากเวเนซุเอลา: รัฐบาลเวเนซุเอลาอาจตอบโต้การดำเนินการทางทหารของสหรัฐฯ ซึ่งอาจนำไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงยิ่งขึ้น

สถานการณ์ในเวเนซุเอลายังคงมีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การตัดสินใจของสหรัฐฯ ที่จะใช้ปฏิบัติการทางทหาร กวาดล้างแก๊งค้ายาในเวเนซุเอลา เป็นการเน้นย้ำถึงความสำคัญของการหาทางออกทางการทูตและการเจรจาเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจในประเทศนั้นอย่างสันติ

ขณะที่สหรัฐฯ เตรียมพร้อมสำหรับความเป็นไปได้ในการใช้ปฏิบัติการทางทหาร การมุ่งเน้นไปที่การลดผลกระทบต่อพลเรือนและการสนับสนุนความพยายามในการสร้างเสถียรภาพในภูมิภาคเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง การดำเนินการแต่เพียงฝ่ายเดียวอาจนำไปสู่ผลกระทบที่ไม่คาดฝันและทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง ควรพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการทำงานร่วมกับพันธมิตรในภูมิภาคและองค์กรระหว่างประเทศเพื่อหาทางออกที่ยั่งยืนและยั่งยืนมากกว่า

ที่มา – สหรัฐฯ จ่อใช้ปฏิบัติการทหารกวาดล้างแก๊งค้ายาในเวเนซุเอลา

เมสซีเหมาสอง! อาร์เจนตินา ถล่ม เวเนฯ คัดบอลโลก 2026

ลิโอเนล เมสซี เหมาคนเดียวสองประตูพาทีมชาติอาร์เจนตินา ถล่ม เวเนซุเอลา 3-0 ส่งท้ายคัดบอลโลก 2026 ในบ้าน นี่คือภาพที่แฟนบอลทั่วโลกต่างรอคอย! เกมส่งท้ายที่เต็มไปด้วยความทรงจำ

การแข่งขันฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนอเมริกาใต้เมื่อวันที่ 5 ก.ย. คู่ที่น่าสนใจ “ฟ้าขาว” อาร์เจนตินา เปิดสนาม เอสตาดิโอ โมนูเมนทัล รับการมาเยือนของ “นางงาม” เวเนซุเอลา เกมนี้มีความหมายต่อแฟนบอลเป็นอย่างมาก เพราะอาจเป็นการลงเล่นในบ้านครั้งสุดท้ายของเมสซีในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก

เกมนี้เจ้าถิ่นซึ่งผ่านเข้ารอบไปแล้วส่ง ลิโอเนล เมสซี ซึ่งคาดว่าจะเป็นการลงเล่นฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก หนสุดท้ายในอาชีพต่อหน้าแฟนบอลบ้านเกิดนำทัพประสานงานกับ โรดริโก เดอ ปอล และฮูเลียน อัลวาเรซ ส่วนทีมเยือนวาง โทมาส ลินคอน, เจฟเฟอร์สัน ซาวาริโน และโซโลมอน ลอนดอน เป็นแกนหลัก

Argentina’s Lionel Messi dribbles chased by Venezuela’s Cristian Casseres, left, during a World Cup 2026 qualifying soccer match at the Monumental stadium in Buenos Aires, Argentina, Thursday, Sept. 4, 2025. (AP Photo/Natacha Pisarenko)

 

ผลปรากฏว่า อาร์เจนตินา ยังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมหลังไล่ถล่มไป 3-0 จากประตูของ ลิโอเนล เมสซี ที่เหมาคนเดียวสองลูกนาที 39 และ80 บวกกับ เลาตาโร มาร์ติเนซ นาที 76 ทำให้แฟนบอลในสนามต่างส่งเสียงเชียร์ดังกระหึ่ม

Argentina’s Lionel Messi celebrates scoring his side’s third goal against Venezuela during a World Cup 2026 qualifying soccer match at the Monumental stadium in Buenos Aires, Argentina, Thursday, Sept. 4, 2025. (AP Photo/Gustavo Garello)

 

จากผลที่เกิดขึ้นทำให้ อาร์เจนตินา มีเพิ่มเป็น 38 คะแนนจาก 17 นัดนำจ่าฝูงส่วน เวเนซุเอลา หยุดอยู่ที่ 18 คะแนนจาก 17 นัดยังมีลุ้นเข้ารอบในเกมสุดท้าย

เมสซีเหมาสอง อาร์เจนตินา ถล่ม เวเนซุเอลา ส่งท้ายคัดบอลโลก 2026 ในบ้าน

ผลงานอันยอดเยี่ยมของอาร์เจนตินาในเกมนี้ ตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งของทีม และเป็นการส่งสัญญาณเตือนไปยังคู่แข่งในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายว่า พวกเขาพร้อมที่จะท้าทายเพื่อตำแหน่งแชมป์

สรุปไฮไลท์: เมสซีเหมาสองประตู อาร์เจนตินา ถล่ม เวเนซุเอลา ส่งท้ายคัดบอลโลก 2026 ในบ้าน

เกมนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถเฉพาะตัวของ ลิโอเนล เมสซี ที่ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของทีมชาติอาร์เจนตินา การทำสองประตูในเกมนี้ ทำให้เขายังคงเป็นนักเตะที่อันตรายที่สุดคนหนึ่งของโลก

ผลการแข่งขันคู่อื่นๆ

ปารากวัย 0-0 เอกวาดอร์

อุรุกวัย 3-0 เปรู

โคลัมเบีย 3-0 โบลิเวีย

บราซิล 3-0 ชิลี

สรุปทีมผ่านเข้ารอบสุดท้ายโซอเมริกาใต้ในขณะนี้

1.อาร์เจนตินา

2.บราซิล

3.เอกวาดอร์

4.อุรุกวัย

5.โคลัมเบีย

6.ปารากวัย

การที่อาร์เจนตินาเอาชนะเวเนซุเอลาได้ในเกม คัดบอลโลก 2026 ทำให้พวกเขามีความมั่นใจมากขึ้นก่อนที่จะถึงฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย แฟนบอลทั่วโลกต่างตั้งตารอชมผลงานของพวกเขา

ที่มา – เมสซีเหมาสอง อาร์เจนตินา ถล่ม เวเนซุเอลา ส่งท้ายคัดบอลโลก 2026 ในบ้าน

ทรัมป์เผย ทัพสหรัฐฯ ยิงถล่มเรือขนยาเสพติดเวเนซุเอลา

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แถลงว่า กองทัพอเมริกันได้ปฏิบัติการโจมตีเรือต้องสงสัยลักลอบขนยาเสพติดลำหนึ่งจากเวเนซุเอลาในทะเลแคริบเบียนเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (2 ก.ย.) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตยกลำ 11 ราย โดยทรัมป์อ้างว่าผู้เสียชีวิตทั้งหมดเป็นสมาชิกกลุ่มก่อการร้าย ถือเป็นการเปิดฉากปฏิบัติการทางทหารครั้งแรกอย่างเป็นทางการ นับตั้งแต่รัฐบาลสหรัฐฯ ส่งกองเรือรบขนาดใหญ่เข้าประชิดภูมิภาคเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน

“เราเพิ่งสอยเรือขนยาไปลำหนึ่งสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วนี่เอง ในเรือมียาเสพติดมหาศาล” ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาว “แล้วคอยดูเถอะ จะมีตามมาอีก ยาเสพติดทะลักเข้าประเทศเรามานานแล้ว … ของล็อตนี้มาจากเวเนซุเอลา”

ต่อมา ทรัมป์ได้แชร์คลิปวิดีโอบนแพลตฟอร์มทรูธโซเชียล (Truth Social) ที่ดูเหมือนถ่ายจากโดรน เผยให้เห็นภาพเรือเร็วลำหนึ่งกลางทะเลเกิดระเบิดลุกเป็นไฟ พร้อมระบุข้อความว่า “ผลปฏิบัติการครั้งนี้ สังหารผู้ก่อการร้ายได้ 11 นาย ฝ่ายกองทัพสหรัฐฯ ไม่มีใครได้รับอันตราย”

ผู้นำสหรัฐฯ ตอกย้ำว่า กองทัพสามารถระบุตัวตนลูกเรือได้ว่าเป็นสมาชิกของแก๊ง “เตรนเดอารากัว” (Tren de Aragua) ซึ่งสหรัฐฯ เพิ่งขึ้นบัญชีเป็นองค์กรก่อการร้ายเมื่อเดือนก.พ. ที่ผ่านมา ทรัมป์ยังกล่าวหาด้วยว่า ประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร แห่งเวเนซุเอลา เป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังแก๊งนี้ ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่รัฐบาลเวเนซุเอลาปฏิเสธมาโดยตลอด

ด้าน เฟรดดี ญาเญซ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการสื่อสารของเวเนซุเอลา ออกมาตอบโต้ผ่านโซเชียลมีเดียว่า วิดีโอที่ทรัมป์นำมาเผยแพร่นั้น อาจเป็นของปลอมที่สร้างขึ้นด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI)

ปฏิบัติการครั้งนี้เกิดขึ้นหลังกองทัพเรือสหรัฐฯ เคลื่อนกองเรือรบขนาดใหญ่เข้าประชิดทะเลแคริบเบียนตอนใต้ โดยฝ่ายสหรัฐฯ อ้างว่ามีเป้าหมายเพื่อปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติดในภูมิภาคลาตินอเมริกา

กองเรือที่ถูกส่งมาในครั้งนี้ประกอบด้วยเรือรบ 7 ลำ และเรือดำน้ำโจมตีพลังงานนิวเคลียร์อีก 1 ลำ ซึ่งถือเป็นการเสริมกำลังทางทหารครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปีและมีขนาดใหญ่กว่าภารกิจปกติในภูมิภาคนี้อย่างมีนัยสำคัญ

กองเรือดังกล่าวรวมถึงเรือ USS San Antonio, USS Iwo Jima และ USS Fort Lauderdale ซึ่งบรรทุกกำลังพลรวมกว่า 4,500 นาย ในจำนวนนี้เป็นนาวิกโยธิน 2,200 นาย นอกจากนี้ กองทัพสหรัฐฯ ยังได้ส่งเครื่องบินสอดแนม P-8 ขึ้นบินรวบรวมข่าวกรองในน่านน้ำสากลบริเวณดังกล่าวด้วย

ทรัมป์เผย ทัพสหรัฐฯ ยิงถล่มเรือขนยาเสพติดเวเนซุเอลา

สถานการณ์นี้มีความซับซ้อนและน่าติดตามอย่างยิ่ง การที่ประธานาธิบดีทรัมป์ออกมาเปิดเผยข้อมูลด้วยตนเอง ยิ่งทำให้เกิดความสนใจจากทั่วโลกต่อปฏิบัติการทางทหารครั้งนี้ การอ้างว่าผู้เสียชีวิตเป็นสมาชิกกลุ่มก่อการร้ายก็เป็นประเด็นที่ต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป

วิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้น:

  • ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และเวเนซุเอลา: ความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่นระหว่างสองประเทศนี้ อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่ปฏิบัติการดังกล่าว การกล่าวหาว่าประธานาธิบดีมาดูโรอยู่เบื้องหลังแก๊งค้ายาเสพติดยิ่งเป็นการเพิ่มความตึงเครียด
  • การปราบปรามยาเสพติด: สหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับการปราบปรามยาเสพติดมาโดยตลอด และปฏิบัติการนี้อาจเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการลดการลักลอบขนยาเสพติดเข้าประเทศ
  • ข้อมูลที่ขัดแย้ง: การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการสื่อสารของเวเนซุเอลาออกมาโต้แย้งว่าวิดีโออาจเป็นของปลอม แสดงให้เห็นถึงความไม่ไว้วางใจระหว่างสองฝ่าย และความยากลำบากในการตรวจสอบข้อเท็จจริง

ผลกระทบจากเหตุการณ์ ทรัมป์เผย ทัพสหรัฐฯ ยิงถล่มเรือขนยาเสพติดเวเนซุเอลา

เหตุการณ์ ทรัมป์เผย ทัพสหรัฐฯ ยิงถล่มเรือขนยาเสพติดเวเนซุเอลา อาจส่งผลกระทบหลายด้าน เช่น

  • ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ: อาจทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และเวเนซุเอลาย่ำแย่ลงไปอีก
  • ความมั่นคงในภูมิภาค: อาจนำไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงยิ่งขึ้นในภูมิภาคลาตินอเมริกา
  • การค้ายาเสพติด: อาจส่งผลกระทบต่อขบวนการค้ายาเสพติดในภูมิภาค แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะสามารถปราบปรามได้อย่างยั่งยืนหรือไม่

สรุปแล้ว เหตุการณ์ทรัมป์เผย ทัพสหรัฐฯ ยิงถล่มเรือขนยาเสพติดเวเนซุเอลาเป็นเรื่องที่ต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด เพราะอาจส่งผลกระทบต่อทั้งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ความมั่นคงในภูมิภาค และการปราบปรามยาเสพติดในระยะยาว การตรวจสอบข้อเท็จจริงและการหาทางออกทางการทูตจึงเป็นสิ่งสำคัญ

ที่มา – ทรัมป์เผย ทัพสหรัฐฯ ยิงถล่มเรือขนยาเสพติดเวเนซุเอลา ดับ 11 อ้างเป็นแก๊งก่อการร้าย