รถยนต์ไฟฟ้า

สหรัฐฯ เล็งซื้อหุ้นเหมืองออสเตรเลีย ลดพึ่งพาจีน

สถานการณ์โลกกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยล่าสุดมีข่าวว่า รัฐบาลสหรัฐฯ เสนอซื้อหุ้นเหมืองแร่ออสเตรเลีย เพื่อสร้างความมั่นคงทางด้านห่วงโซ่อุปทานและลดการพึ่งพาจีน โดยผู้บริหารของบริษัทเหมืองแร่ออสเตรเลียรายหนึ่งได้เปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ยื่นข้อเสนอเข้ามาเพื่อซื้อหุ้นในบริษัทของตน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแพ็กเกจเงินทุนที่มุ่งขยายการผลิตแร่ธาตุสำคัญ

ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่จีน ซึ่งเป็นผู้ผลิตแร่ธาตุรายใหญ่ของโลก กำลังเผชิญกับความท้าทายจากการตอบโต้มาตรการทางการค้าของสหรัฐฯ โดยจีนได้จำกัดการส่งออกแร่ธาตุหายากและแม่เหล็กถาวรที่เกี่ยวข้อง ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตรถยนต์และเทคโนโลยีในสหรัฐฯ และยุโรป

แร่ธาตุสำคัญที่สหรัฐฯ ให้ความสนใจนั้นรวมถึง ลิเทียม โคบอลต์ และแร่ธาตุหายาก ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในเทคโนโลยีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นพลังงานสะอาด เซมิคอนดักเตอร์ หรือแม้แต่อาวุธยุทโธปกรณ์

รัฐบาลสหรัฐฯ เสนอซื้อหุ้นเหมืองแร่ออสเตรเลีย

ปัจจุบัน จีนครองส่วนแบ่งการผลิตและการแปรรูปแร่หายากกว่า 90% ของโลก ทำให้กลุ่มประเทศ G7 (ยกเว้นญี่ปุ่น) ต้องพึ่งพาการจัดหาจากจีนเกือบทั้งหมด แร่หายากเหล่านี้เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตสินค้าไฮเทคต่างๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ รถยนต์ไฟฟ้า กังหันลม และอุปกรณ์ทางการทหาร ความยากลำบากในการสกัดแร่และการแปรรูปที่มีต้นทุนสูงยิ่งเพิ่มความท้าทายให้กับประเทศตะวันตก

รัฐบาลสหรัฐฯ เสนอซื้อหุ้นเหมืองแร่ออสเตรเลียครั้งนี้ เป็นความพยายามที่จะสร้างห่วงโซ่อุปทานทางเลือกสำหรับแร่ธาตุสำคัญ เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาแหล่งจัดหาเพียงแหล่งเดียว

ทำไมรัฐบาลสหรัฐฯ เสนอซื้อหุ้นเหมืองแร่ออสเตรเลีย

การตัดสินใจของรัฐบาลสหรัฐฯ สะท้อนให้เห็นถึงความตระหนักถึงความสำคัญของแร่ธาตุหายากในโลกยุคปัจจุบัน ที่เทคโนโลยีและอุตสาหกรรมต่างๆ ล้วนต้องพึ่งพาแร่ธาตุเหล่านี้ การมีแหล่งจัดหาที่มั่นคงและหลากหลายจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติ

สถานการณ์ก่อนหน้านี้ที่จีนเคยใช้อำนาจผูกขาดในการควบคุมการส่งออกแร่หายากในช่วงสงครามการค้าโลก เป็นบทเรียนสำคัญที่ทำให้หลายประเทศตระหนักถึงความเสี่ยงจากการพึ่งพาแหล่งจัดหาเพียงแหล่งเดียว แม้ว่าจีนจะกลับมาส่งออกแร่หายากเพิ่มขึ้นเมื่อความตึงเครียดทางการค้าลดลง แต่ผู้ผลิตในยุโรปจำนวนมากก็ยังคงเผชิญปัญหาขาดแคลนและมีความเสี่ยงที่จะต้องหยุดการผลิต

การที่รัฐบาลสหรัฐฯ เสนอซื้อหุ้นเหมืองแร่ออสเตรเลีย จึงเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางด้านห่วงโซ่อุปทานและลดการพึ่งพาจีน ซึ่งเป็นเป้าหมายที่หลายประเทศทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ

การลงทุนในเหมืองแร่ในออสเตรเลีย จะช่วยให้สหรัฐฯ สามารถเข้าถึงแหล่งแร่ธาตุสำคัญได้โดยตรง และลดความเสี่ยงจากการถูกจำกัดการส่งออกจากจีน นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯ และออสเตรเลีย ซึ่งเป็นพันธมิตรที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

แม้ว่าการลงทุนในเหมืองแร่จะเป็นการลงทุนระยะยาวและมีความเสี่ยง แต่รัฐบาลสหรัฐฯ มองว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติในระยะยาว การมีห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่งและหลากหลายจะช่วยให้สหรัฐฯ สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน

ดังนั้น การที่รัฐบาลสหรัฐฯ เดินหน้าลงทุนในเหมืองแร่ออสเตรเลีย จึงไม่ใช่แค่เรื่องของการทำธุรกิจ แต่เป็นเรื่องของยุทธศาสตร์และความมั่นคงในระยะยาว ที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและภูมิรัฐศาสตร์ในอนาคต

ที่มา – รัฐบาลสหรัฐฯ เสนอซื้อหุ้นเหมืองแร่ออสเตรเลีย หนุนห่วงโซ่อุปทาน-ลดพึ่งพาจีน

เอสโตเนียเปิดโรงงานแม่เหล็กหายาก ป้อนตลาดยุโรป

เอสโตเนียเปิดโรงงานแม่เหล็กหายาก ป้อนอุตฯ รถยนต์ไฟฟ้า-พลังงานลมยุโรป

โรงงานผลิตแม่เหล็กแร่หายากสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและพลังงานลมของยุโรปเปิดทำการในวันศุกร์ (19 ก.ย.) ที่เมืองนาร์วา ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเอสโตเนีย การเปิดตัวโรงงานแห่งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับยุโรปในการพึ่งพาตนเองด้านวัตถุดิบที่สำคัญต่ออุตสาหกรรมพลังงานสะอาดและยานยนต์ไฟฟ้า

สื่อท้องถิ่นรายงานว่า โรงงานแห่งนี้สร้างโดยบริษัท Neo Performance Materials ของแคนาดา ออกแบบมาเพื่อผลิตแม่เหล็กบล็อกประมาณ 2,000 ตันต่อปี ซึ่งเพียงพอสำหรับรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่าหนึ่งล้านคัน หรือกังหันลมกลางทะเลมากกว่า 1,000 เครื่อง แม่เหล็กเหล่านี้จะถูกปรับแต่งให้ตรงตามข้อกำหนดของอุตสาหกรรมยานยนต์และพลังงานลมในยุโรป การผลิตเอสโตเนียเปิดโรงงานแม่เหล็กหายาก นี้ จะช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าแม่เหล็กจากต่างประเทศ และสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับภูมิภาค

ราฮิม สุเลมาน ซีอีโอของ Neo ระบุว่า โรงงานแห่งนี้สร้างเสร็จภายในเวลาอันรวดเร็ว และได้ลงนามสัญญากับผู้ผลิตรถยนต์ยุโรปหลายรายแล้ว ความสำเร็จในการสร้างโรงงานอย่างรวดเร็วนี้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพและความมุ่งมั่นในการพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดในยุโรป

คริสเทน มิคัล นายกรัฐมนตรีเอสโตเนียกล่าวว่า นี่คือโรงงานผลิตแม่เหล็กที่มีต้นทุนคุ้มค่าที่สุดเท่าที่เคยสร้างขึ้นในโลกตะวันตก การที่เอสโตเนียเปิดโรงงานแม่เหล็กหายาก ซึ่งมีต้นทุนที่สามารถแข่งขันได้ จะช่วยส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมสีเขียวในยุโรป และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ๆ ให้กับประเทศ

เอสโตเนียเปิดโรงงานแม่เหล็กหายาก

การลงทุนในโรงงานผลิตแม่เหล็กแห่งนี้สอดคล้องกับเป้าหมายของสหภาพยุโรป (EU) ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น แม่เหล็กแร่หายากเป็นส่วนประกอบสำคัญในมอเตอร์ไฟฟ้าและกังหันลม ซึ่งเป็นเทคโนโลยีหลักในการผลิตพลังงานสะอาดและการขนส่งที่ยั่งยืน

นอกจากนี้ การมีโรงงานผลิตแม่เหล็กในยุโรปเองจะช่วยลดความเสี่ยงด้านห่วงโซ่อุปทานที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ ซึ่งอาจมีความผันผวนด้านราคาและปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์ การที่เอสโตเนียเปิดโรงงานแม่เหล็กหายาก จึงถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางพลังงานและเศรษฐกิจให้กับยุโรป

การเปิดโรงงานแห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าและพลังงานลมเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ต้องการแม่เหล็กแร่หายาก เช่น อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และการแพทย์

ด้วยความต้องการแม่เหล็กแร่หายากที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การมีโรงงานผลิตในยุโรปเองจะช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถเข้าถึงวัตถุดิบที่สำคัญนี้ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเติบโตและนวัตกรรมในอุตสาหกรรมต่างๆ

การเปิดโรงงานเอสโตเนียเปิดโรงงานแม่เหล็กหายาก ถือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับอนาคตของอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดและยานยนต์ไฟฟ้าในยุโรป การลงทุนในเทคโนโลยีและวัตถุดิบที่สำคัญเหล่านี้จะช่วยให้ยุโรปสามารถบรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศและสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืนมากขึ้น

การผลิตแม่เหล็กหายากในยุโรปเองจะส่งผลดีต่อการจ้างงานและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ๆ ให้กับประชาชนในภูมิภาค การที่เอสโตเนียเป็นผู้นำในการลงทุนในอุตสาหกรรมนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน

การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์นี้จะส่งผลให้ยุโรปมีความสามารถในการแข่งขันในระดับโลกมากขึ้นในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดและยานยนต์ไฟฟ้า และจะเป็นแรงบันดาลใจให้ประเทศอื่นๆ ลงทุนในเทคโนโลยีและวัตถุดิบที่สำคัญต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ที่มา – เอสโตเนียเปิดโรงงานแม่เหล็กหายาก ป้อนอุตฯ รถยนต์ไฟฟ้า-พลังงานลมยุโรป

ซูซูกิเตรียมขาย รถยนต์ไฟฟ้า BEV รุ่นแรก ม.ค.ปีหน้า

ซูซูกิ มอเตอร์ เตรียมเปิดตัว รถยนต์ไฟฟ้า BEV รุ่นแรกของซูซูกิ ในตลาดญี่ปุ่นช่วงต้นปีหน้า ข่าวนี้สร้างความฮือฮาให้กับวงการยานยนต์เป็นอย่างมาก เพราะเป็นการก้าวเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัวของแบรนด์ดังจากแดนปลาดิบ

Suzuki “e Vitara” SUV ซึ่งเป็น รถยนต์ไฟฟ้า BEV รุ่นแรกของซูซูกิ จะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นวันที่ 16 มกราคม 2569 ด้วยราคาเริ่มต้น 3.99 ล้านเยน หรือประมาณ 27,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ จุดเด่นที่น่าสนใจคือสามารถวิ่งได้ไกลกว่า 430 กิโลเมตรต่อการชาร์จเพียงหนึ่งครั้ง ทำให้ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว

โทชิฮิโระ ซูซูกิ ประธานบริษัท ได้แถลงข่าวถึงความมุ่งมั่นในการแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยระบุว่า “เราจะเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่มีการแข่งขันอย่างดุเดือดด้วย e Vitara และหวังว่าจะสามารถเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตลาดแต่ละแห่งได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยการทำความเข้าใจว่าลูกค้าของเรามีพฤติกรรมการใช้รถยนต์อย่างไร”

ประธานซูซูกิยังกล่าวอีกว่า “รถยนต์ไฟฟ้าอาจกลายเป็นมาตรฐานในอนาคต เราจึงต้องการเสริมสร้างขีดความสามารถที่แท้จริงของเราตั้งแต่เนิ่น ๆ” แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและการเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า Suzuki e Vitara ได้เปิดตัวครั้งแรกในประเทศอิตาลีเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 และมีการเปิดให้จองแล้วในตลาดยุโรป ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคที่ให้ความสนใจในรถยนต์ไฟฟ้า

เมื่อเดือนที่แล้ว ซูซูกิได้จัดพิธีฉลองเริ่มต้นการส่งออก Suzuki e Vitara ที่รัฐคุชราต ประเทศอินเดีย โดยมีประธานบริษัทซูซูกิและนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย เข้าร่วมงานด้วย สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของอินเดียในฐานะฐานการผลิตและส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าของซูซูกิ

Suzuki e Vitara จะถูกส่งออกจากโรงงานในอินเดียไปยังกว่า 100 ประเทศทั่วโลก และคาดว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ส่งออกมากที่สุดของอินเดีย อย่างไรก็ตาม ซูซูกิไม่ได้เปิดเผยเป้าหมายยอดขายทั้งในประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศ

ทั้งนี้ ซูซูกิประกาศเมื่อต้นปีนี้ว่า บริษัทมีแผนลงทุน 4 ล้านล้านเยนในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าไปจนถึงปีงบการเงิน 2573 แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างจริงจังในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง

รถยนต์ไฟฟ้า BEV รุ่นแรกของซูซูกิ

การเปิดตัว รถยนต์ไฟฟ้า BEV รุ่นแรกของซูซูกิ อย่าง e Vitara ถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัทในการเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่มีการแข่งขันสูง นอกเหนือจากสมรรถนะและระยะทางที่ทำได้แล้ว ดีไซน์และเทคโนโลยีภายในก็เป็นสิ่งที่น่าจับตามองว่าจะสามารถดึงดูดผู้บริโภคได้มากน้อยแค่ไหน

ทำไมต้องรถยนต์ไฟฟ้า BEV รุ่นแรกของซูซูกิ?

หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมต้องเป็น รถยนต์ไฟฟ้า BEV รุ่นแรกของซูซูกิ และทำไมต้องเป็นตอนนี้ เหตุผลหลักๆ คือ กระแสความนิยมรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก รวมถึงนโยบายสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าของหลายประเทศ ทำให้ซูซูกิต้องปรับตัวและพัฒนา รถยนต์ไฟฟ้า BEV รุ่นแรกของซูซูกิ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาด

  • เทคโนโลยีล้ำสมัย: รถยนต์ไฟฟ้า BEV มาพร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากมาย
  • เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม
  • ประหยัดค่าใช้จ่าย: ลดค่าเชื้อเพลิงในระยะยาว

ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยก็มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้บริโภคจำนวนมากขึ้นที่ให้ความสนใจและเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นรถยนต์คันใหม่ การมาของ รถยนต์ไฟฟ้า BEV รุ่นแรกของซูซูกิ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่กำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้าที่มีคุณภาพและราคาเหมาะสม

การตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้า BEV สักคันไม่ใช่เรื่องง่าย ผู้บริโภคควรศึกษาข้อมูลและเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของแต่ละรุ่นอย่างละเอียด เพื่อให้ได้รถยนต์ที่ตอบโจทย์การใช้งานและงบประมาณของตนเองมากที่สุด และอย่าลืมพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ เช่น สถานีชาร์จไฟฟ้า ความพร้อมของศูนย์บริการ และการรับประกันแบตเตอรี่ด้วย

ที่มา – รถยนต์ไฟฟ้า BEV รุ่นแรกของซูซูกิ เตรียมจำหน่ายในญี่ปุ่น ม.ค.ปีหน้า

หุ้นเทสลาพุ่ง! อีลอน มัสก์ทุ่มซื้อคืน

ตลาดหุ้นคึกคัก! หุ้น เทสลา (Tesla) ทะยานขึ้นกว่า 7% หลังจากมีข่าวว่า อีลอน มัสก์ ทุ่มเงินกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐซื้อหุ้นคืน สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนอย่างมาก มาดูกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับ หุ้นเทสลา และการซื้อหุ้นคืนครั้งนี้มีความสำคัญอย่างไร

หุ้น “เทสลา” พุ่งกว่า 7% หลัง “อีลอน มัสก์” ทุ่ม 1 พันล้านดอลล์ซื้อหุ้นคืน

เมื่อวันที่ [วันที่ปัจจุบัน] ราคา หุ้นเทสลา ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดหุ้นวอลล์สตรีท โดยทะยานขึ้นกว่า 7% แรงหนุนสำคัญมาจากการที่ อีลอน มัสก์ ซีอีโอของ Tesla ตัดสินใจเข้าซื้อหุ้นของบริษัทจำนวนมาก ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าเป็นการแสดงความมั่นใจอย่างแรงกล้าของผู้บริหารที่มีต่ออนาคตของบริษัท

ณ เวลา [เวลาปัจจุบัน] ราคาหุ้นเทสลาเพิ่มขึ้น 7.11% ไปอยู่ที่ 424.10 ดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 25% ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง

การเคลื่อนไหวของอีลอน มัสก์ในครั้งนี้คือการซื้อหุ้นเทสลาจำนวน 2.57 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นการซื้อหุ้นครั้งใหญ่ที่สุดของมัสก์นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งในครั้งนั้นเขาได้ซื้อหุ้นประมาณ 200,000 หุ้น มูลค่าประมาณ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ทำไมการซื้อหุ้นคืนครั้งนี้ถึงสำคัญ?

ก่อนหน้านี้ ราคาหุ้นของเทสลาเผชิญกับแรงกดดันจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นยอดขายที่ชะลอตัวลง ผลกระทบจากบทบาททางการเมืองของมัสก์ รวมถึงการยกเลิกสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ การที่มัสก์ตัดสินใจซื้อหุ้นคืนจำนวนมากจึงเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกต่อตลาด ว่าเขายังคงเชื่อมั่นในศักยภาพของบริษัท

นักลงทุนหลายรายมองว่าการตัดสินใจของมัสก์เป็นการแสดงให้เห็นว่าเขามองเห็นมูลค่าที่แท้จริงของ หุ้นเทสลา และเชื่อมั่นว่าบริษัทจะสามารถเอาชนะความท้าทายต่างๆ และเติบโตต่อไปได้ในอนาคต นอกจากนี้ การซื้อหุ้นคืนยังช่วยลดจำนวนหุ้นที่หมุนเวียนอยู่ในตลาด ส่งผลให้กำไรต่อหุ้น (EPS) เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อผู้ถือหุ้น

นอกจากนี้ การซื้อหุ้นคืนจำนวนมากของอีลอน มัสก์ ยังแสดงให้เห็นว่าเขามีความมุ่งมั่นที่จะผลักดัน หุ้นเทสลา ให้กลับมาอยู่ในทิศทางที่ถูกต้อง และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนที่อาจจะลังเลใจกับการลงทุนในบริษัทในช่วงที่ผ่านมา การเคลื่อนไหวครั้งนี้จึงเป็นการประกาศว่าเทสลายังคงเป็นบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโต และพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความท้าทายต่างๆ ในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า

การที่ หุ้นเทสลา พุ่งขึ้นกว่า 7% หลังจากการซื้อหุ้นคืนของอีลอน มัสก์ เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่านักลงทุนยังคงให้ความเชื่อมั่นในบริษัทและผู้นำของพวกเขา อย่างไรก็ตาม การลงทุนในตลาดหุ้นมีความเสี่ยงเสมอ นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน และพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น

ที่มา – หุ้น “เทสลา” พุ่งกว่า 7% หลัง “อีลอน มัสก์” ทุ่ม 1 พันล้านดอลล์ซื้อหุ้นคืน

Xpeng เปิดตัวสถานีชาร์จ EV ด่วนพิเศษในอิสราเอล

เอ็กซ์เผิง มอเตอร์ (Xpeng Motors) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน เปิดตัวเครือข่ายสถานีชาร์จไฟรถ EV แบบด่วนพิเศษ (ultra-fast) ทั่วอิสราเอลเมื่อวันอาทิตย์ (14 ก.ย.) การขยายเครือข่ายสถานีชาร์จนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการสนับสนุนการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค และแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Xpeng ในการพัฒนาระบบนิเวศของรถยนต์ไฟฟ้า

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เครือข่ายสถานีชาร์จไฟรถ EV แบบด่วนพิเศษดังกล่าวได้รับการประกาศที่เมืองรีช็อนเล็ตซีย็อน ทางตอนกลางของอิสราเอล ด้วยความร่วมมือกับฟรีสบี (Freesbe) ผู้นำเข้าอย่างเป็นทางการของเอ็กซ์เผิงในอิสราเอล โดยมีเหอ เสี่ยวเผิง ประธานเอ็กซ์เผิง และเอลี โคเฮน รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของอิสราเอลเข้าร่วมในพิธีครั้งนี้

สถานีชาร์จไฟฟ้าของเอ็กซ์เผิงซึ่งติดตั้งตัวชาร์จกำลังสูงที่ผลิตโดยบริษัทสตาร์ชาร์จ (Star Charge) ผู้ผลิตโครงสร้างพื้นฐานด้านการชาร์จพลังงานชั้นนำของจีนนั้น ใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะสำหรับการจัดการพลังงานแบบไดนามิก ช่วยจัดการความต้องการของรถยนต์ให้สอดคล้องกับศักยภาพการชาร์จพลังงานได้อย่างแม่นยำ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถชาร์จไฟได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

เครือข่ายดังกล่าวจะสามารถเข้าถึงได้กับรถยนต์ไฟฟ้าทุกแบรนด์และจะชาร์จไฟจาก 10% ถึง 80% ได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่ถึง 20 นาที ทำให้การเดินทางด้วยรถยนต์ไฟฟ้าสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ลดความกังวลเรื่องระยะทาง และส่งเสริมให้ผู้บริโภคหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น

ปัจจุบัน เอ็กซ์เผิงจำหน่ายรถยนต์ SUV ครอสโอเวอร์ขนาดกลางรุ่น G6 และ G9 และรถยนต์ซีดานหรูรุ่น P7 ในอิสราเอล โดยตั้งแต่ช่วงเดือนม.ค.-ส.ค.ปีนี้ เอ็กซ์เผิงครองอันดับ 2 ด้านยอดขายรถยนต์ EV อิสราเอลที่จำนวน 5,076 คัน ตามหลังบีวายดี ออโต (BYD Auto) ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีน ซึ่งมียอดขาย 5,912 คันในช่วงเวลาเดียวกัน แสดงให้เห็นถึงความนิยมของรถยนต์ Xpeng ในตลาดอิสราเอล

Xpeng เปิดตัวเครือข่ายสถานีชาร์จไฟรถ EV แบบด่วนพิเศษในอิสราเอล

การเปิดตัวเครือข่ายสถานีชาร์จไฟรถ EV แบบด่วนพิเศษในอิสราเอลนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Xpeng ในการขยายตลาดรถยนต์ไฟฟ้า และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก การที่ Xpeng เลือกอิสราเอลเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคนี้ และความพร้อมของผู้บริโภคในการยอมรับเทคโนโลยีใหม่ๆ

ทำไม Xpeng ถึงเลือกเปิดตัวสถานีชาร์จไฟรถ EV แบบด่วนพิเศษในอิสราเอล?

เหตุผลที่ Xpeng เลือกอิสราเอลอาจมาจากหลายปัจจัย เช่น:

  • ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในอิสราเอลกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
  • รัฐบาลอิสราเอลมีนโยบายสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้า
  • ผู้บริโภคชาวอิสราเอลมีความสนใจในเทคโนโลยีใหม่ๆ
  • Xpeng มีพันธมิตรที่แข็งแกร่งในอิสราเอล (Freesbe)

การมีสถานีชาร์จที่รวดเร็วและครอบคลุมจะช่วยลดข้อจำกัดในการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้ผู้คนมั่นใจที่จะเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น

การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานอย่างสถานีชาร์จ ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันให้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นที่นิยมมากขึ้น และ Xpeng กำลังเดินหน้าในทิศทางที่ถูกต้อง

โดยรวมแล้ว การเปิดตัวเครือข่ายสถานีชาร์จไฟรถ EV แบบด่วนพิเศษของ Xpeng ในอิสราเอล ถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้บริโภคและอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง จะช่วยส่งเสริมให้การใช้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นไปอย่างราบรื่นและยั่งยืน

ที่มา – Xpeng เปิดตัวเครือข่ายสถานีชาร์จไฟรถ EV แบบด่วนพิเศษในอิสราเอล

ฮ่องกงดันฐานผลิต EV เจรจาจีน สู้เศรษฐกิจซบ

ฮ่องกงผลักดันฐานประกอบ EV เจรจาค่ายใหญ่จีน รับมือเศรษฐกิจซบ เป็นข่าวใหญ่ที่สะท้อนความพยายามของฮ่องกงในการปรับตัวและแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น

ฮ่องกงผลักดันฐานประกอบ EV เจรจาค่ายใหญ่จีน รับมือเศรษฐกิจซบ จริงหรือ?

ฮ่องกงกำลังเจรจากับผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหลายรายของจีนเพื่อจัดตั้งฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยมีเป้าหมายใช้อุตสาหกรรมขั้นสูงนี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังซบเซา การเคลื่อนไหวนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของฮ่องกงในการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและการลงทุนในอนาคต

เจ้าหน้าที่ฮ่องกงตั้งเป้าพัฒนาฐานประกอบ EV ในเขตดินแดนใหม่ที่ติดกับจีนแผ่นดินใหญ่ โดยกระบวนการนี้ถือว่าซับซ้อนและต้องใช้ทักษะขั้นสูง การเจรจาครอบคลุมไปถึงกลุ่มเอฟเอดับเบิลยู (FAW Group) ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของรัฐบาลจีน ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความร่วมมือที่ใกล้ชิดระหว่างฮ่องกงและจีนแผ่นดินใหญ่ในอุตสาหกรรม EV

แม้ฮ่องกงพยายามโปรโมตตัวเองเป็นศูนย์กลางการผลิตขั้นสูงเพื่อดึงดูดการลงทุนและสร้างงาน แต่ต้นทุนค่าแรงและค่าเช่าที่ดินสูงยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลฮ่องกงกำลังดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อลดอุปสรรคเหล่านี้และสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุน

ขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าของจีนกำลังเผชิญปัญหากำลังการผลิตส่วนเกิน โรงงานหลายแห่งผลิตได้เพียงครึ่งหนึ่งของกำลังการผลิตที่วางแผนไว้ และต้องเจอกับสงครามราคาที่รุนแรงจนรัฐบาลจีนต้องเข้ามาแทรกแซง สถานการณ์นี้อาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของบริษัทจีนในการลงทุนในฮ่องกง

ผู้ประกอบการในห่วงโซ่อุปทานรถยนต์ไฟฟ้าของจีน ตั้งแต่ผู้ผลิตแบตเตอรี่จนถึงผู้ผลิตชิ้นส่วนต่างเข้ามาตั้งฐานในฮ่องกงเพื่อใช้ประโยชน์จากระบบการเงินสำหรับการขยายสู่ตลาดโลก คอนเทมโพรารี แอมเพอเร็กซ์ เทคโนโลยี (Contemporary Amperex Technology) ผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่ที่สุดในโลก ได้เปิดสำนักงานใหญ่ระดับนานาชาติที่ฮ่องกง และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงเมื่อเดือนพ.ค. ด้วยมูลค่าการระดมทุนสูงที่สุดของปีนี้

นอกจากนี้ ยังมีบริษัทด้านการขับเคลื่อนอัตโนมัติ เช่น แบล็ก เซซามี เทคโนโลยีส์ (Black Sesame Technologies) และปักกิ่ง ฮอไรซัน โรโบติกส์ เทคโนโลยี อาร์แอนด์ดี (Beijing Horizon Robotics Technology R&D) ที่ลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์สร้างฐานธุรกิจในฮ่องกง

ฮ่องกงหันมาพึ่งพาอุตสาหกรรมใหม่เพื่อกระตุ้นการเติบโต หลังเผชิญความท้าทายทางเศรษฐกิจจากการปราบปรามทางการเมือง การล็อกดาวน์โควิด และภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ตกต่ำ ซึ่งทำให้สถานะเมืองในฐานะศูนย์กลางการเงินระดับโลกลดลง รัฐบาลต้องใช้มาตรการรุนแรง เช่น การปรับลดตำแหน่งข้าราชการหลายพันตำแหน่ง และการขึ้นภาษี เพื่อพยุงฐานะการคลังและลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนด้านการค้าโลก

สำนักงานนวัตกรรม เทคโนโลยี และอุตสาหกรรมของฮ่องกงระบุว่า ฮ่องกงกำลังส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงกลยุทธ์ รวมถึงการผลิตขั้นสูง ตามแผนแม่บทนวัตกรรมและเทคโนโลยี (I&T) ปี 2565

ฮ่องกงผลักดันฐานประกอบ EV เจรจาค่ายใหญ่จีน รับมือเศรษฐกิจซบ

การที่ฮ่องกง ฮ่องกงผลักดันฐานประกอบ EV เจรจาค่ายใหญ่จีน รับมือเศรษฐกิจซบ เป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสร้างความหลากหลายทางอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของการผลักดันนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ รวมถึงความสามารถในการดึงดูดการลงทุน การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเติบโตของธุรกิจ และการแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆ เช่น ต้นทุนที่สูง

โดยสรุปแล้ว การที่ฮ่องกงพยายามที่จะเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าถือเป็นความพยายามที่น่าชื่นชม และอาจเป็นกุญแจสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของเมืองในอนาคต หากฮ่องกงสามารถเอาชนะความท้าทายต่างๆ และสร้างความร่วมมือที่แข็งแกร่งกับจีนแผ่นดินใหญ่ได้ ก็มีโอกาสสูงที่ ฮ่องกงผลักดันฐานประกอบ EV เจรจาค่ายใหญ่จีน รับมือเศรษฐกิจซบ จะประสบความสำเร็จ

ที่มา – ฮ่องกงผลักดันฐานประกอบ EV เจรจาค่ายใหญ่จีน รับมือเศรษฐกิจซบ

ยอดขายรถ EV ในเกาหลีใต้โต! ม.ค.-ส.ค.

ตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในเกาหลีใต้กำลังเติบโตอย่างน่าจับตามอง! ข้อมูลล่าสุดจากสมาคมยานยนต์และการขนส่งแห่งเกาหลี (KAMA) เผยให้เห็นถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ในแดนกิมจิ

ยอดขายรถ EV ในเกาหลีใต้โตแกร่ง พุ่งเกือบ 50% เดือนม.ค.-ส.ค.

ในช่วงเดือนมกราคมถึงสิงหาคมของปีนี้ ยอดขายรถ EV ในเกาหลีใต้โตแกร่ง อย่างเห็นได้ชัด โดยมียอดขายรวมสูงถึง 142,456 คัน คิดเป็นการเติบโตเกือบ 50% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งมียอดขายอยู่ที่ 95,988 คัน ตัวเลขนี้แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของผู้บริโภคที่หันมาให้ความสนใจกับรถยนต์พลังงานสะอาดมากขึ้น

ไม่เพียงเท่านั้น รถยนต์ไฟฟ้ายังคิดเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นของการจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ทั้งหมดในเกาหลีใต้ โดยในช่วงเวลาดังกล่าว รถยนต์ไฟฟ้าคิดเป็นสัดส่วนถึง 12.7% เพิ่มขึ้น 3.8 จุดเปอร์เซ็นต์จากปีที่แล้ว นี่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่ารถยนต์ไฟฟ้ากำลังกลายเป็นส่วนหนึ่งของตลาดรถยนต์หลักในเกาหลีใต้

อะไรคือปัจจัยที่อยู่เบื้องหลังการเติบโตอย่างรวดเร็วนี้? สมาคมฯ ระบุว่าส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ ที่น่าสนใจ เช่น Model Y ของ Tesla ที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนพฤษภาคม นอกจากนี้ ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเกาหลีเองอย่าง Hyundai และ Kia ก็ได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัดหลายรุ่น ซึ่งช่วยเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคและกระตุ้นยอดขาย

รถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศครองส่วนแบ่งตลาด

เมื่อลงลึกในรายละเอียด จะพบว่าในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ ยอดขายรถ EV ในเกาหลีใต้โตแกร่ง ทั้งรถยนต์ที่ผลิตในประเทศและนำเข้า โดยยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศเพิ่มขึ้น 48.2% สู่ระดับ 86,777 คัน ครองส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 60.9% แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของผู้ผลิตในประเทศและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อแบรนด์ท้องถิ่น

ขณะเดียวกัน ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้านำเข้าก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน โดยเพิ่มขึ้น 48.6% แตะที่ 55,679 คัน ที่น่าสนใจคือรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศจีน (รวมถึง Model Y ของ Tesla ที่ผลิตในจีน) คิดเป็นสัดส่วนถึง 69.4% ของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้านำเข้าทั้งหมดในช่วงเวลาดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทที่สำคัญของจีนในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าโลก

จากข้อมูลทั้งหมดนี้ เราสามารถสรุปได้ว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในเกาหลีใต้กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นอย่างแท้จริง ด้วยปัจจัยสนับสนุนทั้งจากรถยนต์รุ่นใหม่ที่น่าสนใจ นโยบายส่งเสริมจากภาครัฐ และความตระหนักที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ทำให้ ยอดขายรถ EV ในเกาหลีใต้โตแกร่ง อย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อไปในอนาคต นับเป็นโอกาสที่น่าสนใจสำหรับผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมนี้

การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของตลาดรถยนต์ EV ในเกาหลีใต้เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้ากำลังมาแรงและเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก ผู้ประกอบการไทยควรจับตาดูแนวโน้มนี้อย่างใกล้ชิดและเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสในการเติบโตในตลาดรถยนต์แห่งอนาคต

ที่มา – ยอดขายรถ EV ในเกาหลีใต้โตแกร่ง พุ่งเกือบ 50% เดือนม.ค.-ส.ค.

โปรตอน เปิดตัวโรงงานผลิต EV แห่งแรกของมาเลเซีย

โปรตอน (Proton) บริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติมาเลเซีย ได้ประกาศข่าวใหญ่ นั่นคือการเปิดตัว โรงงานผลิต EV แห่งแรกของมาเลเซีย ในรัฐเปรัก ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ

นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย อันวาร์ อิบราฮิม ได้เข้าร่วมพิธีเปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยกล่าวว่าความร่วมมือระหว่างมาเลเซียและจีนผ่านโปรตอนและจีลี่ (Geely) เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ของมาเลเซีย

อันวาร์กล่าวเพิ่มเติมว่า “ความสำเร็จนี้เป็นผลมาจากการที่พวกเขา (จีลี่) ไม่เพียงแต่แสวงหาผลประโยชน์จากความร่วมมือในอุตสาหกรรมนี้เท่านั้น แต่ยังเต็มใจที่จะถ่ายทอดเทคโนโลยีและมอบโอกาสให้คนในท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วม”

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า อันวาร์ให้ความสำคัญกับการที่จีนเต็มใจถ่ายทอดเทคโนโลยีและฝึกอบรมวิศวกรชาวมาเลเซีย ซึ่งเป็นสิ่งที่เหนือกว่าการลงทุนทั่วไป และจะช่วยให้ชาวมาเลเซียมีความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยียานยนต์แห่งอนาคต เขายังกล่าวอีกว่าการพัฒนาโรงงานผลิต EV แห่งแรกของมาเลเซีย โดยโปรตอนนั้น สอดคล้องกับนโยบายหลักของประเทศที่เน้นการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง

“การเปิดตัวโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแห่งนี้ สนับสนุนนโยบายสำคัญหลายประการของเรา ไม่ว่าจะเป็นนโยบายด้านสภาพภูมิอากาศ การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน แผนงานและแผนแม่บททางอุตสาหกรรม รวมถึงนโยบายยานยนต์แห่งชาติ” อันวาร์กล่าว

โปรตอนกับการเปิดตัวโรงงานผลิต EV แห่งแรกของมาเลเซีย

การลงทุนในโรงงานผลิต EV แห่งแรกของมาเลเซียนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการลงทุนในด้านการผลิตรถยนต์เท่านั้น แต่ยังเป็นการลงทุนในอนาคตของประเทศมาเลเซียอีกด้วย การที่โปรตอน ร่วมมือกับจีลี่ ทำให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีและความรู้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อบุคลากรชาวมาเลเซีย

ความสำคัญของโรงงานผลิต EV แห่งแรกของมาเลเซีย

การมีโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ จะช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศ และสร้างงานให้กับคนในท้องถิ่น นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและช่วยลดมลพิษทางอากาศ

การตัดสินใจของโปรตอนในการลงทุนสร้างโรงงานแห่งนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ของมาเลเซียให้ก้าวทันโลก และเป็นการเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับโลก

นอกจากนี้ การที่มาเลเซียมีโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ยังเป็นการดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ของมาเลเซียมากขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ

การเปิดตัวโรงงานผลิต EV แห่งแรกของมาเลเซีย โดยโปรตอน ถือเป็นข่าวดีสำหรับชาวมาเลเซียทุกคน และเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ

ถึงเเม้ว่านี่จะเป็นการเริ่มต้นที่ดี เเต่ก็มีอีกหลายสิ่งที่มาเลเซียต้องทำเพื่อที่จะเเข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าโลกได้ เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า การให้แรงจูงใจแก่ผู้บริโภคในการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า และการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า

ที่มา – “โปรตอน” เปิดตัวโรงงานผลิต EV แห่งแรกของมาเลเซีย

Xiaomi บุกตลาดยุโรป ท้าชน Tesla-BYD

Xiaomi ประกาศบุกตลาด EV ยุโรป ท้าชน Tesla-BYD หลังจากที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามในตลาดจีน ด้วยรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น YU7 ที่ได้รับกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยม ทำให้บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำจากจีนรายนี้ตัดสินใจขยายตลาดไปยังยุโรปภายในปี 2570

การประกาศครั้งนี้ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า Xiaomi พร้อมแล้วที่จะเข้าสู่สนามแข่งขันระดับโลก และท้าทายความเป็นผู้นำของ Tesla และ BYD ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

Xiaomi ประกาศบุกตลาด EV ยุโรป ท้าชน Tesla-BYD

วิลเลียม หลู่ ประธานของ Xiaomi ได้เปิดเผยแผนการขยายตลาดสู่ยุโรป หลังจากที่บริษัทรายงานผลประกอบการที่น่าประทับใจในไตรมาส 2/2568 โดยมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 30.5% คิดเป็น 1.16 แสนล้านหยวน (ประมาณ 1.616 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.147 แสนล้านหยวน ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตนี้คือยอดสั่งซื้อรถยนต์ไฟฟ้า SUV รุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง YU7 ที่แข็งแกร่ง ซึ่งช่วยชดเชยยอดขายสมาร์ทโฟนที่ชะลอตัวลง

ก่อนหน้านี้ Xiaomi ได้แสดงความตั้งใจที่จะขยายธุรกิจไปทั่วโลก แต่ยังไม่ได้ระบุตลาดเป้าหมายที่ชัดเจน การเลือกยุโรปเป็นตลาดแรกในการบุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะเข้าถึงตลาดที่มีกำลังซื้อสูงและสามารถจำหน่ายรถยนต์ได้ในราคาที่สูงกว่า อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนจะต้องเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญคือเรื่องของภาษี

อุปสรรคด้านภาษีที่ต้องเจอในการบุกตลาด EV ยุโรป

หาก Xiaomi ตัดสินใจส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าไปยังยุโรป จะต้องเสียภาษีศุลกากรสูงถึง 48% ซึ่งประกอบด้วยภาษีนำเข้าพื้นฐาน 10% และภาษีตอบโต้การอุดหนุน (countervailing levies) เพิ่มเติมประมาณ 35% – 38% มาตรการภาษีเหล่านี้ถูกกำหนดโดยสหภาพยุโรป (EU) เพื่อตอบโต้การอุดหนุนจากภาครัฐ ซึ่ง EU มองว่าเป็นมาตรการที่ไม่เป็นธรรมและบิดเบือนการแข่งขันในตลาด

ในขณะเดียวกัน การส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาก็เป็นเรื่องยากเช่นกัน เนื่องจากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนจะต้องเผชิญกับภาษีศุลกากรในอัตราที่สูงถึง 100% ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะแข่งขันในตลาดนี้

แม้จะมีอุปสรรคด้านภาษี แต่ความต้องการรถยนต์ SUV รุ่น YU7 ที่เปิดตัวไปเมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทำให้ Xiaomi คาดหวังว่าจะสร้างรายได้เพิ่มขึ้น 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่มีการแข่งขันสูง โดยบริษัทตั้งเป้าที่จะก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในห้าผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของโลกภายใน 15-20 ปีข้างหน้า Xiaomi จะต้องวางกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดเพื่อเอาชนะอุปสรรคต่างๆ และสร้างความแตกต่างในตลาดที่มีผู้เล่นมากมาย

การตัดสินใจของ Xiaomi ประกาศบุกตลาด EV ยุโรป ท้าชน Tesla-BYD แสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานและความมั่นใจในผลิตภัณฑ์ของตนเอง การแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้ากำลังร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ และน่าติดตามว่า Xiaomi จะสามารถสร้างผลกระทบต่อตลาดนี้ได้มากน้อยเพียงใด

การที่ Xiaomi ประกาศบุกตลาด EV ยุโรป ท้าชน Tesla-BYD นี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจระดับโลกของ Xiaomi ที่ไม่ใช่แค่สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ แต่รวมถึงยานยนต์ไฟฟ้าด้วย การบุกตลาดยุโรปครั้งนี้จะสำเร็จหรือไม่ ต้องติดตามกันต่อไป แต่ที่แน่ๆ ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจะต้องสั่นสะเทือนอย่างแน่นอน

ที่มา – Xiaomi ประกาศบุกตลาด EV ยุโรป ท้าชน Tesla-BYD หลังกระแสตอบรับ YU7 ร้อนแรง

เทสลาหั่นค่าเช่าใน UK เกือบครึ่ง จริงหรือ?

เทสลา (Tesla) ถูกบีบให้ต้องหั่นค่าเช่ารถยนต์ไฟฟ้ารายเดือนในสหราชอาณาจักร (UK) ลงเกือบครึ่งหนึ่ง

ข่าวล่าสุดรายงานว่า เทสลา (Tesla) กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในตลาดสหราชอาณาจักร ทำให้ต้องตัดสินใจครั้งสำคัญในการปรับลดค่าเช่ารถยนต์ไฟฟ้าลงเกือบครึ่งหนึ่ง นี่เป็นผลมาจากยอดขายที่ลดลงอย่างน่าตกใจในเดือนกรกฎาคม ซึ่งลดลงถึง 60% ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เดอะ ไทมส์ (The Times) สถานการณ์นี้ทำให้เทสลาต้องเสนอส่วนลดพิเศษให้กับบริษัทลีสซิ่งสูงถึง 40% เพื่อพยายามระบายรถยนต์ที่ค้างสต๊อกจำนวนมาก

ข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตและผู้จำหน่ายยานยนต์ (SMMT) ยืนยันถึงความรุนแรงของสถานการณ์ โดยระบุว่าในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เทสลาสามารถขายรถยนต์ในสหราชอาณาจักรได้เพียง 987 คันเท่านั้น ตัวเลขนี้เน้นย้ำถึงความยากลำบากที่เทสลากำลังเผชิญอยู่ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง

สาเหตุของการลดราคาครั้งใหญ่นี้ไม่ได้มาจากยอดขายที่ตกต่ำเพียงอย่างเดียว เดอะ ไทมส์ ยังชี้ให้เห็นถึงปัญหาการขาดแคลนพื้นที่สำหรับจัดเก็บรถยนต์ที่ยังขายไม่ออกในสหราชอาณาจักร นี่เป็นความท้าทายเพิ่มเติมที่ทำให้เทสลาต้องเร่งระบายรถยนต์ออกจากสต๊อกโดยเร็วที่สุด

สถานการณ์ที่เทสลากำลังเผชิญนี้เกิดขึ้นในขณะที่ตลาดรถยนต์ใหม่โดยรวมในสหราชอาณาจักรก็กำลังอยู่ในช่วงขาลงเช่นกัน ในเดือนกรกฎาคม ตลาดรถยนต์ใหม่หดตัวลงประมาณ 5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม SMMT ยังคงมองโลกในแง่ดีและคาดการณ์ว่ายอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) ในปี 2568 จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องและครองสัดส่วนตลาดที่ 23.8%

ทำไมเทสลาต้องหั่นค่าเช่าใน UK เกือบครึ่ง

คำถามที่หลายคนสงสัยคือ ทำไมเทสลาถึงต้องตัดสินใจ **หั่นค่าเช่าใน UK เกือบครึ่ง**? คำตอบนั้นซับซ้อนและเชื่อมโยงกับปัจจัยหลายประการ ประการแรก คือการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว มีผู้เล่นรายใหม่ๆ เข้ามาในตลาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้เทสลาต้องเผชิญกับแรงกดดันมากขึ้นในการรักษาส่วนแบ่งการตลาดของตน

ประการที่สอง คือสภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนในสหราชอาณาจักร ภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นและอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค ทำให้ผู้คนลังเลที่จะซื้อรถยนต์ใหม่ โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาสูง

ประการที่สาม คือปัญหาด้านโลจิสติกส์และการขนส่ง การขาดแคลนชิปและส่วนประกอบอื่นๆ ยังคงเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการผลิตและการส่งมอบรถยนต์ ทำให้เทสลาไม่สามารถส่งมอบรถยนต์ให้กับลูกค้าได้ตามกำหนดเวลา

การที่เทสลา **หั่นค่าเช่าใน UK เกือบครึ่ง** แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการรักษาส่วนแบ่งการตลาดและแก้ไขปัญหาสต๊อกรถยนต์ที่ค้างอยู่ แม้ว่าการลดราคาครั้งใหญ่อาจส่งผลกระทบต่อผลกำไรในระยะสั้น แต่ก็อาจช่วยให้เทสลาสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในระยะยาวได้

ผลกระทบของการ**หั่นค่าเช่าใน UK เกือบครึ่ง**

การตัดสินใจของเทสลาในการ **หั่นค่าเช่าใน UK เกือบครึ่ง** ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อบริษัทเองเท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบต่อตลาดรถยนต์ไฟฟ้าโดยรวมด้วย การลดราคาครั้งใหญ่อาจกระตุ้นให้ผู้บริโภคหันมาสนใจรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น และอาจเพิ่มแรงกดดันให้กับผู้ผลิตรายอื่นๆ ในการลดราคาหรือเสนอโปรโมชั่นที่น่าสนใจยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ การลดราคาอาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าของรถยนต์เทสลาที่ใช้แล้ว หากราคารถยนต์ใหม่ลดลงอย่างมาก ราคารถยนต์มือสองก็จะลดลงตามไปด้วย ซึ่งอาจทำให้ผู้ที่ซื้อรถยนต์เทสลาไปก่อนหน้านี้รู้สึกผิดหวัง

อย่างไรก็ตาม การลดราคาอาจเป็นผลดีต่อผู้ที่ต้องการเช่ารถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากค่าเช่าที่ถูกลงจะทำให้รถยนต์ไฟฟ้าเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และอาจส่งเสริมให้ผู้คนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมัน

สถานการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า และความท้าทายที่ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าต้องเผชิญในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป การแข่งขันที่รุนแรง ราคาน้ำมันที่ผันผวน และความกังวลเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค และทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ต้องคิดค้นกลยุทธ์ใหม่ๆ เพื่อดึงดูดลูกค้า

การที่เทสลาต้องลดราคาค่าเช่ารถยนต์ในสหราชอาณาจักรลงเกือบครึ่ง เป็นสัญญาณเตือนว่าแม้แต่บริษัทที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทายในตลาดที่มีการแข่งขันสูง การปรับตัวและการคิดค้นนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความสำเร็จในระยะยาวในอุตสาหกรรมรถยนต์

ที่มา – สื่อเผย เทสลาหั่นค่าเช่าใน UK เกือบครึ่ง หลังยอดขายดิ่งหนัก