รูเบน อโมริม

แมนยู เล็งคว้า เลวานดอฟสกี เสริมทัพฟรี!

มีข่าวลือหนาหูว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังให้ความสนใจ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี กองหน้าจอมเก๋าของ บาร์เซโลนา โดยหวังดึงตัวมาร่วมทีมแบบไม่มีค่าตัวในช่วงซัมเมอร์หน้า ข่าวนี้สร้างความฮือฮาให้กับแฟนบอล “ปีศาจแดง” เป็นอย่างมาก เนื่องจากทีมกำลังมองหากองหน้าตัวเป้าเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งในแนวรุก

สถานการณ์ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในปัจจุบันค่อนข้างน่าเป็นห่วงในเรื่องของตัวเลือกในแดนหน้า เนื่องจากพวกเขามี เบนยามิน เชชโก เป็นกองหน้าตัวหลักเพียงคนเดียวเท่านั้น ทำให้การมี เลวานดอฟสกี เข้ามา จะช่วยเพิ่มมิติในเกมรุกและสร้างการแข่งขันภายในทีมได้เป็นอย่างดี

ตามรายงานจาก “เดลี สตาร์” ระบุว่า รูเบน อโมริม กุนซือของ แมนฯ ยูไนเต็ด ชื่นชอบในฝีเท้าของ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี เป็นอย่างมาก และมองว่านักเตะวัย 37 ปีรายนี้ จะสามารถเข้ามาช่วยยกระดับทีมได้ แม้ว่าอายุจะมากแล้วก็ตาม โดยสัญญาของ เลวานดอฟสกี กับ บาร์เซโลนา กำลังจะหมดลงในช่วงซัมเมอร์หน้า ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด มีโอกาสที่จะคว้าตัวมาร่วมทีมได้แบบฟรีๆ

นอกจากนี้ ยังมีรายงานเพิ่มเติมว่า “ปีศาจแดง” อาจบรรลุข้อตกลงส่วนตัวกับนักเตะได้แล้วด้วยซ้ำ เนื่องจาก เลวานดอฟสกี ยังไม่มีทีท่าว่าจะต่อสัญญากับ บาร์เซโลนา ออกไป ทำให้โอกาสที่เขาจะย้ายมาร่วมทีม แมนฯ ยูไนเต็ด มีความเป็นไปได้สูง

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่ แมนฯ ยูไนเต็ด เท่านั้นที่สนใจในตัวของ เลวานดอฟสกี อัล นาสเซอร์ ทีมดังในลีกซาอุดีอาระเบีย ต้นสังกัดของ คริสเตียโน โรนัลโด ก็ให้ความสนใจในตัวอดีตดาวเตะ บาเยิร์น มิวนิก รายนี้เช่นกัน ทำให้การแข่งขันในการคว้าตัว เลวานดอฟสกี ค่อนข้างสูง

แมนยู เล็งคว้า เลวานดอฟสกี เสริมแนวรุกไร้ค่าตัว

การที่ แมนยู เล็งคว้า เลวานดอฟสกี มาร่วมทีม ถือเป็นการตัดสินใจที่น่าสนใจ เนื่องจากนักเตะมีประสบการณ์มากมายในระดับสูง และยังคงมีความสามารถในการทำประตูที่ยอดเยี่ยม แม้อายุจะมากขึ้น แต่ด้วยสัญญาระยะสั้น อาจเป็นดีลที่คุ้มค่า หากนักเตะยังคงรักษาฟอร์มเก่งไว้ได้

ทำไม แมนยู ถึงต้องการ เลวานดอฟสกี?

เหตุผลหลักๆ ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องการ เลวานดอฟสกี ก็คือการขาดแคลนกองหน้าตัวเป้าที่มีคุณภาพอย่างที่กล่าวไปข้างต้น การมี เลวานดอฟสกี จะช่วยเพิ่มความหลากหลายในเกมรุก และทำให้ทีมมีตัวเลือกในการจบสกอร์มากขึ้น นอกจากนี้ ประสบการณ์ของเขาจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับนักเตะดาวรุ่งในทีม

  • ประสบการณ์สูง: เลวานดอฟสกี ผ่านการค้าแข้งกับทีมใหญ่มามากมาย และประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม
  • ความสามารถในการทำประตู: แม้อายุจะมากขึ้น แต่เขายังคงเป็นหนึ่งในกองหน้าที่คมที่สุดในโลก
  • ความเป็นผู้นำ: เลวานดอฟสกี สามารถเป็นผู้นำในห้องแต่งตัว และช่วยยกระดับทีมได้

อย่างไรก็ตาม การ แมนยู เล็งคว้า เลวานดอฟสกี ก็มีความเสี่ยงอยู่บ้าง เนื่องจากนักเตะมีอายุมากแล้ว และอาจจะไม่สามารถปรับตัวเข้ากับฟุตบอลอังกฤษได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ค่าเหนื่อยของ เลวานดอฟสกี ก็อาจจะเป็นปัญหาสำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด เช่นกัน

สุดท้ายแล้ว การที่ แมนยู เล็งคว้า เลวานดอฟสกี จะประสบความสำเร็จหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของทั้งสองฝ่าย รวมถึงปัจจัยอื่นๆ อีกมากมาย แต่เชื่อว่าหากดีลนี้เกิดขึ้นจริง จะเป็นประโยชน์ต่อ แมนฯ ยูไนเต็ด อย่างแน่นอน เพราะถึงแม้จะมีอายุมากเเล้ว เเต่ประสบการณ์เเละความสามารถของเขายังคงเป็นที่ต้องการของหลายๆทีม

ที่มา – แมนยู เล็งคว้า เลวานดอฟสกี เสริมแนวรุกไร้ค่าตัว – นักเตะเปิดทางร่วมทัพ

อโมริมยกชัยชนะเหนือลิเวอร์พูลยิ่งใหญ่สุดตั้งแต่คุมแมนยู

รูเบน อโมริม เฮดโค้ช แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยกชัยชนะเหนือ ลิเวอร์พูล คือยิ่งใหญ่สุดนับตั้งแต่คุมทัพ “ปีศาจแดง” พร้อมชื่นชมสปิริตลูกทีมทุกคน

โดย แมนฯ ยูไนเต็ด บุกชนะ ลิเวอร์พูล คู่ปรับตลอดกาล 2-1 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2025-26 นัด “แดงเดือด” เมื่อวันที่ 19 ต.ค.

จากผลที่เกิดขึ้นทำให้ “ปีศาจแดง” มีเพิ่มเป็น 13 คะแนนจาก 8 นัดอยู่อันดับ 9 ตาราง และเป็นการบุกชนะ “หงส์แดง” ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2016

Soccer Football – Premier League – Liverpool v Manchester United – Anfield, Liverpool, Britain – October 19, 2025 Manchester United manager Ruben Amorim reacts with Matthijs de Ligt REUTERS/Phil Noble EDITORIAL USE ONLY. 

 

หลังเกม อโมริม ที่เพิ่งพา แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ 2 นัดในลีกติดหนแรกนับตั้งแต่คุมทีมระบุถึงการคว้า 3 แต้มเหนือ ลิเวอร์พูล ว่า “ผมคิดว่านั่นคือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในช่วงเวลาที่ผมอยู่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มันมีความหมายมากในวันนี้ แต่พรุ่งนี้มันจะไม่มีความหมายมากนัก มันคือ 3 แต้ม และมันเป็นชัยชนะที่ดี”

“เราสู้เพื่อแย่งบอลทุกลูก แต่เราเสียสมาธิในครึ่งหลัง จิตวิญญาณยังคงอยู่ และนั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด หากคุณมีสปิริต คุณก็สามารถชนะเกมไหนก็ได้”

“พวกเขามีสปิริตที่ยอดเยี่ยม เราน่าจะเล่นบอลได้ดีขึ้น แต่สปิริตของทีมต่างหาก นั่นคือสิ่งที่เราพูดถึงกันเสมอ วันนี้เป็นวันที่ดีสำหรับแฟนๆ แต่ตอนนี้เรามาโฟกัสกับเกมต่อไปดีกว่า”

อโมริม ยกชัยชนะเหนือ ลิเวอร์พูล ยิ่งใหญ่สุดตั้งแต่คุม แมนยู

ชัยชนะครั้งนี้เหนือลิเวอร์พูล ไม่เพียงแต่เป็น 3 แต้มสำคัญที่ช่วยให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขยับอันดับในตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก แต่ยังเป็นชัยชนะที่สร้างความมั่นใจให้กับทีมอย่างมาก ภายใต้การคุมทีมของ รูเบน อโมริม ที่กำลังพยายามสร้างทีม “ปีศาจแดง” ให้กลับมาสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง การบุกไปเอาชนะ “หงส์แดง” ถึงถิ่นแอนฟิลด์ได้นั้น ถือเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมและแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของทีม

การที่อโมริมออกมากล่าวว่า อโมริม ยกชัยชนะเหนือ ลิเวอร์พูล ยิ่งใหญ่สุดตั้งแต่คุม แมนยู ก็แสดงให้เห็นว่าเขาให้ความสำคัญกับเกมนี้มากแค่ไหน เพราะการเอาชนะคู่แข่งตลอดกาลได้นั้น ไม่ได้มีความหมายแค่เรื่องของคะแนนเท่านั้น แต่ยังมีความหมายในเรื่องของจิตใจและความเชื่อมั่นอีกด้วย

นอกจากนี้ การที่อโมริมชื่นชมสปิริตของลูกทีม ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจ เพราะแสดงให้เห็นว่าเขากำลังพยายามสร้างทีมที่มีความสามัคคีและมีความมุ่งมั่นที่จะสู้เพื่อทีม ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการสร้างทีมที่ประสบความสำเร็จในระยะยาว

อะไรคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้แมนยูไนเต็ดคว้าชัยชนะ?

มีหลายปัจจัยที่ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สามารถคว้าชัยชนะเหนือลิเวอร์พูลได้ในเกมนี้

  • ความมุ่งมั่นและสปิริตของทีม: นักเตะทุกคนแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะสู้เพื่อทีม และไม่ยอมแพ้แม้จะตกเป็นรอง
  • การวางแผนและการแก้เกมของโค้ช: รูเบน อโมริม วางแผนมาเป็นอย่างดี และสามารถแก้เกมได้อย่างทันท่วงทีเมื่อสถานการณ์ไม่เป็นใจ
  • ฟอร์มการเล่นของนักเตะสำคัญ: นักเตะหลายคนโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เล่นในแนวรุกที่สามารถสร้างความแตกต่างได้

โดยรวมแล้ว ชัยชนะครั้งนี้เป็นผลมาจากความพยายามของทุกคนในทีม ทั้งนักเตะ โค้ช และทีมงานเบื้องหลัง ที่ร่วมแรงร่วมใจกันจนสามารถบรรลุเป้าหมายได้

ชัยชนะเหนือลิเวอร์พูลครั้งนี้ อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการกลับมาสู่ความยิ่งใหญ่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การนำทีมของ รูเบน อโมริม ก็เป็นได้ เพราะชัยชนะครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็น 3 แต้มสำคัญเท่านั้น แต่ยังเป็นชัยชนะที่สร้างความมั่นใจและแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของทีมอย่างชัดเจน

แน่นอนว่าเส้นทางยังอีกยาวไกล แต่ด้วยสปิริตของทีมและความสามารถของโค้ช เชื่อว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะสามารถกลับมาเป็นทีมชั้นนำของยุโรปได้อีกครั้งในอนาคตอันใกล้นี้ อย่าลืมติดตามและให้กำลังใจพวกเขากันต่อไป!

ที่มา – อโมริม ยกชัยชนะเหนือ ลิเวอร์พูล ยิ่งใหญ่สุดตั้งแต่คุม แมนยู – ชมสปิริตลูกทีม

บรูโนยัน แข้งแมนยูเชื่อมั่น อโมริม พาทีมกลับสู่จุดเดิม

บรูโน แฟร์นานเดส กองกลางกัปตันทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยืนยันว่า กลุ่มนักเตะ “ปีศาจแดง” ยังคงเชื่อมั่นในตัวของ รูเบน อโมริม ว่าจะสามารถพาสโมสรกลับมาสู่จัดที่ควรเป็นได้

โดย แมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้การนำทีมของ อโมริม ทำผลงานได้ไม่น่าพอใจนักมาตั้งแต่ฤดูกาลก่อนซึ่งพวกเขาจบในอันดับ 15 ของลีก และไม่มีแชมป์ติดมือ ขณะที่ซีซั่นนี้ฟอร์มยังไม่ดีขึ้นหลังอยู่อันดับ 10 ของลีก และตกรอบสองของคาราบาว คัพ ไปแล้ว

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้เซอร์จิม แรตคลิฟฟ์ เจ้าของร่วม “ปีศาจแดง” ยืนยันว่า จะให้เวลา อโมริม อีก 3 ปีในการคุมทัพ

ล่าสุด บรูโน ออกมาสนับสนุนความคิดของ เซอร์จิม โดยมองว่า อโมริม คือคนที่จะพาทีมกลับสู่ในจุดที่ควรเป็นได้ “ผมคิดว่าสโมสรต้องการความมั่นคง นั่นคือ (ข้อความ) ที่ผมคิดว่า เซอร์จิม ต้องการส่งต่อให้ทุกคน”

“บางครั้งคุณต้องมองภาพรวม และในฐานะกลุ่มนักเตะ เราเชื่อว่าผู้จัดการทีมสามารถช่วยให้สโมสรแห่งนี้กลับมาอยู่ในจุดที่ควรจะเป็นได้ ถ้า เซอร์จิม มองในมุมเดียวกับนักเตะ ผู้จัดการทีมคือคนที่ใช่สำหรับงานนี้ การที่เรามีสองกลุ่มที่มองไปในทิศทางเดียวกันก็ยิ่งดี”

บรูโนยัน แข้งแมนยูเชื่อมั่น อโมริม พาทีมกลับสู่จุดเดิม

สถานการณ์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในปัจจุบันดูจะไม่สู้ดีนัก ผลงานในสนามยังคงขึ้นๆ ลงๆ ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายเกี่ยวกับอนาคตของทีมและผู้จัดการทีมอย่าง รูเบน อโมริม อย่างไรก็ตาม บรูโน แฟร์นานเดส กัปตันทีม ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า นักเตะทุกคนยังคงให้การสนับสนุนและเชื่อมั่นในตัวของ อโมริม ว่าจะสามารถนำทีมกลับไปสู่จุดที่ควรจะเป็นได้

การสนับสนุนจากนักเตะถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้จัดการทีม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้ บรูโน แฟร์นานเดส ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของความมั่นคงและการมองภาพรวมระยะยาวของสโมสร เขายังกล่าวอีกว่า เซอร์จิม แรตคลิฟฟ์ เจ้าของร่วมสโมสร ก็มีความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณที่ดีถึงอนาคตของทีม

แน่นอนว่า การเปลี่ยนแปลงทีมขนาดใหญ่อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในชั่วข้ามคืน ต้องใช้เวลาและความอดทนอย่างมากในการสร้างทีมให้แข็งแกร่งและสามารถแข่งขันในระดับสูงได้ การมีผู้จัดการทีมที่ได้รับการสนับสนุนจากนักเตะและเจ้าของสโมสร จะช่วยให้ทีมมีความมั่นคงและสามารถเดินหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้องได้

ความเชื่อมั่นใน อโมริม จะนำพาความสำเร็จมาสู่แมนยูได้จริงหรือ

คำถามที่แฟนบอลหลายคนคงอยากรู้คือ ความเชื่อมั่นของนักเตะและผู้บริหารที่มีต่อ อโมริม จะสามารถนำพาความสำเร็จมาสู่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้จริงหรือไม่? คำตอบนั้นยังคงเป็นสิ่งที่ต้องพิสูจน์กันต่อไปในสนาม แต่สิ่งที่แน่นอนคือ การสนับสนุนและความเชื่อมั่นจากทุกฝ่าย จะเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ช่วยให้ อโมริม และทีมงานสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่และนำพาปีศาจแดงกลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง

การที่บรูโนออกมาแสดงความเชื่อมั่นในตัวของ รูเบน อโมริม นั้นแสดงให้เห็นว่าภายในทีมยังมีสปิริตและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน แม้ว่าผลงานในสนามอาจจะยังไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าที่ควร แต่การที่นักเตะยังคงให้การสนับสนุนผู้จัดการทีมก็ถือเป็นสัญญาณที่ดีว่าทีมยังคงมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและปรับปรุงผลงานให้ดีขึ้น

แน่นอนว่าแฟนบอลทุกคนต่างก็ต้องการเห็นทีมรักประสบความสำเร็จและกลับมาอยู่ในจุดที่ควรจะเป็น แต่การเปลี่ยนแปลงนั้นต้องใช้เวลาและความอดทน การให้โอกาสและสนับสนุน อโมริม อาจจะเป็นหนทางที่จะนำพาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่ได้ในอนาคต

ดังนั้นแล้ว มาให้กำลังใจและสนับสนุนทีมต่อไปกันนะครับ อาจจะมีวันที่เราได้เห็นทีมกลับมาประสบความสำเร็จอีกครั้งก็เป็นได้

ที่มา – บรูโน ยันแข้ง แมนยู ยังเชื่อมั่น อโมริม – มองพาทีมกลับสู่จุดที่ควรเป็นได้

อโมริมรับเอง! แมนยูจะเทียบลิเวอร์พูลเมื่อไหร่?

รูเบน อโมริม เฮดโค้ช แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอมรับไม่รู้ว่า “ปีศาจแดง” จะใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะไปถึงระดับเดียวกับ ลิเวอร์พูล

โดย แมนฯ ยูไนเต็ด มีโปรแกรมสำคัญในการบุกเยือน ลิเวอร์พูล คู่ปรับตลอดกาลในศึก “แดงเดือด” ที่สนาม แอนฟิลด์ วันที่ 19 ต.ค.นี้

อย่างไรก็ตาม “ปีศาจแดง” ต้องเจอกับฤดูกาลที่แย่สุดในยุคพรีเมียร์ลีกภายใต้การคุมทีมของ อโมริม เมื่อซีซั่นก่อนโดยจบอันดับที่ 15 ขณะที่ “หงส์แดง” คว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้เท่ากับสถิติเดิมของพวกเขาที่ 20 สมัย

แม้ทั้งสองสโมสรจะครองความยิ่งใหญ่ แต่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของสองสโมสรที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของอังกฤษกลับแทบจะไม่เคยเกิดขึ้นพร้อมกัน และมักจะเกิดขึ้นเมื่ออีกฝ่ายกำลังถดถอยลง

เมื่อถูกถามว่าเป้าหมายที่เป็นไปได้ในการไล่ตามให้ไปอยู่ระดับเดียวกับ ลิเวอร์พูล นั้น อโมริม ระบุว่า “ผมไม่รู้ บางครั้งสิ่งต่างๆ ก็เปลี่ยนแปลงเร็วมาก เราสามารถชนะเกมไหนก็ได้ ดังนั้นหากเราคิดถึงเกมต่อไป นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด และเราสามารถชนะเกมต่อไปได้”

“เราจะต่อสู้เพื่ออยู่ในระดับเดียวกับ ลิเวอร์พูล ในอนาคต นั่นคือแนวคิด ผมไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหน”

การที่ รูเบน อโมริม กุนซือของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกมายอมรับว่า เขาเองก็ไม่มั่นใจว่าทีมรักของเขาจะสามารถก้าวไปเทียบชั้นกับทีมคู่อริตลอดกาลอย่าง ลิเวอร์พูล ได้เมื่อไหร่นั้น สร้างความฮือฮาให้กับแฟนบอลเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการแสดงความเห็นที่ค่อนข้างตรงไปตรงมา และสะท้อนให้เห็นถึงสถานการณ์ที่แท้จริงของทีม

อโมริมรับเอง แมนยู จะไปถึงระดับเดียวกับ ลิเวอร์พูล ได้เมื่อใด?

สถานการณ์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้น ไม่สู้ดีนัก พวกเขาต้องเผชิญกับความยากลำบากในการกลับไปสู่จุดสูงสุดของวงการฟุตบอลอังกฤษ และยุโรป ผิดกับ ลิเวอร์พูล ที่ภายใต้การคุมทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ พวกเขากลับมาเป็นหนึ่งในทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก

ดังนั้น คำถามที่ว่า “แมนยูจะไปถึงระดับเดียวกับลิเวอร์พูลได้เมื่อไหร่?” จึงเป็นคำถามที่แฟนบอลหลายคนอยากรู้ และแน่นอนว่าไม่มีใครสามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้ แม้แต่ตัวกุนซือเองก็ตาม

ปัจจัยที่ส่งผลต่อการพัฒนาของ แมนยู

การที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะสามารถกลับไปเทียบชั้นกับ ลิเวอร์พูล ได้นั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น:

  • การเสริมทัพนักเตะ: การมีนักเตะที่มีคุณภาพ และเหมาะสมกับระบบการเล่น ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
  • การวางแผนระยะยาว: ทีมต้องมีการวางแผนที่เป็นระบบ และมองถึงอนาคต
  • ความอดทนของแฟนบอล: การเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลา แฟนบอลต้องให้โอกาสทีมได้พัฒนา

นอกจากนี้ ปัญหาภายในสโมสรต่างๆก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน ทั้งเรื่องการบริหารจัดการ รวมไปถึงเรื่องของสปิริตภายในทีม หากภายในยังไม่แข็งแกร่งการจะก้าวไปข้างหน้าก็เป็นไปได้ยาก

ถึงแม้ว่า อโมริม จะไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้ว่า แมนยู จะสามารถไปถึงระดับเดียวกับ ลิเวอร์พูล ได้เมื่อไหร่ แต่เขาก็ยืนยันว่าทีมจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อไล่ตามให้ทัน และนั่นคือสิ่งที่แฟนบอลทุกคนอยากได้ยิน

แน่นอนว่าการเดินทางสู่จุดสูงสุดนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ด้วยความมุ่งมั่น และการทำงานหนัก เชื่อว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะสามารถกลับมาเป็นทีมที่น่าเกรงขามได้อีกครั้ง และอาจจะกลับมายิ่งใหญ่ได้เทียบเท่าหรือมากกว่า ลิเวอร์พูล ก็เป็นได้ ใครจะรู้?

ดังนั้น เราในฐานะแฟนบอลก็คงต้องให้กำลังใจ สนับสนุนทีมต่อไป และหวังว่าสักวันหนึ่ง “ปีศาจแดง” จะกลับมายืนหยัดได้อย่างสง่างามอีกครั้ง

ที่มา – อโมริม รับเองไม่รู้ แมนยู จะไปถึงระดับเดียวกับ ลิเวอร์พูล ได้เมื่อใด

อโมริมชี้! แมนยูฟอร์มบู่ จิตใจเหนื่อยล้ามากเกินไป

รูเบน อโมริม เฮดโค้ช แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เชื่อว่า ฟอร์มการเล่นที่ย่ำแย่ของทีมก่อนหน้านี้เกิดจากปัญหาที่นักเตะจิตใจเหนื่อยล้ามากเกินไป

โดย แมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทัพของ อโมริม ออกสตาร์ตซีซั่นนี้ด้วยผลงานน่าผิดหวังจากการมีเพียง 10 คะแนนจาก 7 นัดอยู่อันดับ 10 ในพรีเมียร์ลีก และตกรอบสองของคาราบาว คัพ ด้วยการพ่าย กริมสบี ทาวน์ ทีมจากลีกทู

อย่างไรก็ตามก่อนเบรกทีมชาติ “ปีศาจแดง” เจอสถานการณ์ที่ผ่อนคลายมากขึ้นหลังเปิดบ้านเอาชนะ ซันเดอร์แลนด์ 2-0

ล่าสุด “เดอะ ซัน” เผยว่า อโมริม พอใจกับชัยชนะดังกล่าวของทีม และมองว่า นักเตะเจอความเหนื่อยล้าทางจิตใจมากเกินไป จนส่งผลต่อฟอร์มการเล่น “เขารู้สึกโล่งใจที่ไม่ต้องเจอกับเรื่องดราม่าก่อนที่นักเตะดาวดังจะไปเล่นให้ทีมชาติ อโมริม ได้สื่อสารเรื่องนี้กับนักเตะในห้องแต่งตัวว่า เขาเคยอธิบายฟอร์มการเล่นก่อนหน้านี้ว่า เหนื่อยล้าทางจิตใจมากเกินไป และเชื่อว่านั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้สโมสรมีปัญหามากขึ้น”

อโมริม ชี้แข้ง แมนยู จิตใจเหนื่อยล้ามากเกินไป – ส่งผลฟอร์มบู่

สถานการณ์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในช่วงต้นฤดูกาลนี้เป็นสิ่งที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง หลังจากที่ทีมทุ่มเงินเสริมทัพไปมากมาย แต่ผลงานในสนามกลับไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ การที่รูเบน อโมริม ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงสาเหตุที่นักเตะจิตใจเหนื่อยล้ามากเกินไปจนส่งผลต่อฟอร์มการเล่นนั้น ถือเป็นการเปิดประเด็นที่น่าสนใจและชวนให้คิดตาม

ปัญหาความเหนื่อยล้าทางจิตใจส่งผลต่อฟอร์มการเล่นอย่างไร?

ความเหนื่อยล้าทางจิตใจเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬาอาชีพหรือคนทั่วไป เมื่อร่างกายและจิตใจได้รับการใช้งานอย่างหนักหน่วงเป็นเวลานาน ก็จะเกิดความล้าสะสม ซึ่งส่งผลเสียต่อการทำงานของสมองและระบบประสาท ทำให้ประสิทธิภาพในการคิด ตัดสินใจ และตอบสนองลดลง นอกจากนี้ยังส่งผลต่ออารมณ์ ทำให้หงุดหงิดง่าย ขาดสมาธิ และหมดไฟในการทำงาน

สำหรับนักฟุตบอลอาชีพ ความเหนื่อยล้าทางจิตใจอาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น ตารางการแข่งขันที่แน่นเอี๊ยด ความกดดันจากความคาดหวังของแฟนบอลและสื่อมวลชน ปัญหาภายในทีม หรือแม้แต่เรื่องส่วนตัวนอกสนาม เมื่อนักเตะรู้สึกเหนื่อยล้าทางจิตใจ ก็จะส่งผลต่อฟอร์มการเล่นในสนามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้ขาดความกระตือรือร้น เล่นผิดพลาดง่าย ตัดสินใจช้า และขาดความมั่นใจ

อโมริมมองว่านักเตะของเขา จิตใจเหนื่อยล้ามากเกินไป จนส่งผลกระทบต่อผลงานในสนามอย่างชัดเจน การแก้ไขปัญหาความเหนื่อยล้าทางจิตใจจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้นักเตะกลับมามีสมาธิและฟอร์มการเล่นที่ดีได้อีกครั้ง

วิธีการแก้ไขปัญหาความเหนื่อยล้าทางจิตใจอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลและแต่ละทีม แต่โดยทั่วไปแล้ว มักจะเน้นไปที่การพักผ่อนให้เพียงพอ การจัดการความเครียด การสร้างบรรยากาศที่ดีในทีม และการให้กำลังใจซึ่งกันและกัน นอกจากนี้ การพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาการกีฬา ก็อาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้นักเตะเข้าใจและจัดการกับความรู้สึกของตนเองได้ดีขึ้น

สิ่งที่อโมริมพูดถึงเรื่องที่นักเตะจิตใจเหนื่อยล้ามากเกินไป นั้นสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพจิตใจของนักกีฬาควบคู่ไปกับการดูแลร่างกาย การที่นักเตะมีสภาพจิตใจที่แข็งแกร่งและพร้อมที่จะเผชิญกับความท้าทายต่างๆ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จได้ในระยะยาว

การที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดสามารถเอาชนะซันเดอร์แลนด์ได้ก่อนช่วงพักเบรกทีมชาติ ถือเป็นสัญญาณที่ดีว่าทีมกำลังกลับมาสู่เส้นทางที่ถูกต้อง แต่การแก้ไขปัญหาความเหนื่อยล้าทางจิตใจของนักเตะยังคงเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทีมสามารถรักษาฟอร์มการเล่นที่ดีไว้ได้ และกลับมาลุ้นแชมป์ในฤดูกาลนี้ได้อย่างเต็มที่

การจัดการความคาดหวังจากภายนอก การสร้างสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวและอาชีพ และการมีสติในการเผชิญหน้ากับความกดดัน เป็นสิ่งที่นักเตะทุกคนต้องเรียนรู้และฝึกฝน เพื่อให้สามารถรับมือกับความเหนื่อยล้าทางจิตใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรักษาฟอร์มการเล่นที่ดีไว้ได้ในระยะยาว

ที่มา – อโมริม ชี้แข้ง แมนยู จิตใจเหนื่อยล้ามากเกินไป – ส่งผลฟอร์มบู่

แมนยู หวั่น รูเบน อโมริม ขอลาออกเอง – บอร์ดบริหารยังหนุนเต็มที่

แมนยู หวั่น รูเบน อโมริม ขอลาออกเอง – บอร์ดบริหารยังหนุนเต็มที่

สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ตึงเครียดในฤดูกาลนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับข่าวลือเกี่ยวกับอนาคตของรูเบน อโมริม เฮดโค้ชชาวโปรตุเกสที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งไม่นาน ผลงานของทีม “ปีศาจแดง” ที่น่าผิดหวังทำให้เกิดความกังวลว่าอโมริมอาจตัดสินใจลาออกด้วยตัวเองก่อนที่จะถูกปลดจากตำแหน่ง สื่อหลายสำนักรายงานว่า บอร์ดบริหารของสโมสรยังคงให้การสนับสนุนเต็มที่ แต่ความไม่แน่นอนนี้กำลังสร้างแรงกดดันมหาศาล

แมนยู หวั่น รูเบน อโมริม ขอลาออกเอง – บอร์ดบริหารยังหนุนเต็มที่

ฤดูกาล 2023/24 นี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำผลงานได้ต่ำกว่ามาตรฐานที่คาดหวังไว้อย่างมาก ทีมรั้งอันดับ 14 ในตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก จากการลงเล่น 6 นัด มีเพียง 7 คะแนนเท่านั้น นอกจากนี้ ยังประสบความพ่ายแพ้ที่น่าอับอายในรายการคาราบาว คัพ โดยตกรอบสองหลังจากแพ้ให้กับกริมสบี ทาวน์ ทีมจากลีกทู ซึ่งเป็นผลการแข่งขันที่ทำให้แฟนบอลและสื่อมวลชนตั้งคำถามถึงความสามารถของอโมริมในการนำทีม

รูเบน อโมริม วัย 39 ปี เคยสร้างชื่อเสียงจากการคุมทีมสปอร์ติ้ง ลิสบอน ด้วยสไตล์การเล่นที่เน้นการครองบอลและการโจมตีที่รวดเร็ว แต่การปรับตัวเข้ากับพรีเมียร์ลีกดูเหมือนจะยากลำบากกว่าที่คิด สถานการณ์ปัจจุบันทำให้เกิดข่าวลือว่าสโมสรกำลังมองหากุนซือคนใหม่ เช่น เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ หรือแม้แต่ชื่อเก่าอย่างโจเซ มูรินโญ่ แต่แหล่งข่าววงในยืนยันว่าอโมริมอาจเลือกที่จะลาออกเองเพื่อรักษาชื่อเสียงระยะยาว

ความกังวลจากบอร์ดบริหารและอนาคตของอโมริม

ตามรายงานจาก “ไอ เปเปอร์” สื่อชื่อดังของอังกฤษ คนวงในของแมนยูแสดงความกังวลว่าอโมริมอาจลาออกก่อนที่จะถูกไล่ออก แหล่งข่าวสองแห่งยืนยันถึงโอกาสนี้ โดยหนึ่งในนั้นระบุว่าอโมริมกำลังพิจารณาอย่างจริงจังว่าจะปกป้องภาพลักษณ์ของตัวเองอย่างไร หากสถิติในลีกอังกฤษของเขากลายเป็นจุดอ่อนในอาชีพ การลาออกอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกมองว่าเป็นความล้มเหลว

อย่างไรก็ตาม กลุ่มทุน INEOS ซึ่งเป็นเจ้าของร่วมของสโมสร โดยเฉพาะเซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ ยังคงยืนยันที่จะให้โอกาสอโมริมพิสูจน์ตัวเองตลอดทั้งฤดูกาล พวกเขามองว่าการเปลี่ยนตัวโค้ชบ่อยครั้งอาจไม่ใช่ทางแก้ปัญหาที่ยั่งยืน แรตคลิฟฟ์เคยให้สัมภาษณ์ว่าต้องการสร้างทีมที่มั่นคงในระยะยาว ไม่ใช่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

  • ผลงานน่าผิดหวัง: อันดับ 14 ในพรีเมียร์ลีก
  • ตกรอบคาราบาว คัพ: แพ้กริมสบี ทาวน์
  • ข่าวลือกุนซือใหม่: แต่บอร์ดยังหนุนอโมริม
  • ความเสี่ยงลาออก: เพื่อรักษาชื่อเสียง

สถานการณ์นี้ไม่เพียงแต่กระทบต่ออโมริมเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อผู้เล่นหลักอย่างเบรuno แฟร์นันเดส และมาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ต้องปรับตัวเข้ากับแท็คติกใหม่ การขาดความสามัคคีในทีมอาจเป็นสาเหตุหลักของฟอร์มที่ย่ำแย่ หากอโมริมลาออกจริง คาดว่าสโมสรจะต้องเร่งหาตัวแทนที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้ฤดูกาลนี้พังทลายทั้งหมด

ในมุมมองของนักวิเคราะห์ฟุตบอล การมาของอโมริมคือการพนันครั้งใหญ่ของแมนยูที่อาจประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวได้ง่ายๆ พรีเมียร์ลีกคือลีกที่โหดร้ายที่สุดในโลก และโค้ชต่างชาติหลายคนเคยล้มเหลวมาแล้ว แต่หากบอร์ดบริหารยังหนุนเต็มที่ตามที่รายงาน อาจเป็นสัญญาณว่าพวกเขายังเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ของเขา

สุดท้ายนี้ แฟนปีศาจแดงควรอดทนและให้กำลังใจทีมต่อไป เพราะการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อาจนำมาซึ่งความสำเร็จในอนาคต หากคุณเป็นแฟนแมนยู ลองแชร์ความคิดเห็นของคุณในคอมเมนต์ด้านล่างว่าคิดว่าอโมริมควรอยู่ต่อหรือลาออกดี?

ที่มา – แมนยู หวั่น รูเบน อโมริม ขอลาออกเอง – บอร์ดบริหารยังหนุนเต็มที่

ผู้กอบกู้ แมนยู ยังเชื่อมือ อโมริม ช่วยพลิกสถานการณ์ให้ทีมได้

ผู้กอบกู้ แมนยู ยังเชื่อมือ อโมริม ช่วยพลิกสถานการณ์ให้ทีมได้

สื่อชั้นนำรายงานว่า ผู้กอบกู้ แมนยู ยังคงเชื่อมั่นในตัว รูเบน อโมริม เฮดโค้ชคนปัจจุบันของสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่จะสามารถพลิกสถานการณ์ของทีมให้ดีขึ้นได้ แม้ว่าฟอร์มการเล่นของทีมจะน่าผิดหวังในช่วงที่ผ่านมา

ประวัติและการเข้ามาคุมทีมของอโมริม

รูเบน อโมริม เข้ามารับตำแหน่งเฮดโค้ชของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเดือนพฤศจิกายน 2024 หลังจากที่ทีมประสบปัญหาผลงานไม่ดีมาอย่างต่อเนื่อง ก่อนหน้านี้ อโมริม ประสบความสำเร็จอย่างมากกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ในลีกโปรตุเกส โดยพาทีมคว้าแชมป์ลีกได้สำเร็จ ซึ่งทำให้เขาได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในโค้ชหนุ่มอนาคตไกลของวงการฟุตบอลยุโรป

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เข้ามาคุมทัพปีศาจแดง อโมริม กลับไม่สามารถปรับทีมให้เข้ากับสไตล์การเล่นของเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ผลงานในฤดูกาลที่แล้วและฤดูกาลนี้ยังคงน่าผิดหวัง โดยเฉพาะในพรีเมียร์ลีกที่ทีมทำผลงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร

ปัจจุบัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รั้งอันดับ 14 ในตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก จากการลงเล่น 6 นัด มีเพียง 7 คะแนนเท่านั้น นอกจากนี้ ทีมยังตกรอบสองของคาราบาว คัพ หลังพ่ายแพ้ให้กับ กริมสบี ทาวน์ ทีมจากลีกทู ซึ่งเป็นความพ่ายแพ้ที่น่าผิดหวังอย่างมากสำหรับแฟนบอลปีศาจแดง

Soccer Football – Premier League – Brentford v Manchester United – GTech Community Stadium, London, Britain – September 27, 2025 Manchester United manager Ruben Amorim looks on Action Images via Reuters/Andrew Couldridge EDITORIAL USE ONLY. 

แม้ผลงานจะออกมาน่าผิดหวัง แต่บอร์ดบริหารของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงไม่มีแผนที่จะปลด อโมริม ออกจากตำแหน่ง แม้ว่าจะมีข่าวลือเกี่ยวกับกุนซือรายอื่นๆ ที่อาจเข้ามาทำหน้าที่แทนก็ตาม ล่าสุด เดลี เมล ได้รายงานว่า ความรู้สึกภายในสโมสรคือ ผู้กอบกู้ แมนยู ยังเชื่อมือ อโมริม ช่วยพลิกสถานการณ์ให้ทีมได้ พวกเขามองว่าอโมริมต้องการเวลาในการปรับทีมให้เข้ากับระบบ 3-4-3 ที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา

ความท้าทายที่อโมริมต้องเผชิญ

การมาของอโมริมที่แมนยูไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด ทีมมีปัญหาในหลายด้าน ทั้งการขาดนักเตะตัวหลักที่บาดเจ็บ การปรับตัวของผู้เล่นเก่าให้เข้ากับแท็คติกใหม่ และแรงกดดันจากแฟนบอลที่คาดหวังผลลัพธ์ทันที นอกจากนี้ พรีเมียร์ลีกยังเป็นลีกที่แข่งขันสูง ทำให้การพลิกฟื้นทีมไม่ใช่เรื่องง่าย

  • ปัญหาการป้องกัน: ทีมเสียประตูง่ายเกินไปในหลายนัด
  • การโจมตีที่ขาดประสิทธิภาพ: ดาวยิงอย่างรังนิค ไม่สามารถทำประตูได้สม่ำเสมอ
  • การปรับตัวของผู้เล่น: นักเตะบางคนยังไม่ชินกับระบบใหม่

ผู้กอบกู้ แมนยู ยังเชื่อมือ อโมริม ช่วยพลิกสถานการณ์ให้ทีมได้ เพราะประสบการณ์ของเขากับสปอร์ติ้งที่เคยพาทีมจากอันดับกลางตารางขึ้นมาเป็นแชมป์ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการสร้างทีมใหม่ หากให้เวลามากพอ อโมริม อาจนำพาแมนยูกลับสู่ความยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง

ในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ การตัดสินใจเก็บอโมริมไว้เป็นทางเลือกที่ถูกต้อง เพราะการเปลี่ยนโค้ชบ่อยครั้งอาจทำให้ทีมยิ่ง乱กว่าเดิม แฟนบอลควรให้กำลังใจและอดทนรอผลลัพธ์ในระยะยาว

สุดท้ายแล้ว ผู้กอบกู้ แมนยู ยังเชื่อมือ อโมริม ช่วยพลิกสถานการณ์ให้ทีมได้ และเราหวังว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงในเร็วๆ นี้ หากคุณเป็นแฟนแมนยู ลองแชร์ความคิดเห็นของคุณในคอมเมนต์ด้านล่างว่าคุณเชื่อมั่นในอโมริมแค่ไหน และอย่าลืมติดตามข่าวสารฟุตบอลเพิ่มเติมจากเรา!

ที่มา – ผู้กอบกู้ แมนยู ยังเชื่อมือ อโมริม ช่วยพลิกสถานการณ์ให้ทีมได้

หลังอยู่ที่ 14 ตาราง แมนยู ตัดสินใจแล้วปลด อโมริม พ้นกุนซือหรือไม่

หลังอยู่ที่ 14 ตาราง แมนยู ตัดสินใจแล้วปลด อโมริม พ้นกุนซือหรือไม่

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากในฤดูกาลใหม่ โดยทีมปีศาจแดงอยู่อันดับ 14 ของตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ซึ่งทำให้เกิดคำถามมากมายเกี่ยวกับอนาคตของ รูเบน อโมริม ในฐานะเฮดโค้ช แฟนบอลหลายคนสงสัยว่า หลังอยู่ที่ 14 ตาราง แมนยู ตัดสินใจแล้วปลด อโมริม พ้นกุนซือหรือไม่ วันนี้เราจะมาวิเคราะห์สถานการณ์ล่าสุดกัน

หลังอยู่ที่ 14 ตาราง แมนยู ตัดสินใจแล้วปลด อโมริม พ้นกุนซือหรือไม่

ผลงานของแมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้การนำของอโมริมในช่วงเริ่มต้นฤดูกาลนั้นน่าผิดหวังอย่างมาก หลังจากลงสนาม 6 นัด พวกเขาคว้ามาได้เพียง 7 คะแนนเท่านั้น นอกจากนี้ยังตกรอบคาราบาว คัพ รอบสองด้วยความพ่ายแพ้ต่อกริมสบี ทาวน์ ทีมจากลีกทู ซึ่งถือเป็นความอัปยศครั้งใหญ่สำหรับสโมสรยักษ์ใหญ่อย่างแมนยู การอยู่อันดับ 14 ทำให้เกิดกระแสวิจารณ์หนัก และชื่อของกุนซือคนอื่นๆ ถูกพูดถึง เช่น โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ จากคริสตัล พาเลซ และแกเร็ธ เซาธ์เกต อดีตกุนซือทีมชาติอังกฤษ

อย่างไรก็ตาม จากรายงานล่าสุดของบีบีซี ชี้ว่าสโมสรยังไม่มีแผนการปลดอโมริมออกจากตำแหน่ง เซอร์จิม แรตคลิฟฟ์ เจ้าของทีมร่วม ได้แสดงการสนับสนุนต่อเทรนเนอร์ชาวโปรตุกีสวัย 40 ปีนี้ โดยเชื่อว่าเป็นเรื่องยุติธรรมที่จะให้โอกาสอโมริมทำงานเต็มฤดูกาล ด้วยทีมที่เขาสร้างขึ้นมาเอง นี่คือสัญญาณว่าคำถาม หลังอยู่ที่ 14 ตาราง แมนยู ตัดสินใจแล้วปลด อโมริม พ้นกุนซือหรือไม่ คำตอบคือไม่ใช่ตอนนี้

สาเหตุที่ทำให้แมนยูฟอร์มตกต่ำ

การปรับตัวเข้ากับระบบการเล่นใหม่ของอโมริมเป็นหนึ่งในปัญหาหลัก นักเตะหลักหลายคนยังไม่คุ้นเคยกับแท็คติกที่เน้นการครองบอลและกดดันสูง ทำให้เกิดข้อผิดพลาดในเกมรับ นอกจากนี้ การเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์ที่ไม่ตรงจุดก็ส่งผลกระทบ เช่น การขาดตัวรุกที่อันตรายพอจะเจาะแนวรับคู่แข่งได้ แฟนบอลแมนยูหลายคนเรียกร้องให้บอร์ดบริหารเคลื่อนไหว แต่แรตคลิฟฟ์ยืนยันว่าจะให้เวลากับอโมริม

หากย้อนดูประวัติศาสตร์ แมนยูเคยเปลี่ยนกุนซือหลายครั้งเพื่อแก้ปัญหา แต่หลายครั้งก็ไม่ได้ผลดีนัก ครั้งนี้จึงอาจเป็นบททดสอบสำคัญสำหรับยุคใหม่ของสโมสร

  • ผลงาน 6 นัดแรก: 7 คะแนน
  • ตกรอบคาราบาว คัพ: พ่ายกริมสบี ทาวน์
  • ชื่อกุนซือ替代: กลาสเนอร์, เซาธ์เกต
  • การสนับสนุนจากแรตคลิฟฟ์: ให้เวลาครบฤดูกาล

รูเบน อโมริม กุนซือแมนยู

ภาพ: รูเบน อโมริม คุมทัพแมนยูในเกมกับเบรนท์ฟอร์ด (Action Images via Reuters)

ในมุมมองของผม การตัดสินใจให้เวลากับอโมริมเป็นทางเลือกที่ถูกต้อง เพราะการเปลี่ยนกุนซือบ่อยครั้งอาจทำให้ทีมยิ่ง亂 หวังว่าอโมริมจะปรับปรุงฟอร์มได้ในนัดต่อๆ ไป

คุณคิดอย่างไรกับสถานการณ์นี้? แมนยูควรปลดอโมริมหรือให้โอกาสต่อ? แสดงความเห็นในคอมเมนต์ด้านล่างได้เลย!

ที่มา – หลังอยู่ที่ 14 ตาราง แมนยู ตัดสินใจแล้วปลด อโมริม พ้นกุนซือหรือไม่

เซาธ์เกต ติดโผกุนซือใหม่แมนยู หากปลดอโมริม

เซาธ์เกต ติดโผกุนซือใหม่แมนยู หากปลดอโมริม

ในวงการฟุตบอลอังกฤษช่วงนี้ มีข่าวลือหนาหูเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยเฉพาะ เซาธ์เกต ติดโผกุนซือใหม่ แมนยู หากปลด อโมริม – เซอร์จิม เดินหน้าติดต่อแล้ว ซึ่งเป็นหัวข้อที่แฟนบอลปีศาจแดงให้ความสนใจอย่างมาก ผลงานของทีมในฤดูกาลนี้ที่ย่ำแย่ ทำให้เกิดแรงกดดันต่อรูเบน อโมริม เฮดโค้ชวัย 40 ปี ที่เพิ่งเข้ามาคุมทีมไม่นาน

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังเผชิญกับฤดูกาลที่ยากลำบาก โดยเก็บได้เพียง 7 คะแนนจาก 6 นัดแรก ทำให้รั้งอันดับ 14 ของตารางพรีเมียร์ลีก สถานการณ์นี้ทำให้กระแสเรียกร้องให้ปลดอโมริมดังขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าบอร์ดบริหารจะยังไม่แสดงท่าทีชัดเจน แต่ข่าวล่าสุดจากสื่อชื่อดังอย่าง TeamTalk ชี้ว่า แกเร็ธ เซาธ์เกต อดีตกุนซือทีมชาติอังกฤษ กำลังกลายเป็นตัวเลือกหลัก หากทีมตัดสินใจเปลี่ยนตัวโค้ช

เซาธ์เกต ติดโผกุนซือใหม่ แมนยู หากปลด อโมริม – เซอร์จิม เดินหน้าติดต่อแล้ว

เซาธ์เกต ซึ่งเพิ่งแยกทางกับทีมชาติอังกฤษหลังจบยูโร 2024 กำลังอยู่ในสถานะว่างงาน และมีประสบการณ์การคุมทีมที่ยาวนาน โดยเฉพาะกับทีมชาติสิงโตคำรามที่เขานำไปสู่รอบลึกในทัวร์นาเมนต์ใหญ่หลายครั้ง ประสบการณ์ของเขาจึงถูกมองว่าเหมาะสมกับการฟื้นฟูทีมใหญ่เช่นแมนยู ที่ต้องการความมั่นคงและกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด

นอกจากนี้ มีรายงานว่าเซอร์จิม แรตคลิฟฟ์ เจ้าของร่วมของสโมสร ได้เริ่มติดต่อกับเซาธ์เกตโดยตรงแล้ว การเคลื่อนไหวนี้แสดงให้เห็นถึงความจริงจังของบอร์ดบริหารในการหาทางออกสำหรับปัญหาปัจจุบัน อโมริมเองก็ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างหนัก หลังจากที่เคยถูกมองว่าเป็นโค้ชอัจฉริยะจากสปอร์ติ้ง ลิสบอน แต่ผลงานที่แมนยูกลับไม่เป็นไปตามคาดหวัง

วิเคราะห์สถานการณ์: ทำไมเซาธ์เกตถึงเหมาะกับแมนยู

หากมองจากมุมมองยุทธศาสตร์ เซาธ์เกต มีจุดเด่นในเรื่องการจัดการทีมที่มีสตาร์ดังๆ และการสร้างระบบทีมที่แข็งแกร่ง เขาเคยพาอังกฤษเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศยูโร และนี่คือสิ่งที่แมนยูต้องการเพื่อกลับสู่จุดสูงสุด อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจปลดอโมริมในตอนนี้ยังเป็นเพียงข่าวลือ แต่ถ้าผลงานไม่ดีขึ้นในนัดต่อๆ ไป การเปลี่ยนแปลงอาจเกิดขึ้นจริง

นอกจากเซาธ์เกต ยังมีชื่ออื่นๆ ที่ถูกพูดถึง เช่น โธมัส ทูเคิ่ล หรือแม้แต่เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ แต่เซาธ์เกต ดูจะเป็นตัวเลือกที่ใกล้ตัวที่สุด ด้วยความสัมพันธ์ในวงการอังกฤษและความพร้อมของเขา

  • ผลงานอโมริม: 7 คะแนนจาก 6 นัด อันดับ 14
  • สถานะเซาธ์เกต: ว่างงานหลังยูโร 2024
  • การเคลื่อนไหวของแรตคลิฟฟ์: ติดต่อโดยตรง

แฟนบอลแมนยูต่างรอคอยการตัดสินใจจากบอร์ด หากเซาธ์เกตเข้ามาจริง อาจเป็นจุดเปลี่ยนที่นำทีมกลับสู่เส้นทางเดิม

ในฐานะแฟนฟุตบอล สถานการณ์นี้ชวนน่าติดตาม และผมเชื่อว่าเซาธ์เกต มีศักยภาพที่จะพลิกเกมให้แมนยูได้ หากคุณเป็นแฟนปีศาจแดง ลองติดตามข่าวสารเพิ่มเติม และแสดงความเห็นในคอมเมนต์ด้านล่างว่าคุณคิดอย่างไรกับตัวเลือกนี้

ที่มา – เซาธ์เกต ติดโผกุนซือใหม่ แมนยู หากปลด อโมริม – เซอร์จิม เดินหน้าติดต่อแล้ว

อโมริม ไม่กังวลเรื่องอนาคตคุมทัพ แมนยู – โวย เบรนต์ฟอร์ด ควรโดนใบแดง

อโมริม ไม่กังวลเรื่องอนาคตคุมทัพ แมนยู – โวย เบรนต์ฟอร์ด ควรโดนใบแดง

ในวงการฟุตบอลพรีเมียร์ลีกที่เต็มไปด้วยความกดดัน รูเบน อโมริม เฮดโค้ชของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่เขายังคงมั่นใจในตัวเอง ล่าสุดหลังจากที่ “ปีศาจแดง” บุกไปพ่ายแพ้ให้กับเบรนต์ฟอร์ด 1-3 ในศึกพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2025-26 เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2025 อโมริม ได้ออกมากล่าวถึงอนาคตของตัวเองกับทีม โดยยืนยันว่าเขาไม่กังวลเรื่องอนาคตคุมทัพ แมนยู แต่อย่างใด แถมยังโวยวายว่าทีม “ผึ้งน้อย” ควรได้รับใบแดงในจังหวะสำคัญ

อโมริม ไม่กังวลเรื่องอนาคตคุมทัพ แมนยู

รูเบน อโมริม วัย 40 ปี ซึ่งเข้ามาคุมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อไม่นานมานี้ กำลังถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับความสามารถในการนำทีมกลับมาสู่ความสำเร็จ หลังจากที่ทีมทำผลงานได้น่าผิดหวังในฤดูกาลนี้ โดยเฉพาะการบุกพ่ายเบรนต์ฟอร์ด ทำให้แพ้เป็นนัดที่ 3 ในลีก และมีเพียง 7 คะแนนจาก 6 นัด จมอยู่ที่อันดับ 14 ของตารางคะแนน ในขณะที่อโมริมเองเก็บได้เพียง 34 คะแนนจาก 33 นัดในลีกเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม อโมริม ยังคงแสดงความมั่นใจหลังเกม โดยกล่าวว่า “ผมไม่เคยกังวลเกี่ยวกับงานของผมเลย ผมไม่ใช่คนแบบนั้น มันไม่ใช่การตัดสินใจของผม ผมจะทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ในทุกนาทีที่ผมอยู่ที่นี่” คำพูดนี้สะท้อนถึงทัศนคติที่เข้มแข็งของกุนซือชาวโปรตุเกส ซึ่งเคยประสบความสำเร็จกับสปอร์ติ้ง ลิสบอน ก่อนย้ายมาคุม “ปีศาจแดง” แฟนบอลแมนยูหลายคนยังคงให้กำลังใจเขา โดยเชื่อว่าการปรับตัวยังต้องใช้เวลา โดยเฉพาะกับนักเตะใหม่ที่เพิ่งเข้ามาเสริมทีม

Soccer Football – Premier League – Brentford v Manchester United – GTech Community Stadium, London, Britain – September 27, 2025 Manchester United manager Ruben Amorim looks on Action Images via Reuters/Andrew Couldridge EDITORIAL USE ONLY.

อโมริม โวย เบรนต์ฟอร์ด ควรโดนใบแดง จุดเปลี่ยนของเกม

นอกจากประเด็นอนาคตแล้ว อโมริม ยังแสดงความไม่พอใจกับการตัดสินของกรรมการในเกมนี้ โดยเฉพาะจังหวะที่ นาธาน คอลลินส์ กองหลังของเบรนต์ฟอร์ด ดึงรั้งไบรอัน เอ็มเบอโม ของแมนยู ล้มลงในกรอบเขตโทษ ก่อนที่บรูโน แฟร์นานเดส จะรับหน้าที่ยิงจุดโทษ แต่พลาดไป ส่งผลให้ทีมพลิกกลับมาเสมอไม่ได้ และแพ้ในที่สุด อโมริม กล่าวว่า “กรรมการบอกผมว่า ไบรอัน ไม่ได้ครองบอล ผมคิดว่าเขาคงไม่สามารถครองบอลได้เพราะโดนดึง แต่นั่นเป็นการตัดสินใจ และผมไม่อยากโทษกรรมการ”

จังหวะดังกล่าวกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเกม โดยหากคอลลินส์ โดนใบแดงจริง แมนยู อาจมีโอกาสพลิกเกมได้มากกว่า เบรนต์ฟอร์ด ภายใต้การนำของโธมัส แฟร้งค์ ทำผลงานได้ดีในบ้าน โดยเกมนี้พวกเขานำ 3-1 ก่อนที่แมนยู จะยิงคืนได้เพียงลูกเดียว แฟนบอลแมนยูหลายคนเห็นด้วยกับอโมริม ที่เชื่อว่าการตัดสินแบบนี้ส่งผลกระทบต่อผลงานทีม

  • ผลงานแมนยูภายใต้อโมริม: ชนะ 10 เสมอ 4 แพ้ 19 ในทุกรายการ
  • จุดอ่อน: การป้องกันที่หลวม และการปรับตัวของกองหน้า
  • โอกาสในอนาคต: เกมต่อไปกับทีมท็อป 6 อาจเป็นบททดสอบใหญ่

การแพ้ครั้งนี้ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องเร่งแก้ไขปัญหา โดยอโมริม วางแผนปรับแท็คติกในนัดต่อไป เพื่อกลับมาท็อปท็อปฟอร์ม แม้จะมีข่าวลือเรื่องการปลดผู้จัดการทีม แต่คำพูดของเขาทำให้แฟนบอลยังคงหวังดี

ในมุมมองของผู้เขียน อโมริม ไม่กังวลเรื่องอนาคตคุมทัพ แมนยู แสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพที่แท้จริง เขาต้องการเวลามากกว่านี้เพื่อสร้างทีมที่แข็งแกร่ง หากแฟนปีศาจแดงอดทนได้ อนาคตอาจสดใส หากคุณเป็นแฟนแมนยู ลองคอมเมนต์ด้านล่างว่าคิดอย่างไรกับอนาคตของอโมริม และติดตามข่าวสารฟุตบอลพรีเมียร์ลีกเพิ่มเติมได้ที่นี่!

ที่มา – อโมริม ไม่กังวลเรื่องอนาคตคุมทัพ แมนยู – โวย เบรนต์ฟอร์ด ควรโดนใบแดง