กำแพงภาษี: หัวข้อหารือ สหรัฐฯ-อาเซียน
การประชุมระหว่างผู้แทนการค้าสหรัฐฯ และรัฐมนตรีจากชาติอาเซียนที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ในวันพุธนี้ (24 ก.ย.) ส่อแววว่าประเด็นเรื่องกำแพงภาษีส่อเป็นหัวข้อใหญ่ในการหารือผู้แทนการค้าสหรัฐฯ-อาเซียน โดยจะเน้นไปที่ข้อตกลงด้านการค้าและการลงทุน
ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ส่วนใหญ่พึ่งพาการส่งออกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากมาตรการกำแพงภาษีส่อเป็นหัวข้อใหญ่ในการหารือผู้แทนการค้าสหรัฐฯ-อาเซียนที่อาจเกิดขึ้น โดยอัตราภาษีที่เรียกเก็บในภูมิภาคนี้อยู่ที่ 19-20% สำหรับหลายประเทศ, 40% สำหรับลาวและเมียนมา, และ 10% สำหรับสิงคโปร์
โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) คาดการณ์ว่าเวียดนาม ซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับ 6 ของโลกไปยังสหรัฐฯ, มีความเสี่ยงที่จะสูญเสียรายได้สูงถึง 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี หากถูกเก็บภาษีสินค้า 20%, ทำให้เวียดนามกลายเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดในภูมิภาค
เต็งกู ซาฟรูล อาซิซ รัฐมนตรีกระทรวงการค้ามาเลเซีย ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเศรษฐกิจกับรัฐมนตรีจาก 10 ชาติอาเซียน กล่าวว่า “เราจะได้หารือเรื่องภาษีหรือไม่นั้น เป็นสิ่งที่เราต้องรอดู”
“การที่รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนทุกคนยังคงอยู่ที่นี่เพื่อหารือกับสหรัฐฯ และการที่ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ เดินทางมาด้วยตนเอง แสดงให้เห็นว่าทั้งอาเซียนและสหรัฐฯ ต่างให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ที่มีต่อกันในด้านการค้าและการลงทุน และนั่นคือสิ่งสำคัญ” เต็งกู ซาฟรูลกล่าว
ที่ผ่านมา ชาติสมาชิกอาเซียนส่วนใหญ่ต่างแยกกันเจรจากับสหรัฐฯ ในประเด็นภาษีศุลกากรเป็นรายประเทศ แต่สถานการณ์ปัจจุบันอาจผลักดันให้ต้องสร้างจุดยืนร่วมกันมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากความเสี่ยงในการถูกขึ้นภาษีในรายสาขาอุตสาหกรรม, โดยเฉพาะเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของไทย มาเลเซีย และเวียดนาม
เมื่อเดือนที่แล้ว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวถึงการตั้งกำแพงภาษีเซมิคอนดักเตอร์ไว้ที่ 100% โดยจะยกเว้นให้กับบริษัทที่ผลิตในสหรัฐฯ หรือสัญญาว่าจะลงทุนผลิตในประเทศ
กำแพงภาษีส่อเป็นหัวข้อใหญ่ในการหารือผู้แทนการค้าสหรัฐฯ-อาเซียน
สถานการณ์นี้ทำให้หลายฝ่ายจับตาดูว่า กำแพงภาษีส่อเป็นหัวข้อใหญ่ในการหารือผู้แทนการค้าสหรัฐฯ-อาเซียน จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าอย่างไร และอาเซียนจะรับมือกับความท้าทายนี้อย่างไร
ผลกระทบและแนวทางที่อาจเกิดขึ้นจากกำแพงภาษี
การที่สหรัฐฯ พิจารณาใช้ กำแพงภาษีส่อเป็นหัวข้อใหญ่ในการหารือผู้แทนการค้าสหรัฐฯ-อาเซียน ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกอาเซียนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการลดลงของปริมาณการส่งออก การเพิ่มขึ้นของต้นทุนสินค้า และอาจนำไปสู่การชะลอตัวของการลงทุนจากต่างประเทศ ทั้งนี้ แต่ละประเทศในอาเซียนก็มีแนวทางในการรับมือที่แตกต่างกัน บางประเทศอาจมุ่งเน้นการเจรจาต่อรองกับสหรัฐฯ เป็นรายประเทศ ในขณะที่บางประเทศอาจพยายามรวมกลุ่มกันเพื่อเพิ่มอำนาจในการต่อรอง
นอกจากนี้ การหาตลาดใหม่ๆ และการส่งเสริมการค้าภายในภูมิภาคก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่อาเซียนสามารถนำมาใช้เพื่อลดผลกระทบจากกำแพงภาษีส่อเป็นหัวข้อใหญ่ในการหารือผู้แทนการค้าสหรัฐฯ-อาเซียน ได้
การเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และการตอบสนองของอาเซียนต่อสถานการณ์นี้จะเป็นตัวกำหนดทิศทางของเศรษฐกิจในภูมิภาคในอนาคตอันใกล้นี้ การติดตามข่าวสารและทำความเข้าใจผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ประกอบการ นักลงทุน และผู้ที่สนใจในเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
ที่มา – กำแพงภาษีส่อเป็นหัวข้อใหญ่ในการหารือผู้แทนการค้าสหรัฐฯ-อาเซียน
