เม็กซิโก

เปรูฯ ประกาศผู้นำเม็กซิโกเป็น “บุคคลไม่พึงปรารถนา”

รัฐสภาเปรูประกาศให้ผู้นำเม็กซิโกเป็น “บุคคลไม่พึงปรารถนา” หลังให้ที่พักพิงอดีตนายกฯ กลายเป็นประเด็นร้อนทางการทูตระหว่างสองประเทศ มาดูกันว่าเกิดอะไรขึ้น!

เปรูประกาศให้ผู้นำเม็กซิโกเป็น “บุคคลไม่พึงปรารถนา”

รัฐสภาเปรูมีมติประกาศให้ประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบาม ผู้นำเม็กซิโก เป็นบุคคลไม่พึงปรารถนา (persona non grata) หลังรัฐบาลของเธอมอบสิทธิคุ้มครองผู้ลี้ภัยให้แก่อดีตนายกรัฐมนตรี เบตซี ชาเบซ ของเปรู ซึ่งหลบซ่อนอยู่ภายในที่พักของสถานเอกอัครราชทูตเม็กซิโกในกรุงลิมา

เรื่องราวนี้เริ่มต้นจากการที่อดีตนายกฯ ชาเบซ ลี้ภัยเข้าไปยังสถานทูตเม็กซิโกในเปรู แต่ยังไม่ชัดเจนว่าเธอหลบซ่อนอยู่ที่นั่นนานแค่ไหน อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจของรัฐบาลเม็กซิโกในการให้สิทธิลี้ภัย ทำให้ประธานาธิบดีโฆเซ เยรี ของเปรู ตัดสินใจตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับเม็กซิโก เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความไม่พอใจต่อการกระทำดังกล่าว

รัฐบาลเปรูยังระบุอีกว่ากำลังพิจารณาว่าจะอนุญาตให้อดีตนายกฯ ชาเบซ เดินทางออกจากประเทศไปยังเม็กซิโกได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ สถานการณ์นี้ยิ่งตึงเครียดมากขึ้นเมื่อเปรูมองว่าเม็กซิโกกำลังแทรกแซงกิจการภายในประเทศ

รายงานข่าวระบุว่า ประธานาธิบดีเชนบามของเม็กซิโก เป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญของอดีตประธานาธิบดีเปโดร กัสติโย ซึ่งถูกโค่นอำนาจเมื่อปี 2565 โดยกัสติโยกำลังเผชิญข้อกล่าวหาพยายามก่อรัฐประหารเพื่อขัดขวางการลงมติถอดถอนตนเองออกจากตำแหน่ง

กระทรวงการต่างประเทศเม็กซิโกได้ออกมาตอบโต้ข้อกล่าวหา โดยชี้แจงผ่านทางแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า การให้สิทธิลี้ภัยแก่อดีตนายกฯ ชาเบซนั้น เป็นไปตามหลักการด้านมนุษยธรรมและสันติวิธี และปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าเม็กซิโกกำลังแทรกแซงกิจการภายในของเปรู

น่าสนใจว่าก่อนหน้านี้ รัฐสภาเปรูเคยมีมติในลักษณะเดียวกันนี้กับอดีตประธานาธิบดีอันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ ของเม็กซิโก รวมถึงประธานาธิบดีกุสตาโว เปโตร ของโคลอมเบีย ซึ่งออกมาแสดงจุดยืนสนับสนุนอดีตประธานาธิบดีกัสติโยเช่นกัน

ทำไมเปรูถึงประกาศให้ผู้นำเม็กซิโกเป็น “บุคคลไม่พึงปรารถนา”

การประกาศให้ผู้นำเม็กซิโกเป็น “บุคคลไม่พึงปรารถนา” สะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งทางการทูตที่รุนแรงระหว่างเปรูและเม็กซิโก ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดนี้มีรากฐานมาจากการที่เม็กซิโกให้ที่พักพิงแก่อดีตนายกรัฐมนตรีของเปรู ซึ่งเปรูมองว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในประเทศ

สถานการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคลาตินอเมริกา ซึ่งมักมีความขัดแย้งทางอุดมการณ์และการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต่างๆ

การตัดสินใจของเปรูอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางการทูตและเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศในระยะยาว นอกจากนี้ ยังอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ของเปรูในเวทีระหว่างประเทศด้วย

ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์นี้:

  • ความสัมพันธ์ทางการทูตที่ตึงเครียดมากยิ่งขึ้น
  • ผลกระทบต่อการค้าและการลงทุนระหว่างเปรูและเม็กซิโก
  • ความไม่แน่นอนทางการเมืองในเปรู

การประกาศให้ผู้นำเม็กซิโกเป็น “บุคคลไม่พึงปรารถนา” ถือเป็นมาตรการที่รุนแรง และบ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างยิ่งของเปรูต่อการกระทำของเม็กซิโก สถานการณ์นี้ยังคงต้องได้รับการติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

การที่เปรูประกาศให้ผู้นำเม็กซิโกเป็น “บุคคลไม่พึงปรารถนา” แสดงให้เห็นถึงความเปราะบางของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และความสำคัญของการเคารพอธิปไตยและกฎหมายระหว่างประเทศ การแก้ไขความขัดแย้งทางการทูตอย่างสันติวิธีเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อรักษาเสถียรภาพและความร่วมมือระหว่างประเทศ

ที่มา – เปรูประกาศให้ผู้นำเม็กซิโกเป็น “บุคคลไม่พึงปรารถนา” ปมให้ที่พักพิงอดีตนายกฯ

เม็กซิโกพบการติดเชื้อปรสิตกินเนื้อเพิ่มขึ้น 32%

สถานการณ์น่ากังวล! ข้อมูลล่าสุดจากเม็กซิโกเปิดเผยถึงการเพิ่มขึ้นของการติดเชื้อปรสิตหนอนสกรูกินเนื้อ (New World screwworm – NWS) อย่างมีนัยสำคัญ โดยพบผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันแล้วถึง 6,703 ราย นับตั้งแต่เริ่มมีการระบาดในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ตัวเลขนี้แสดงให้เห็นว่า เม็กซิโกพบการติดเชื้อปรสิตกินเนื้อเพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า สิ้นสุด ณ วันที่ 17 สิงหาคม ซึ่งมีรายงานผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 5,086 ราย การระบาดเริ่มกระจุกตัวในพื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศ สร้างความกังวลให้กับทั้งภาครัฐและประชาชน

รายงานจาก Senasica หน่วยงานด้านสุขาภิบาลของเม็กซิโก ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 26 กันยายน ระบุว่าการระบาดมีความรุนแรงและกำลังขยายวงกว้างไปยังพื้นที่ทางเหนือ โดยเฉพาะในกลุ่มปศุสัตว์ ซึ่งมีรายงานผู้ติดเชื้อถึง 5,258 ราย จากจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมด

การแพร่ระบาดของปรสิต NWS ที่ใกล้ชายแดนสหรัฐฯ ได้ก่อให้เกิดความตึงเครียดทางการทูตระหว่างสองประเทศ สหรัฐฯ กล่าวหาว่าเม็กซิโกดำเนินการไม่เพียงพอในการควบคุมปรสิตชนิดนี้ ซึ่งเป็นอันตรายต่อปศุสัตว์และอาจถึงแก่ชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษา ส่งผลให้สหรัฐฯ ปิดพรมแดนส่วนใหญ่สำหรับการนำเข้าปศุสัตว์จากเม็กซิโกตั้งแต่เดือนพฤษภาคม

เม็กซิโกพบการติดเชื้อปรสิตกินเนื้อเพิ่มขึ้น 32% จริงหรือ?

นอกจากการระบาดในพื้นที่เดิมแล้ว ยังมีการพบผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยัน 5 รายในรัฐปวยบลา ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเม็กซิโกซิตีประมาณ 129 กิโลเมตร และ 744 รายในรัฐโออาซากา ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 453 รายในรายงานเดือนสิงหาคม

รัฐเวรากรูซมีรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว เป็น 476 ราย (จาก 252 รายในเดือนก่อนหน้า) ส่วนรัฐเชียปัส ซึ่งมีพรมแดนติดกับกัวเตมาลา ยังคงเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด มียอดผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยัน 3,474 ราย เพิ่มขึ้นจาก 2,875 รายในเดือนสิงหาคม

เมื่อวันที่ 21 กันยายน เม็กซิโกยังพบการระบาดของปรสิต NWS ในสัตว์ในรัฐนวยโวเลออง ซึ่งมีพรมแดนติดกับสหรัฐฯ แต่ทางการเม็กซิโกยืนยันว่าได้ดำเนินการรักษาทันทีเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเพิ่มเติม

สหรัฐฯ เองก็พบผู้ติดเชื้อปรสิต NWS ในมนุษย์เป็นครั้งแรก หลังจากเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาดในเดือนสิงหาคม การระบาดครั้งใหญ่ครั้งสุดท้ายของปรสิต NWS ในสหรัฐฯ เกิดขึ้นระหว่างปี 2515-2519 ใน 6 รัฐ

ทำไมเม็กซิโกพบการติดเชื้อปรสิตกินเนื้อเพิ่มขึ้น?

สาเหตุที่ เม็กซิโกพบการติดเชื้อปรสิตกินเนื้อเพิ่มขึ้น 32% นั้น อาจเป็นผลมาจากหลายปัจจัย เช่น สภาพอากาศที่เอื้อต่อการแพร่พันธุ์ของปรสิต การเคลื่อนย้ายของปศุสัตว์ และมาตรการควบคุมที่ไม่เข้มงวดเพียงพอ การที่ เม็กซิโกพบการติดเชื้อปรสิตกินเนื้อเพิ่มขึ้น 32% เป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญ ซึ่งบ่งชี้ถึงความจำเป็นในการเพิ่มความเข้มข้นของมาตรการป้องกันและควบคุมโรค

สถานการณ์การระบาดของปรสิตกินเนื้อในเม็กซิโกเป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อในหลายรัฐ และการขยายวงกว้างไปยังพื้นที่ทางเหนือ ทำให้มีความเสี่ยงที่ปรสิตจะแพร่กระจายไปยังประเทศอื่น ๆ มากขึ้น การป้องกันและควบคุมการระบาดจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ

ที่มา – เม็กซิโกพบการติดเชื้อปรสิตกินเนื้อเพิ่มขึ้น 32% นับตั้งแต่เดือนส.ค.

เม็กซิโกซิตี: รถบรรทุกแก๊สระเบิด! เจ็บ 57

สถานการณ์ฉุกเฉินในกรุงเม็กซิโกซิตี! เมื่อวานนี้ (10 กันยายน) เกิดเหตุการณ์รถบรรทุกแก๊สระเบิดในกรุงเม็กซิโกซิตี ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมากถึง 57 ราย โดยมีผู้บาดเจ็บสาหัสถึง 19 รายที่ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด เหตุการณ์นี้สร้างความตื่นตระหนกและความเสียหายในวงกว้าง

คลารา บรูกาดา โมลีนา ผู้ว่าการกรุงเม็กซิโกซิตี ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลผ่านแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (X) ว่า จุดเกิดเหตุสลดนี้อยู่บริเวณใต้สะพานกอนกอร์เดีย ซึ่งเป็นจุดสำคัญบนถนนซาราโกซา ถนนสายหลักที่มีการสัญจรหนาแน่น

รถบรรทุกแก๊สระเบิดในกรุงเม็กซิโกซิตี: รายละเอียดเพิ่มเติม

ตามรายงานจากสื่อท้องถิ่น เหตุการณ์รถบรรทุกแก๊สระเบิดในกรุงเม็กซิโกซิตี เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 14:20 น. ตามเวลาท้องถิ่น รถบรรทุกแก๊สดังกล่าวบรรทุกแก๊สมาเต็มพิกัดถึง 49,500 ลิตร และเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำ ซึ่งนำไปสู่การระเบิดครั้งใหญ่ แรงระเบิดส่งผลให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรง และทำให้ผู้ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงได้รับบาดเจ็บ

เจ้าหน้าที่กู้ภัยและหน่วยแพทย์ฉุกเฉินได้เร่งเข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ และลำเลียงผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลใกล้เคียงอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ได้รับการรักษาพยาบาลอย่างทันท่วงที นอกจากนี้ แรงระเบิดยังส่งผลกระทบต่อยานพาหนะอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียง โดยมีรถยนต์ได้รับความเสียหายถึง 18 คัน

ในขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการปิดล้อมพื้นที่เกิดเหตุและบริเวณโดยรอบ เพื่อป้องกันอันตรายเพิ่มเติม และอำนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญเข้าตรวจสอบหาสาเหตุของการระเบิดอย่างละเอียด การสืบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดเหตุการณ์รถบรรทุกแก๊สระเบิดในกรุงเม็กซิโกซิตี นี้จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยในอนาคต

ผลกระทบจากเหตุการณ์รถบรรทุกแก๊สระเบิด

เหตุการณ์รถบรรทุกแก๊สระเบิดในกรุงเม็กซิโกซิตี ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อการจราจรและวิถีชีวิตของผู้คนในพื้นที่โดยรอบ การปิดถนนซาราโกซาซึ่งเป็นเส้นทางหลัก ทำให้การเดินทางสัญจรติดขัด ประชาชนต้องเผชิญกับความไม่สะดวกในการเดินทางไปยังจุดหมายปลายทาง

นอกจากนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวยังสร้างความตื่นตระหนกและความหวาดกลัวให้กับผู้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียง หลายคนแสดงความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของตนเอง เหตุการณ์นี้เป็นเครื่องเตือนใจให้ทุกฝ่ายตระหนักถึงความสำคัญของการรักษามาตรฐานความปลอดภัยในการขนส่งวัตถุอันตราย และการเตรียมความพร้อมรับมือกับเหตุฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

อุบัติเหตุครั้งนี้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการตรวจสอบและบำรุงรักษารถบรรทุกแก๊สอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการฝึกอบรมพนักงานขับรถให้มีความรู้ความสามารถในการจัดการกับสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างมีประสิทธิภาพ การบังคับใช้กฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งวัตถุอันตรายอย่างเข้มงวดก็เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่น่าเศร้าเช่นนี้ขึ้นอีก

การขนส่งวัตถุอันตราย เช่น แก๊ส ต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังสูงสุด และต้องปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุที่อาจนำไปสู่ความสูญเสียอย่างร้ายแรง ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความปลอดภัยในการขนส่งวัตถุอันตราย

เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นบทเรียนราคาแพงที่ต้องนำไปสู่การปรับปรุงและพัฒนามาตรการความปลอดภัยในการขนส่งวัตถุอันตรายอย่างจริงจัง เพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และสร้างสังคมที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน

ที่มา – เกิดเหตุรถบรรทุกแก๊สระเบิดในกรุงเม็กซิโกซิตี บาดเจ็บ 57 ราย

เม็กซิโกเตรียมขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน จริงหรือ?

เม็กซิโกกำลังพิจารณาที่จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน! ข่าวนี้กำลังเป็นที่จับตามองอย่างมากในแวดวงเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีกระแสข่าวว่าการตัดสินใจนี้เป็นผลมาจากแรงกดดันจากสหรัฐฯ ที่ต้องการให้เม็กซิโกดำเนินมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นต่อสินค้าจากจีน วันนี้เราจะมาเจาะลึกถึงรายละเอียดและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกรณีที่ เม็กซิโกเตรียมขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน กันครับ

ตามรายงานจากสื่อต่างประเทศ รัฐบาลเม็กซิโกกำลังจัดทำร่างแผนงบประมาณปี 2569 ซึ่งจะมีการเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ สิ่งทอ หรือแม้แต่พลาสติก เหตุผลหลักของการตัดสินใจครั้งนี้คือการปกป้องธุรกิจในประเทศจากสินค้าราคาถูกที่ไหลบ่าเข้ามาจากจีน รวมถึงการตอบสนองต่อแรงกดดันจากสหรัฐฯ ที่มีมาอย่างต่อเนื่อง

เม็กซิโกเตรียมขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน

ถึงแม้ว่าเป้าหมายหลักคือสินค้าจากจีน แต่แหล่งข่าวระบุว่าภาษีใหม่นี้อาจครอบคลุมไปถึงสินค้าจากประเทศอื่นๆ ในเอเชียด้วย อย่างไรก็ตาม อัตราภาษีที่ชัดเจนยังไม่มีการเปิดเผย และแผนการทั้งหมดนี้ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาและอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ร่างงบประมาณดังกล่าวมีกำหนดการที่จะส่งให้รัฐสภาพิจารณาภายในวันที่ 8 กันยายนนี้

ทำไมต้องขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน?

เหตุผลหลักๆ ที่เม็กซิโกพิจารณาที่จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน สามารถสรุปได้ดังนี้:

  • ปกป้องธุรกิจในประเทศ: สินค้าราคาถูกจากจีนทำให้ธุรกิจท้องถิ่นของเม็กซิโกแข่งขันได้ยากขึ้น การขึ้นภาษีนำเข้าจะช่วยให้สินค้าเม็กซิกันสามารถแข่งขันในตลาดได้ดีขึ้น
  • ตอบสนองต่อแรงกดดันจากสหรัฐฯ: สหรัฐฯ ภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ได้เรียกร้องให้เม็กซิโกดำเนินมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นต่อสินค้าจากจีนมาโดยตลอด
  • แนวคิด “ป้อมปราการอเมริกาเหนือ”: เม็กซิโกได้เสนอแนวคิดในการสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการผลิตระหว่างสหรัฐฯ เม็กซิโก และแคนาดา เพื่อลดการพึ่งพาจีน

ปัจจุบัน เม็กซิโกถือเป็นตลาดส่งออกรถยนต์อันดับหนึ่งของจีน แซงหน้ารัสเซียไปแล้ว ข้อมูลนี้ยิ่งตอกย้ำถึงความสำคัญของการตัดสินใจเรื่องภาษีนำเข้าที่จะส่งผลกระทบต่อทั้งเม็กซิโกและจีน

การที่ เม็กซิโกเตรียมขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน แต่เป็นผลมาจากการเจรจาและความพยายามในการปรับสมดุลทางการค้าระหว่างประเทศต่างๆ โดยก่อนหน้านี้ รัฐบาลทรัมป์ได้ผลักดันให้เม็กซิโกปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนเหมือนกับที่สหรัฐฯ ได้ทำไปแล้ว นอกจากนี้ ยังมีการพูดถึงการทบทวนความตกลงการค้าเสรีระหว่างสหรัฐฯ เม็กซิโก และแคนาดา (USMCA) ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในกลางปีหน้า

สถานการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนของความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างประเทศ และความพยายามของแต่ละประเทศในการปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของตนเอง การตัดสินใจของเม็กซิโกที่จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนจึงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกในวงกว้าง

การตัดสินใจของเม็กซิโกครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการปรับตัวของผู้ประกอบการไทยที่ทำการค้ากับจีนและเม็กซิโกอยู่เสมอ การศึกษาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และวางแผนรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในตลาดโลก

ที่มา – เม็กซิโกเตรียมขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ตอบสนองแรงกดดันจากสหรัฐฯ