วีซ่า

สหรัฐฯ เปิดวีซ่าใหม่ ดึงคนรวยด้วย Trump Gold Card

สหรัฐฯ เปิดโครงการวีซ่าใหม่ หวังดึงดูดคนรวยทั่วโลกด้วย Trump Gold Card

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศโครงการวีซ่าใหม่สำหรับเศรษฐีทั่วโลก ซึ่งเป็นมาตรการที่หลายฝ่ายเฝ้ารอ โดยมีเป้าหมายเพื่อดึงดูดให้คนร่ำรวยย้ายถิ่นฐานเข้าสหรัฐฯ ผ่านการซื้อสิทธิพำนักถาวรด้วยเงินจำนวนสูง โครงการนี้มีชื่อว่า Trump Gold Card

ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันศุกร์ (19 ก.ย.) ที่ทำเนียบขาว ระหว่างการลงนามคำสั่งจัดตั้งโครงการนี้ว่า คนเหล่านี้จะใช้เงินจำนวนมากเพื่อเข้ามา และเงินที่ได้จะมีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ เพื่อนำไปใช้ลดภาษี ชำระหนี้ และใช้ในด้านที่เป็นประโยชน์อื่น ๆ

ตามเว็บไซต์ที่เปิดตัวโครงการ ระบุว่า ผู้สนใจสามารถจ่ายเงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมค่าดำเนินการและการตรวจสอบประวัติ เพื่อรับสิทธิพำนักถาวรในสหรัฐฯ ผ่านบัตร “Trump Gold Card” นอกจากนี้ยังมีแผนเปิดตัวบัตร “Platinum Card” มูลค่า 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่ให้สิทธิผู้ถือบัตรสามารถอยู่ในสหรัฐฯ ได้สูงสุด 270 วัน โดยไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ที่มาจากนอกสหรัฐฯ

สำหรับภาคธุรกิจ หากจ่ายค่าธรรมเนียม 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อพนักงาน จะสามารถขอสิทธิพำนักถาวรในสหรัฐฯ ให้แก่พนักงานได้ในจำนวนที่ไม่ได้ระบุชัด เว็บไซต์ยังระบุว่า “Trump Corporate Gold Card” จะเปิดโอกาสให้ธุรกิจโอนสิทธิพำนักจากพนักงานคนหนึ่งไปให้อีกคนหนึ่งได้ โดยมีค่าธรรมเนียมการโอนและต้องผ่านการตรวจสอบของกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (DHS) รวมถึงมีค่าธรรมเนียมรายปีเพิ่มเติม

สหรัฐฯ เปิดโครงการวีซ่าใหม่ หวังดึงดูดคนรวยทั่วโลกด้วย Trump Gold Card ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่น่าสนใจในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ โดยมุ่งเน้นไปที่การดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติโดยตรง อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นที่ต้องพิจารณาถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสังคมและตลาดแรงงานในระยะยาว

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการวีซ่า Trump Gold Card

  • คุณสมบัติผู้สมัคร: ผู้ที่มีทรัพย์สินจำนวนมากและสามารถลงทุนในสหรัฐฯ ตามเงื่อนไขที่กำหนด
  • สิทธิประโยชน์: สิทธิพำนักถาวรในสหรัฐฯ และโอกาสในการทำธุรกิจและการลงทุน
  • ช่องทางการสมัคร: ผ่านเว็บไซต์ที่เปิดตัวโครงการ โดยกรอกข้อมูลเบื้องต้นเพื่อสมัครเข้าร่วมโครงการ

อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าวีซ่าดังกล่าวจะสามารถออกให้ได้เมื่อใด โดยในเว็บไซต์มีช่อง “สมัครตอนนี้” ที่ให้ผู้สนใจกรอกชื่อ ภูมิภาคที่อาศัย และอีเมลเพื่อสมัครเข้าร่วมโครงการ

โครงการวีซ่าใหม่นี้ เป็นที่จับตามองของนักลงทุนและผู้ที่ต้องการย้ายถิ่นฐานไปยังสหรัฐอเมริกา หากคุณเป็นหนึ่งในผู้ที่สนใจ อย่าลืมศึกษาข้อมูลและเงื่อนไขต่างๆ อย่างละเอียดก่อนตัดสินใจสมัครเข้าร่วมโครงการ สหรัฐฯ เปิดโครงการวีซ่าใหม่ หวังดึงดูดคนรวยทั่วโลกด้วย Trump Gold Card อาจเป็นโอกาสที่ดีสำหรับคุณ

ที่มา – สหรัฐฯ เปิดโครงการวีซ่าใหม่ หวังดึงดูดคนรวยทั่วโลกด้วย Trump Gold Card

ต่างชาติเข้าจีนฟรีวีซ่า พุ่ง 52% ใน 8 เดือน

ข่าวดีสำหรับภาคการท่องเที่ยวของจีน! ข้อมูลล่าสุดจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแห่งชาติจีน (NIA) เผยว่า ต่างชาติเข้าจีนฟรีวีซ่า เพิ่มขึ้นอย่างน่าประทับใจถึง 52% ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2568 คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศจีนโดยไม่ต้องขอวีซ่ามากถึง 15.89 ล้านคน

ตัวเลขนี้แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของนโยบายฟรีวีซ่าของจีน ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้เดินทางมาเยือนและสัมผัสประสบการณ์ในประเทศจีนได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น การเติบโตอย่างก้าวกระโดดนี้ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมของจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคการท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร และธุรกิจที่เกี่ยวข้องอื่นๆ

ต่างชาติเข้าจีนฟรีวีซ่า: ตัวเลขที่น่าสนใจในช่วง 8 เดือนแรก

นอกจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแล้ว ข้อมูลจาก NIA ยังเผยให้เห็นถึงรายละเอียดที่น่าสนใจอื่นๆ เกี่ยวกับการเดินทางของชาวต่างชาติเข้าประเทศจีนในช่วงเดือนมกราคมถึงสิงหาคม 2568 ดังนี้:

  • จำนวนการเดินทางเข้า-ออกของชาวต่างชาติทั้งหมด: 51.27 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้น 27.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
  • สัดส่วนการเดินทางเข้าประเทศจีนแบบฟรีวีซ่า: 62.1% ของจำนวนการเดินทางเข้าประเทศทั้งหมด
  • จำนวนการเดินทางเข้า-ออกประเทศทั้งหมด: 460 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้น 14.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

จากข้อมูลเหล่านี้ เราจะเห็นได้ว่านโยบายฟรีวีซ่ามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการกระตุ้นการเดินทางระหว่างประเทศและส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศจีน

ทำไมนโยบายฟรีวีซ่าจึงดึงดูดนักท่องเที่ยว?

ปัจจัยหลายประการที่ทำให้นโยบายฟรีวีซ่าของจีนประสบความสำเร็จในการดึงดูดนักท่องเที่ยว ได้แก่:

  • ความสะดวกสบาย: การยกเว้นวีซ่าช่วยลดขั้นตอนที่ยุ่งยากและประหยัดเวลาในการเตรียมเอกสาร ทำให้การเดินทางไปจีนเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
  • ค่าใช้จ่ายที่ลดลง: การไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมวีซ่าช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางโดยรวม ทำให้นักท่องเที่ยวมีเงินเหลือสำหรับใช้จ่ายในด้านอื่นๆ เช่น ที่พัก อาหาร และกิจกรรมต่างๆ
  • การโปรโมทการท่องเที่ยว: รัฐบาลจีนมีการประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกได้รับรู้ถึงแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจและวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของจีน

นอกจากนี้ การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว เช่น การคมนาคมขนส่ง ที่พัก และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ก็มีส่วนช่วยให้นักท่องเที่ยวได้รับประสบการณ์ที่ดีและประทับใจในการเดินทางมายังประเทศจีน

สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแห่งชาติจีน (NIA) ให้คำมั่นสัญญาว่าจะยังคงเดินหน้าปรับปรุงขั้นตอนและกระบวนการต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพในการเดินทางข้ามพรมแดน ทั้งสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีนและต่างชาติเข้าจีนฟรีวีซ่า อย่างต่อเนื่อง

การปรับปรุงเหล่านี้รวมถึงการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการตรวจคนเข้าเมือง การเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ที่พูดภาษาต่างประเทศได้ และการจัดทำข้อมูลและเอกสารที่เป็นประโยชน์สำหรับนักท่องเที่ยว

การเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าจีนฟรีวีซ่า ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของจีนในการเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่สำคัญของโลก ด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย วัฒนธรรมที่น่าสนใจ และนโยบายที่เอื้ออำนวย รัฐบาลจีนและภาคเอกชนจึงควรทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เพื่อให้จีนสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากยิ่งขึ้นและสร้างรายได้ให้กับประเทศอย่างต่อเนื่อง

ที่มา – ต่างชาติทะลักเข้าจีนแบบฟรีวีซ่า พุ่ง 52% ใน 8 เดือนแรก

สหรัฐฯ ระงับวีซ่ารักษาพยาบาลจากกาซา

กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศระงับการออกวีซ่าสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางจากกาซาเพื่อเข้ารับการรักษาพยาบาลในสหรัฐฯ ชั่วคราว การตัดสินใจนี้มีขึ้นเพื่อตรวจสอบกระบวนการออกวีซ่าอย่างละเอียดถี่ถ้วน หลังจากมีการออกวีซ่าทางการแพทย์และมนุษยธรรมในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ข่าวดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางรายงานที่น่าสลดใจจากกระทรวงสาธารณสุขกาซา ซึ่งระบุว่ามีผู้เสียชีวิต 50 รายจากการโจมตีของอิสราเอลในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และมีผู้บาดเจ็บอีก 831 ราย

นับตั้งแต่สงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสอุบัติขึ้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566 จำนวนผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซาได้เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจเป็น 61,776 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บถึง 154,906 ราย ตัวเลขเหล่านี้เน้นย้ำถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นกับพลเรือนและการเข้าถึงการดูแลสุขภาพที่จำกัดในพื้นที่

สหรัฐฯ ระงับวีซ่ารักษาพยาบาลจากกาซา กระทบเด็กป่วย

มูลนิธิช่วยเหลือเด็กปาเลสไตน์ (Palestine Children’s Relief Fund) แสดงความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับผลกระทบของการระงับวีซ่า พวกเขาเน้นว่าการตัดสินใจดังกล่าวจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความสามารถของพวกเขาในการนำเด็กป่วยและบาดเจ็บสาหัสจากกาซามายังสหรัฐอเมริกาเพื่อรับการรักษาพยาบาลที่จำเป็นอย่างยิ่ง

การเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ลอร่า ลูเมอร์ นักกิจกรรมฝ่ายขวาจัด ได้วิพากษ์วิจารณ์โครงการวีซ่าสำหรับชาวปาเลสไตน์บนแพลตฟอร์ม X และเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ยุติโครงการดังกล่าว การเคลื่อนไหวนี้ก่อให้เกิดข้อถกเถียงเกี่ยวกับอิทธิพลของการเมืองต่อการเข้าถึงการดูแลสุขภาพสำหรับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ

มูลนิธิช่วยเหลือเด็กปาเลสไตน์เปิดเผยว่า ในปี 2567 พวกเขาได้อพยพเด็ก 169 คนจากกาซาภายใต้โครงการการรักษาในต่างประเทศ โดยส่งพวกเขาไปยังภูมิภาคต่างๆ เช่น ตะวันออกกลาง ยุโรป แอฟริกาใต้ และสหรัฐอเมริกา เพื่อให้พวกเขาได้รับการดูแลทางการแพทย์ที่เหมาะสม

ผลกระทบจากเหตุการณ์ 7 ตุลาคม 2566 ต่อการเข้าถึงวีซ่ารักษาพยาบาลจากกาซา

นับตั้งแต่การโจมตีของฮามาสต่ออิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566 โครงสร้างพื้นฐานทางการแพทย์ส่วนใหญ่ในกาซาได้รับความเสียหายอย่างหนัก และปัจจุบันต้องเผชิญกับภาวะขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรง สถานการณ์ที่เลวร้ายนี้ทำให้การเข้าถึงการดูแลสุขภาพที่จำเป็นสำหรับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือทางการแพทย์เป็นเรื่องยากมากยิ่งขึ้น

กลุ่มด้านมนุษยธรรมได้กล่าวหาว่าการปิดล้อมของอิสราเอล ซึ่งเริ่มขึ้นในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทำให้องค์กรพัฒนาเอกชนไม่สามารถส่งอาหารเข้าไปในกาซาได้อย่างเพียงพอ ข้อจำกัดเหล่านี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อความเป็นอยู่ของผู้ที่อาศัยอยู่ในฉนวนกาซา โดยเฉพาะเด็กและผู้ป่วย

แม้ว่าในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะยอมรับว่ามีสถานการณ์อดอยากเกิดขึ้นจริงในกาซา แต่รัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงให้การสนับสนุนนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู อย่างแข็งขัน การสนับสนุนนี้ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความสอดคล้องของนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ กับความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขวิกฤตด้านมนุษยธรรม

การระงับการออกวีซ่ารักษาพยาบาลจากกาซาเป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่ง เพราะเป็นการตัดโอกาสของผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือทางการแพทย์อย่างมาก โดยเฉพาะเด็ก การตรวจสอบกระบวนการออกวีซ่าเป็นสิ่งสำคัญ แต่ต้องไม่ส่งผลกระทบต่อการเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่จำเป็นเร่งด่วน

สถานการณ์ในกาซายังคงน่าเป็นห่วง และการแก้ไขปัญหาด้านมนุษยธรรมควบคู่ไปกับการแสวงหาแนวทางแก้ไขทางการเมืองเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง การที่สหรัฐฯ ระงับการออกวีซ่ารักษาพยาบาลจากกาซา ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับบทบาทของสหรัฐฯ ในการบรรเทาความทุกข์ทรมานของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้ง และแสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนของการเมืองระหว่างประเทศที่มีผลต่อชีวิตของผู้คน

การตัดสินใจระงับวีซ่ารักษาพยาบาลจากกาซานี้ ควรได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้ป่วยที่ต้องการการรักษาอย่างเร่งด่วน และแสวงหาแนวทางแก้ไขที่สมดุลซึ่งทั้งตรวจสอบความถูกต้องของกระบวนการวีซ่า และให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่จำเป็น

ที่มา – กระทรวงตปท.สหรัฐหยุดออกวีซ่าสำหรับการเดินทางเข้ารับการรักษาพยาบาลจากกาซา

จีนออกวีซ่าใหม่ มุ่งเน้นเยาวชนเก่งวิทย์-เทคโนฯ

หลังจากที่นายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง แห่งประเทศจีนได้ลงนามคำสั่งคณะรัฐมนตรีเพื่อประกาศมติแก้ไขระเบียบการบริหารจัดการการเดินทางเข้าและออกประเทศของชาวต่างชาติ ล่าสุดมีข่าวดีสำหรับเยาวชนผู้มีความสามารถด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพราะจีนเตรียมออกวีซ่าประเภทใหม่ที่มุ่งเน้นกลุ่มคนเหล่านี้โดยเฉพาะ

จีนเตรียมออกวีซ่าประเภทใหม่ มุ่งเน้นเยาวชนเก่งวิทย์-เทคโนโลยี

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รัฐบาลจีนเตรียมเพิ่มวีซ่าประเภทเค (K) ในวีซ่าธรรมดา ซึ่งวีซ่านี้ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับเยาวชนผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีคุณสมบัติเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด โดยผู้ที่ต้องการขอวีซ่าประเภทนี้จะต้องแสดงคุณสมบัติและปฏิบัติตามข้อกำหนดต่างๆ ที่ทางการจีนได้ระบุไว้ รวมถึงการยื่นเอกสารประกอบการสมัครตามที่กำหนดอย่างครบถ้วน

กฎระเบียบใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 ดังนั้น ผู้ที่สนใจสามารถเตรียมตัวและศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้การดำเนินการขอวีซ่าเป็นไปอย่างราบรื่น

ทำไมจีนถึงออกวีซ่าใหม่ มุ่งเน้นเยาวชนเก่งวิทย์-เทคโนโลยี

การออกวีซ่าประเภทใหม่ที่มุ่งเน้นเยาวชนเก่งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลจีนในการส่งเสริมและพัฒนาขีดความสามารถทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน การดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถจากทั่วโลก โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนที่มีศักยภาพสูง จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับภาคการวิจัยและพัฒนา รวมถึงนวัตกรรมต่างๆ ในประเทศจีน

นอกจากนี้ การเปิดโอกาสให้เยาวชนจากต่างชาติได้เข้ามาศึกษาและทำงานในประเทศจีน ยังเป็นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างประเทศ ซึ่งจะนำไปสู่การแลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย การที่จีนเปิดรับเยาวชนเก่งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจากทั่วโลก แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและความพร้อมที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของโลก

วีซ่าประเภทเค (K) นี้ ถือเป็นโอกาสอันดีสำหรับเยาวชนที่มีความฝันที่จะพัฒนาตนเองและสร้างผลงานในระดับโลก โดยเฉพาะผู้ที่มีความสนใจในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประเทศจีนกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในด้านนี้ และมีการลงทุนอย่างมหาศาลในการวิจัยและพัฒนา ดังนั้น การได้รับโอกาสในการทำงานหรือศึกษาในประเทศจีน จะเป็นประสบการณ์ที่มีค่าและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการเติบโตในสายอาชีพ

สำหรับผู้ที่สนใจขอวีซ่าใหม่นี้ ควรศึกษาข้อมูลและเตรียมเอกสารให้พร้อมล่วงหน้า รวมถึงติดตามข่าวสารและประกาศจากทางการจีนอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ไม่พลาดโอกาสในการเข้าร่วมโครงการที่น่าสนใจนี้ การเตรียมตัวที่ดีจะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับวีซ่าและประสบความสำเร็จในการเดินทางไปประเทศจีน

การที่ จีนเตรียมออกวีซ่าประเภทใหม่ มุ่งเน้นเยาวชนเก่งวิทย์-เทคโนโลยี ถือเป็นสัญญาณบวกสำหรับวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทั่วโลก เพราะเป็นการส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยีระหว่างประเทศ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติ

โดยสรุปแล้ว การที่จีนออกวีซ่าประเภทใหม่นี้ ไม่เพียงแต่เป็นการดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถ แต่ยังเป็นการลงทุนในอนาคตของประเทศและของโลกอีกด้วย การสนับสนุนและส่งเสริมเยาวชนเก่งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จะเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้างสังคมที่ยั่งยืนในอนาคต

จีนเตรียมออกวีซ่าประเภทใหม่ มุ่งเน้นเยาวชนเก่งวิทย์-เทคโนโลยี ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาประเทศและส่งเสริมความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในระดับโลก

ที่มา – จีนเตรียมออกวีซ่าประเภทใหม่ มุ่งเน้นเยาวชนเก่งวิทย์-เทคโนโลยี