วีซ่า H 1b

อังกฤษเล็งยกเว้นค่าวีซ่าบุคลากรทักษะสูง จริงหรือ?

เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กำลังพิจารณามาตรการที่น่าสนใจ นั่นคือการ ยกเว้นค่าวีซ่าบุคลากรทักษะสูง เพื่อดึงดูดผู้มีความสามารถจากทั่วโลกให้เข้ามาทำงานและสร้างสรรค์เศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งนับเป็นการเดินหมากที่สวนทางกับนโยบายของสหรัฐอเมริกาที่เพิ่งประกาศขึ้นค่าธรรมเนียมวีซ่า H-1B อย่างมาก

ตามรายงานจากหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ ระบุว่า คณะทำงานของสตาร์เมอร์กำลังเร่งจัดทำข้อเสนอเพื่อดึงดูดบุคคลากรที่มีคุณภาพสูงจากนานาประเทศ ไม่ว่าจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ อาจารย์มหาวิทยาลัย หรือผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัล ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในยุคปัจจุบัน

แม้ว่าทางสำนักนายกรัฐมนตรีและกระทรวงการคลังของอังกฤษจะยังไม่ได้ออกมายืนยันหรือแสดงความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับข่าวนี้ แต่ก็สร้างความฮือฮาและความสนใจในวงกว้างถึงความเป็นไปได้ในการเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านวีซ่า

อังกฤษเล็งยกเว้นค่าวีซ่าบุคลากรทักษะสูง

ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่สหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศใช้มาตรการที่เข้มงวดเกี่ยวกับการเข้าเมือง โดยมีการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมวีซ่า H-1B สำหรับบริษัทต่างชาติจากหลักพันดอลลาร์ขึ้นไปเป็น 100,000 ดอลลาร์ ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อคัดกรองบุคลากรที่มีทักษะสูงที่จำเป็นจริงๆ และป้องกันการเข้ามาแย่งงานของแรงงานชาวอเมริกัน

ทำไมนโยบายยกเว้นค่าวีซ่าบุคลากรทักษะสูงถึงสำคัญ?

การตัดสินใจของอังกฤษในการพิจารณา ยกเว้นค่าวีซ่าบุคลากรทักษะสูง นั้นสะท้อนให้เห็นถึงมุมมองที่แตกต่างเกี่ยวกับการดึงดูดผู้มีความสามารถจากต่างประเทศ ในขณะที่สหรัฐฯ มุ่งเน้นการปกป้องแรงงานในประเทศ อังกฤษกลับมองว่าการเปิดโอกาสให้บุคลากรที่มีทักษะสูงจากทั่วโลกเข้ามาทำงานและสร้างสรรค์ในประเทศ จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว

แน่นอนว่าการ ยกเว้นค่าวีซ่าบุคลากรทักษะสูง อาจมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือจะช่วยดึงดูดผู้ที่มีความสามารถเข้ามาทำงานในอังกฤษมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ในประเทศ นอกจากนี้ยังอาจช่วยลดปัญหาการขาดแคลนแรงงานในบางสาขา

อย่างไรก็ตาม ข้อเสียก็คืออาจทำให้เกิดการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาดแรงงานและอาจส่งผลกระทบต่อแรงงานชาวอังกฤษเอง

ดังนั้น หากอังกฤษตัดสินใจที่จะ ยกเว้นค่าวีซ่าบุคลากรทักษะสูง จริง ก็จำเป็นต้องมีการพิจารณาและวางแผนอย่างรอบคอบเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศและประชาชน

การแข่งขันในการดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถสูงกำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นในระดับโลก และนโยบายด้านวีซ่าก็เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจของบุคลากรเหล่านั้น ไม่ว่าอังกฤษจะตัดสินใจอย่างไร ก็จะเป็นที่จับตามองของนานาชาติและส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนย้ายแรงงานที่มีทักษะสูงในอนาคต

ที่มา – อังกฤษเล็งยกเว้นค่าวีซ่าบุคลากรทักษะสูง สวนทางสหรัฐฯ ขึ้นค่าธรรมเนียมกระฉูด

อุตฯไอทีอินเดียสะเทือน! สหรัฐฯ ขึ้นค่าธรรมเนียมวีซ่า H-1B

วงการไอทีอินเดียกำลังสั่นสะเทือน! เมื่อสหรัฐอเมริกาประกาศขึ้นค่าธรรมเนียมวีซ่า H-1B ซึ่งเป็นวีซ่าที่บริษัทไอทีอินเดียใช้ส่งผู้เชี่ยวชาญไปทำงานในอเมริกา การเปลี่ยนแปลงนี้สร้างความกังวลอย่างมากให้กับบริษัทซอฟต์แวร์และบริการแห่งชาติของอินเดีย (Nasscom) ที่เป็นตัวแทนของอุตสาหกรรมไอทีของประเทศ

อุตฯไอทีอินเดียสะเทือน หลังสหรัฐฯขึ้นค่าธรรมเนียมวีซ่า H-1B

Nasscom แสดงความกังวลอย่างยิ่งว่าการที่สหรัฐฯ ขึ้นค่าธรรมเนียมวีซ่า H-1B ไปอยู่ที่ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อบริษัทผู้ให้บริการเทคโนโลยีจากอินเดีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทที่ต้องพึ่งพาการส่งผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีไปทำงานในสหรัฐอเมริกา

การประกาศใช้นโยบายนี้อย่างกะทันหันสร้างความตกใจและทำให้เกิดความไม่แน่นอนในการวางแผนธุรกิจของหลายบริษัท Nasscom ชี้ให้เห็นว่ามาตรการนี้อาจส่งผลกระทบต่อชาวอินเดียจำนวนมาก และอาจขัดขวางการดำเนินงานของบริษัทเทคโนโลยีอินเดียที่กำลังดำเนินโครงการสำคัญๆ ในสหรัฐฯ นอกจากนี้ การขึ้นค่าธรรมเนียมวีซ่า H-1B นี้อาจส่งผลเสียต่อระบบนิเวศนวัตกรรมของสหรัฐฯ เอง และอาจกระทบตลาดงานทั่วโลกในระยะยาว

ผลกระทบจากการขึ้นค่าธรรมเนียมวีซ่า H-1B ต่ออุตสาหกรรมไอทีอินเดีย

กระทรวงการต่างประเทศของอินเดียเองก็แสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบด้านมนุษยธรรมที่อาจเกิดขึ้นจากมาตรการนี้ โดยระบุว่าอาจส่งผลกระทบต่อครอบครัวจำนวนมาก รัฐบาลอินเดียหวังว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะพิจารณาผลกระทบเหล่านี้และดำเนินการแก้ไขอย่างเหมาะสม

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามในประกาศปรับขึ้นค่าธรรมเนียมที่บริษัทต่างๆ ต้องจ่ายเพื่อสนับสนุนผู้สมัครวีซ่า H-1B จากเดิมหลักพันดอลลาร์ เป็น 100,000 ดอลลาร์ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน เป็นต้นไป

อย่างไรก็ตาม โฆษกทำเนียบขาว แคโรไลน์ เลวิตต์ ได้ออกมาให้ความกระจ่างว่า การขึ้นค่าธรรมเนียมวีซ่า H-1B นี้ จะไม่มีผลบังคับใช้กับผู้ถือวีซ่าเดิมที่เดินทางกลับเข้าประเทศ และจะเรียกเก็บเพียงครั้งเดียวเท่านั้น เลวิตต์ยังระบุเพิ่มเติมว่าผู้ถือวีซ่า H-1B ที่อยู่นอกประเทศจะไม่ถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียม 100,000 ดอลลาร์ในการกลับเข้าสู่สหรัฐฯ และผู้ถือวีซ่า H-1B สามารถเดินทางเข้า-ออกสหรัฐฯ ได้ตามปกติ

ค่าธรรมเนียมใหม่นี้จะมีผลกับการขอวีซ่า H-1B รอบใหม่เท่านั้น ไม่รวมผู้ถือวีซ่าปัจจุบันหรือผู้ต่ออายุวีซ่า นอกจากนี้ เลวิตต์ยังยืนยันว่าค่าธรรมเนียมนี้ไม่ใช่ค่าธรรมเนียมรายปี แต่เป็นค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บเพียงครั้งเดียวเมื่อยื่นขอวีซ่า

ถึงแม้ว่าการชี้แจงของทำเนียบขาวจะช่วยลดความกังวลลงได้บ้าง แต่การขึ้นค่าธรรมเนียมวีซ่า H-1B ก็ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด อุตฯไอทีอินเดียสะเทือนอย่างแน่นอน และบริษัทต่างๆ อาจต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงนโยบายวีซ่าในสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อแรงงานทักษะสูงจากทั่วโลก

ที่มา – อุตฯไอทีอินเดียสะเทือน หลังสหรัฐฯขึ้นค่าธรรมเนียมวีซ่า H-1B

สหรัฐฯ ยัน! ขึ้นค่าธรรมเนียมวีซ่า H-1B ไม่กระทบวีซ่าเดิม

ข่าวดีสำหรับผู้ถือวีซ่า H-1B ในปัจจุบัน! สหรัฐฯ ยืนยันว่ามาตรการขึ้นค่าธรรมเนียมวีซ่า H-1B จะไม่มีผลกระทบต่อผู้ที่ถือวีซ่าอยู่แล้ว แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว ออกมายืนยันเรื่องนี้เพื่อคลายความกังวล

สหรัฐฯ ยืนยัน มาตรการขึ้นค่าธรรมเนียมวีซ่า H-1B ไม่กระทบผู้ถือวีซ่าเดิม

โดยเลวิตต์ระบุว่า ผู้ที่ถือวีซ่า H-1B ที่อยู่ในต่างประเทศ จะไม่ถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมใหม่จำนวน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเดินทางกลับเข้าสหรัฐฯ และผู้ถือวีซ่า H-1B สามารถเดินทางเข้าออกสหรัฐฯ ได้ตามปกติ โดยค่าธรรมเนียมใหม่นี้ จะมีผลเฉพาะกับการขอวีซ่า H-1B รอบใหม่เท่านั้น

ประเด็นสำคัญที่ต้องเน้นย้ำคือ ค่าธรรมเนียมนี้ไม่ได้เรียกเก็บเป็นรายปี แต่เป็น ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บเพียงครั้งเดียว ในตอนที่ยื่นขอวีซ่า

ก่อนหน้านี้ มีความเข้าใจผิดเกิดขึ้นเมื่อโฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ กล่าวว่า ค่าธรรมเนียมดังกล่าวจะต้องจ่ายเป็นรายปี แต่ทางโฆษกทำเนียบขาวได้ออกมายืนยันข้อมูลที่ถูกต้องแล้ว

รายละเอียดมาตรการขึ้นค่าธรรมเนียมวีซ่า H-1B ที่ควรรู้

มาตรการดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามในประกาศปรับขึ้นค่าธรรมเนียมที่บริษัทต่างๆ ต้องจ่ายเพื่อสนับสนุนผู้สมัครวีซ่า H-1B จากเดิมหลักพันดอลลาร์ เป็น 100,000 ดอลลาร์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการใช้โครงการนี้เพื่อแทนที่แรงงานอเมริกัน และคัดเลือกเฉพาะบุคลากรที่มีทักษะสูงและมีความจำเป็นจริงๆ เท่านั้น

ภายใต้ประกาศนี้ ผู้ถือวีซ่า H-1B จะสามารถเข้ามาทำงานในอาชีพเฉพาะทางได้ ต่อเมื่อมีการชำระค่าธรรมเนียมดังกล่าว โดยข้อจำกัดนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน เป็นต้นไป

ปัจจุบัน สหรัฐฯ อนุมัติวีซ่า H-1B สำหรับผู้ยื่นขอรายใหม่ปีละ 85,000 ใบ โดยปกติแล้วบริษัททั่วไปจะจ่ายค่าธรรมเนียมเพียงไม่กี่พันดอลลาร์ต่อราย แต่มาตรการใหม่นี้จะส่งผลให้ต้นทุนการจ้างแรงงานต่างชาติสูงขึ้นอย่างมาก

ทรัมป์กล่าวว่า ค่าธรรมเนียมใหม่นี้จะกระตุ้นให้บริษัทต่างๆ หันมาจ้างแรงงานอเมริกันแทน เนื่องจากไม่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

สื่อสหรัฐฯ หลายสำนักรายงานว่า นโยบายนี้จะส่งผลกระทบต่อบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon, Microsoft และ Google ซึ่งพึ่งพาโครงการ H-1B มาเป็นเวลานาน โดยเฉพาะในตำแหน่งนักพัฒนาซอฟต์แวร์ นอกจากนี้ ยังมีข้อกังวลว่า มาตรการนี้อาจส่งผลให้บริษัทอเมริกันย้ายงานไปยังต่างประเทศมากขึ้น และอาจทำให้จำนวนนักศึกษาต่างชาติที่เลือกศึกษาในสหรัฐฯ ลดลง

สรุปคือ สหรัฐฯ ยืนยัน มาตรการขึ้นค่าธรรมเนียมวีซ่า H-1B ไม่กระทบผู้ถือวีซ่าเดิม ดังนั้นใครที่ถือวีซ่า H-1B อยู่แล้วก็สบายใจได้เลยครับ เดินทางเข้าออกอเมริกาได้ตามปกติ แต่สำหรับคนที่กำลังจะขอวีซ่าใหม่ ก็ต้องเตรียมตัวรับมือกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นนะครับ

ในภาพรวมแล้ว มาตรการนี้อาจจะส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงานในสหรัฐฯ และบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ แต่ก็อาจเป็นโอกาสให้แรงงานอเมริกันได้รับการจ้างงานมากขึ้นเช่นกัน ต้องติดตามดูกันต่อไปว่าผลกระทบระยะยาวจะเป็นอย่างไร

ที่มา – สหรัฐฯ ยืนยัน มาตรการขึ้นค่าธรรมเนียมวีซ่า H-1B ไม่กระทบผู้ถือวีซ่าเดิม