ฟุตบอลไทย

ไทยลีก 3 เดือด! แข้งหัวร้อนเกือบโดนต่อย

ไทยลีก 3 เดือด แข้งหัวร้อนเกือบออกหมัด ก่อนโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม (คลิป)

ศึกไทยลีก 3 ฤดูกาล 2025/26 กลายเป็นประเด็นร้อนแรงบนโลกออนไลน์ เมื่อเกมระหว่าง นาวิกโยธิน เอฟซี เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ คัสตอม ยูไนเต็ด เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น

ในเกมดังกล่าว คัสตอม ยูไนเต็ด บุกมาเอาชนะ นาวิกโยธิน เอฟซี ได้ถึงถิ่น 1-0 แต่เหตุการณ์ดราม่าเกิดขึ้นในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของครึ่งหลัง เมื่อ ณัฐวุฒิ อ่อนอินทร์ นักฟุตบอลหมายเลข 44 ของ นาวิกโยธิน เอฟซี เกิดควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ง้างหมัดเตรียมจะทำร้าย นาโอกิ อุเอโมโตะ ผู้เล่นหมายเลข 50 ของ คัสตอม ยูไนเต็ด เดือดจัด ก่อนที่เพื่อนร่วมทีมของทั้งสองฝ่ายจะรีบเข้ามาห้ามปรามกันอย่างวุ่นวาย เหตุการณ์ชุลมุนเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

ถึงแม้จะยังไม่ได้ลงมือชกต่อยจริง แต่การกระทำดังกล่าวก็ไม่รอดพ้นสายตาของผู้ตัดสิน ผู้ตัดสินจึงตัดสินใจแจกใบแดงไล่ ณัฐวุฒิ อ่อนอินทร์ ออกจากสนามทันที โชคดีที่เหตุการณ์ไม่บานปลายไปมากกว่านั้น แต่ก็สร้างความตกตะลึงให้กับผู้ชมและผู้ที่ติดตามชมเกมการแข่งขันเป็นอย่างมาก ทำให้ประเด็นเรื่องความรุนแรงในสนามฟุตบอลกลับมาเป็นที่พูดถึงกันอีกครั้ง

สรุปเหตุการณ์ ไทยลีก 3 เดือด

เหตุการณ์นี้เป็นอุทาหรณ์เตือนใจนักฟุตบอลทุกคนว่า การควบคุมอารมณ์ในสนามเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ไม่ว่าสถานการณ์จะกดดันขนาดไหน การใช้ความรุนแรงไม่ใช่ทางออก และอาจนำมาซึ่งบทลงโทษที่ร้ายแรงกว่าที่คิด

ไทยลีก 3 เดือด ครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการมีสติและการเล่นกีฬาด้วยสปิริต การตัดสินใจเพียงชั่ววูบอาจส่งผลเสียต่อตัวเอง ต่อทีม และต่อภาพลักษณ์ของวงการฟุตบอลโดยรวม

ความจริงแล้ว เหตุการณ์ความขัดแย้งและความรุนแรงในสนามฟุตบอลไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่การที่เหตุการณ์ลักษณะนี้ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นว่ายังมีสิ่งที่ต้องปรับปรุงและแก้ไขอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการฝึกฝนทักษะการควบคุมอารมณ์ การให้ความรู้เกี่ยวกับกฎกติกา และการสร้างจิตสำนึกที่ดีให้กับนักกีฬา

การแข่งขันฟุตบอลควรเป็นไปอย่างสร้างสรรค์และยุติธรรม เน้นที่ทักษะและความสามารถของผู้เล่น มากกว่าการใช้กำลังและความรุนแรง หวังว่าเหตุการณ์ ไทยลีก 3 เดือด ครั้งนี้ จะเป็นบทเรียนให้กับนักฟุตบอลและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน เพื่อร่วมกันสร้างวงการฟุตบอลไทยให้เข้มแข็งและมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น

ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเรียนรู้จากความผิดพลาด และมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น ทั้งในด้านทักษะฝีเท้าและในด้านจิตใจ เพื่อให้สามารถเป็นนักกีฬาที่ดีและประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน

ที่มา – ไทยลีก3 เดือด แข้งหัวร้อนเกือบออกหมัด ก่อนโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม (คลิป)

อิชิอิ ปรับ ช้างศึก ดีขึ้น ลั่นย้ำชัย ไต้หวัน

เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม ที่ห้องแถลงข่าว ไทเป มูนิซิปัล สเตเดียม ฝ่ายจัดการแข่งขันจัดงานแถลงข่าวความพร้อมก่อนการแข่งขันฟุตบอล เอเชียน คัพ 2027 รอบคัดเลือก กลุ่มดี นัดที่สี่ ระหว่าง ไต้หวัน เปิดบ้านรับการมาเยือน ทีมชาติไทย ในวันที่ 14 ตุลาคม เวลา 17.30 น.

มาซาทาดะ อิชิอิ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ชาวญี่ปุ่น กล่าวว่า เราเจอคู่ต่อสู้ทีมเดิมอย่างไต้หวัน เกมแรกเราชนะมาได้ เป้าหมายเกมนี้ยังคงเหมือนกัน ไม่ว่าเราจะเล่นเกมเหย้าหรือเกมเยือน เราต้องแก้ไขที่ตัวเรามากกว่า หากเราไปเล่นเกมเยือนแล้วเล่นไม่ดี คู่ต่อสู้ไม่เหมือนเดิมทุกครั้ง มีเปลี่ยนแปลงไป ผมพยายามแก้ไขในสิ่งที่เรายังทำได้ยังไม่ดี”

“สำหรับเกมนี้คงพูดถึงวิธีการเล่นไม่ได้ว่าจะแตกต่างกันอย่างไร แต่อยากจะบอกว่าจากการดูเกมแรก สิ่งไหนที่ต้องปรับปรุงเราจะทำให้ดีกว่าที่ผ่านมา และมารอดูกันตอนเริ่มเกมว่าจะเป็นอย่างไร ในส่วนของณัฐพงษ์ สายริยา มีการเล่นในไทยลีกที่เสถียรและเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นเกมที่ดี และช่วยพูดกระตุ้นแนะนำเพื่อนๆได้ดี”

ด้าน ธีรศักดิ์ เผยพิมาย กล่าวว่า “เรามีการทำการบ้านที่ดีมาโดยตลอดตั้งแต่เข้าแคมป์วันแรก พรุ่งนี้เราจะเก็บสามคะแนนให้ได้ครับ บรรยากาศในทีมดีขึ้นครับจากเกมแรกที่ทำให้เราเก็บสามแต้มในบ้านได้ เกมนี้เช่นกันเราต้องทำให้ได้ เพื่อจะที่จะทำให้แฟนบอลมีความสุขและมีกำลังใจลุยกันต่อในเกมต่อไป ส่วนตัวกดดันครับที่เป็นกองหน้าคนเดียว แต่พี่ๆ คอยซัพพอร์ตตลอด และจะทำให้เต็มที่ครับ จะคว้าชัยชนะให้ได้”

สำหรับ ทีมชาติไทย จะทำการแข่งขันฟุตบอล เอเชียน คัพ 2027 รอบคัดเลือก กลุ่มดี นัดที่สี่ พบกับ ไต้หวัน ที่ไทเป มูนิซิปัล สเตเดียม ในวันที่ 14 ตุลาคม 2568 เวลา 17.30 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทาง ช่อง 32, YouTube : BG SPORTS และ True Visions Now

อิชิอิ ปรับ ช้างศึก ดีขึ้น ลั่นย้ำชัย ไต้หวัน

ความเคลื่อนไหวล่าสุดของทีมชาติไทย ก่อนลงสนามพบกับไต้หวัน ในศึกเอเชียน คัพ 2027 รอบคัดเลือก มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือชาวญี่ปุ่น เน้นย้ำถึงการปรับปรุงแก้ไขข้อผิดพลาดจากเกมแรกที่พบกัน เพื่อเป้าหมายในการเก็บชัยชนะต่อเนื่อง

สถานการณ์ของทีมชาติไทยในกลุ่มดี ถือว่าอยู่ในทิศทางที่ดี การเก็บชัยชนะในเกมนี้จะยิ่งเป็นการเสริมสร้างความมั่นใจ และเพิ่มโอกาสในการผ่านเข้ารอบต่อไปอย่างมาก การที่อิชิอิให้ความสำคัญกับการปรับปรุงทีม แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาทีมชาติไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ความพร้อมของช้างศึก ก่อนลั่นย้ำชัย ไต้หวัน

จากคำสัมภาษณ์ของทั้ง มาซาทาดะ อิชิอิ และ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย สะท้อนให้เห็นถึงความพร้อมและความมุ่งมั่นของทีมชาติไทยในการเผชิญหน้ากับไต้หวัน การที่ทีมมีการทำการบ้านอย่างหนัก มีการปรับปรุงแก้ไขข้อผิดพลาด และมีบรรยากาศภายในทีมที่ดี ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่ชัยชนะ

  • การปรับปรุงทีมตามแนวทางของอิชิอิ
  • ความมุ่งมั่นของนักเตะทุกคน
  • บรรยากาศทีมที่เป็นหนึ่งเดียวกัน

ธีรศักดิ์ เผยพิมาย กองหน้าดาวรุ่ง ยอมรับถึงความกดดันในการเป็นกองหน้าตัวเป้า แต่ก็ได้รับกำลังใจและการสนับสนุนจากพี่ๆ ในทีม ทำให้มีความมั่นใจที่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และคว้าชัยชนะมาครองให้ได้

มาซาทาดะ อิชิอิ ยังได้กล่าวถึง ณัฐพงษ์ สายริยา ว่าเป็นผู้เล่นที่มีความสม่ำเสมอในการเล่นไทยลีก มีการขึ้นเกมที่ดี และสามารถกระตุ้นแนะนำเพื่อนร่วมทีมได้ดี ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญของทีมชาติไทย

สิ่งสำคัญที่สุดคือการที่ทีมชาติไทยต้องโฟกัสที่ตัวเอง ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด และไม่ประมาทคู่ต่อสู้ แม้ว่าเกมแรกจะสามารถเอาชนะมาได้ แต่ไต้หวันก็พร้อมที่จะสู้เต็มที่ในบ้านของตัวเอง

การที่ทีมชาติไทย ภายใต้การคุมทีมของ อิชิอิ ปรับ ช้างศึก ให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับอนาคตของฟุตบอลไทย การให้โอกาสนักเตะดาวรุ่ง การสร้างทีมเวิร์ค และการมีแทคติกที่ชัดเจน ล้วนเป็นสิ่งที่แฟนบอลชาวไทยคาดหวัง

อย่าลืมติดตามชมและเชียร์ทีมชาติไทย ในการแข่งขันฟุตบอล เอเชียน คัพ 2027 รอบคัดเลือก กลุ่มดี นัดที่สี่ พบกับ ไต้หวัน ในวันที่ 14 ตุลาคม 2568 เวลา 17.30 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทาง ช่อง 32, YouTube : BG SPORTS และ True Visions Now มาร่วมส่งกำลังใจให้ทัพช้างศึกคว้าชัยชนะกลับบ้านให้ได้!

อิชิอิ ปรับ ช้างศึก ให้ดีขึ้นจริงหรือไม่? เกมกับไต้หวันจะเป็นบทพิสูจน์สำคัญ และชัยชนะจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด

ที่มา – อิชิอิ ปรับ ช้างศึก ดีขึ้น ลั่นย้ำชัย ไต้หวัน – ธีรศักดิ์ รับกดดันเป็นกองหน้าคนเดียว

ช้างศึกเชื่อมั่น! เกมเยือนไต้หวันมีพื้นที่มากขึ้น

เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2568 ที่ยามาโอกะ ฮานาซากะ อคาเดมี 1 ฟุตบอลชายทีมชาติไทย ลงฝึกซ้อมครั้งสุดท้ายที่ประเทศไทย ก่อนออกเดินทางไต้หวัน เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนทำการแข่งขันฟุตบอล เอเชียน คัพ 2027 รอบคัดเลือก กลุ่มดี นัดที่สี่ พบกับ ไต้หวัน ในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ เวลา 17.30 น. ถ่ายทอดสดทาง ช่อง 32, ยูทูป : BG SPORTS และ True Visions Now

การฝึกซ้อมครั้งนี้ มาซาทาดะ อิชิอิ หัวหน้าผู้ฝึกสอน นำทัพติวเข้ม โดยเน้นไปที่ลงรายละเอียดแทคติกทั้งเกมรุกและเกมรับ รวมไปถึงการเล่นลูกตั้งเตะ ซึ่งใช้เวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที

ปฏิวัติ คำไหม ผู้รักษาประตูทีมชาติไทย จากสโมสร ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด กล่าวว่า “เรามีเวลาพักอยู่หลายวัน ทำให้สามารถฟื้นฟูร่างกายได้ดีก่อนที่จะลงแข่งขันกับไต้หวัน อีกครั้ง เราต้องโฟกัสที่ทีมของเราเป็นหลัก ส่วนตัวผมมั่นใจว่าเราจะสามารถผ่านเกมนี้ไปได้”

“ลูกฟุตบอลอาจจะแตกต่างจากนัดแรกที่เราเพิ่งลงเล่นมา ในตำแหน่งผู้รักษาประตูมีผลอยู่บ้าง เพราะมันค่อนข้างลื่นและน้ำหนักไม่ได้คุ้นชินมาก แต่ยังมีเวลาในการปรับตัวให้ดีขึ้น จุดแข็งของไต้หวันชุดนี้ผมมองว่าเขามีเกมรับที่ค่อนข้างรับต่ำด้วยการเล่นกองหลังห้าคน ทำให้เรามีพื้นที่ค่อนข้างยากในการทำประตู หากเราเพิ่มผู้เล่นเข้าไปจะเหลือคนที่เล่นเกมรับน้อย เราต้องระวังลูกโต้กลับด้วย”

“ส่วนตัวผมคิดว่าเป็นโอกาสดีสำหรับเราหากไต้หวันเปิดเกมรุกในการเล่นในบ้านของเขา เพราะจะทำให้หลังบ้านเขามีพื้นที่ให้กับเรามากขึ้น เพราะเกมรุกของเรามีคุณภาพที่ดีอยู่แล้ว การที่ไม่มีกองหน้าเวลาเราจะเล่นลูกเปิดจากได้ข้างอาจจะมีผลอยู่บ้าง แต่ในเมื่อเราไม่มีเราต้องปรับแก้ตามสถานการณ์ด้วยการเล่นหน้าไลน์แทน เกมฟุตบอลมันต้องปรับเปลี่ยนกันได้เป็นเรื่องปกติครับ”

“จังหวะที่ผมออกมาตัดบอลพลาดทางโค้ชได้มีการพูดถึงลูกนี้เหมือนกัน มันเป็นข้อผิดพลาดที่ต้องกลับมาช่วยกันแก้ไขว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร และต้องพยายามลดข้อผิดพลาดให้น้อยที่สุด จะไม่ให้เกิดขึ้นอีก”

หลังจากนี้ ทีมชาติไทย จะรวมตัวกันที่ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ในเวลา 17.45 น. เพื่อออกเดินทางไป ประเทศไต้หวัน ในเวลา 20.00 น.

ช้างศึก เชื่อเกมเยือนไต้หวัน มีพื้นที่มากขึ้น

ความพร้อมของทีมชาติไทยก่อนเกมสำคัญที่จะพบกับไต้หวันในการแข่งขันฟุตบอล เอเชียน คัพ 2027 รอบคัดเลือก กลุ่มดี นัดที่สี่ ได้ถูกเน้นย้ำถึงความสำคัญของการปรับตัวและการใช้โอกาสที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ทีมอาจจะเผชิญหน้ากับความท้าทายในการเจาะแนวรับของคู่ต่อสู้

ปฏิวัติ คำไหม ผู้รักษาประตูของทีมชาติไทย ได้ให้สัมภาษณ์ถึงความเชื่อมั่นในการเผชิญหน้ากับไต้หวัน และมองว่า ช้างศึก เชื่อเกมเยือนไต้หวัน มีพื้นที่มากขึ้น หากไต้หวันเลือกที่จะเปิดเกมรุกมากขึ้นในบ้านของตนเอง นี่จะเป็นโอกาสให้ทีมชาติไทยได้ใช้ประโยชน์จากคุณภาพในเกมรุกที่มีอยู่

การปรับตัวของทีมชาติไทย เมื่อไม่มีกองหน้าตัวเป้า

การขาดหายไปของกองหน้าตัวเป้าอาจส่งผลกระทบต่อการเล่นในแดนหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเข้าทำจากด้านข้าง อย่างไรก็ตาม ทีมชาติไทยแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนแผนการเล่น โดยการใช้ผู้เล่นที่สามารถทดแทนในตำแหน่งหน้าไลน์ได้ สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวของทีมภายใต้สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

ผู้รักษาประตูทีมชาติไทยยังได้กล่าวถึงความแตกต่างของลูกฟุตบอลที่ใช้ในการแข่งขัน ซึ่งอาจส่งผลต่อการเล่นของผู้รักษาประตู แต่ยังมีเวลาให้ปรับตัวและทำความคุ้นเคยกับลูกฟุตบอลใหม่นี้

ช้างศึก เชื่อเกมเยือนไต้หวัน มีพื้นที่มากขึ้น และจะใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์ในการทำประตูและคว้าชัยชนะกลับบ้าน การฝึกซ้อมอย่างหนักและการวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ จะเป็นกุญแจสำคัญในการบรรลุเป้าหมาย

  • การเน้นเกมรุกที่มีคุณภาพ
  • การปรับตัวเมื่อไม่มีกองหน้าตัวเป้า
  • การเตรียมพร้อมสำหรับลูกโต้กลับของไต้หวัน

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือการไม่ประมาทและให้ความเคารพคู่ต่อสู้ แม้ว่า ช้างศึก เชื่อเกมเยือนไต้หวัน มีพื้นที่มากขึ้น แต่การเล่นอย่างรัดกุมและมีวินัยยังคงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น

โดยรวมแล้ว ทีมชาติไทยมีความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจสำหรับการแข่งขันที่จะมาถึง การเดินทางไปไต้หวันเพื่อแข่งขันฟุตบอล เอเชียน คัพ 2027 รอบคัดเลือก เป็นโอกาสสำคัญในการแสดงศักยภาพและสร้างความภาคภูมิใจให้กับแฟนบอลชาวไทย

ในฐานะแฟนบอล เราควรส่งกำลังใจและสนับสนุนทีมชาติไทยอย่างเต็มที่ เพื่อให้พวกเขาสามารถทำผลงานได้ดีและบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ เชื่อมั่นในศักยภาพของทีมและร่วมกันเชียร์ ช้างศึก เชื่อเกมเยือนไต้หวัน มีพื้นที่มากขึ้น และจะคว้าชัยชนะกลับมาได้อย่างแน่นอน!

ที่มา – ช้างศึก เชื่อเกมเยือนไต้หวัน มีพื้นที่มากขึ้น – รับไร้ศูนย์หน้ามีผลต่อการเล่นด้านข้าง

แข่งที่ไหนก็ได้! มาดามแป้ง ประกาศกวาด 4 ทอง ซีเกมส์

ในวงการฟุตบอลไทยกำลังได้รับความสนใจอย่างมาก เมื่อ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้ออกมาแสดงวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนเกี่ยวกับอนาคตของทีมชาติไทย โดยเฉพาะในรายการใหญ่ๆ อย่างเอเชียนคัพและซีเกมส์ ล่าสุด มีข่าวสำคัญที่กลายเป็นหัวข้อร้อน “แข่งที่ไหนก็ได้! มาดามแป้ง ประกาศพาสมาคมบอล กวาด 4 ทอง ซีเกมส์” ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นที่จะพาทีมชาติประสบความสำเร็จ

แข่งที่ไหนก็ได้! มาดามแป้ง ประกาศพาสมาคมบอล กวาด 4 ทอง ซีเกมส์

ทีมชาติไทย “ช้างศึก” กำลังเตรียมตัวสำหรับโปรแกรมสำคัญในช่วงฟีฟ่าเดย์ เดือนตุลาคมนี้ โดยจะลงสนามในศึกฟุตบอลเอเชียนคัพ 2027 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย กลุ่มดี นัดที่ 3 พบกับทีมชาติไต้หวัน ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน วันที่ 9 ตุลาคม 2568 เวลา 19.30 น. ตามด้วยนัดที่ 4 ซึ่งเป็นการบุกไปเยือนไต้หวัน ที่ไทเป มูนิซิปัล สเตเดียม วันที่ 14 ตุลาคม 2568 เวลา 17.30 น. ปัจจุบัน ทีมไทยมี 3 คะแนน รั้งอันดับ 2 ของกลุ่ม และต้องการชัยชนะทั้งสองนัดเพื่อลุ้นเข้ารอบต่อไปอย่างมีลุ้น

“มาดามแป้ง” ได้ให้สัมภาษณ์ถึงความสำคัญของแมตช์เหล่านี้ โดยย้ำว่าทั้งสองนัดกับไต้หวันเป็นโอกาสทองที่ทีมชาติไทยไม่สามารถพลาดได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทีมต้องเก็บชัยชนะให้ได้ เพราะผลงานจะส่งผลโดยตรงต่อการเข้ารอบในเอเชียนคัพ ซึ่งเป็นรายการที่ไทยโหยหามานาน

ความรับผิดชอบของกุนซือและทีมงาน

เมื่อถูกถามถึงอนาคตของมาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือชาวญี่ปุ่น หากทีมไม่สามารถทำผลงานได้ตามเป้า มาดามแป้งตอบอย่างหนักแน่นว่า ทุกคนที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นโค้ช นักเตะ หรือสต๊าฟฟ์ ต้องร่วมมือกันรับผิดชอบ เพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงผูู้นำที่เน้นทีมเวิร์คและความสามัคคีในสมาคมฟุตบอลไทย

นอกจากโปรแกรมเอเชียนคัพแล้ว มาดามแป้งยังพูดถึงการเตรียมทีมสำหรับมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ซึ่งประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพระหว่างวันที่ 9-20 ธันวาคม 2568 ปัจจุบัน เรื่องสถานที่จัดการแข่งขันฟุตบอลยังไม่ลงตัว โดยมีจังหวัดผู้สมัครเช่น กรุงเทพมหานคร สงขลา และเชียงใหม่ แต่มาดามแป้งมั่นใจว่าอีกไม่นานจะมีบทสรุปที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม เธอเน้นย้ำว่า “แข่งที่ไหนก็ได้!” ตราบใดที่อยู่ในแผ่นดินไทย สิ่งสำคัญคือการโฟกัสที่การทวงเหรียญทองกลับมา เพราะไทยไม่ได้แชมป์ฟุตบอลซีเกมส์ตั้งแต่ปี 2017 ที่มาเลเซีย

วิสัยทัศน์ของมาดามแป้งชัดเจนมาก เธออยากเห็นทีมชาติไทยครองเหรียญทองทั้ง 4 รุ่น คือ ฟุตบอลชาย ฟุตบอลหญิง ฟุตซอลชาย และฟุตซอลหญิง “เล่นที่ไหนก็ได้ แต่อยากได้แชมป์มากกว่า ไม่เพียงแต่ฟุตบอลชายเท่านั้น แต่รวมถึงทุกประเภท” เธอกล่าวด้วยความมุ่งมั่น นี่คือการประกาศที่จุดประกายแรงบันดาลใจให้แฟนบอลไทย

  • ฟุตบอลชาย: ทีมชาติไทยมีศักยภาพสูง ภายใต้การนำของอิชิอิ ต้องปรับแท็คติกให้เหมาะกับคู่แข่งเอเชีย
  • ฟุตบอลหญิง: สาวๆ ช้างนวธารี กำลังมาแรง หลังจากผลงานดีในรายการก่อนหน้า
  • ฟุตซอลชาย: ทีมฟุตซอลไทยเป็นแชมป์เอเชียหลายสมัย ซีเกมส์ต้องเป็นของเรา
  • ฟุตซอลหญิง: การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จะทำให้กวาดทองได้แน่นอน

การเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสทองสำหรับไทยในการแสดงศักยภาพด้านกีฬาฟุตบอล สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ กำลังเร่งวางแผนฝึกซ้อม โดยเน้นพัฒนานักเตะเยาวชนให้พร้อมสำหรับรายการใหญ่ นอกจากนี้ มาดามแป้งยังผลักดันให้มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สนามฝึกซ้อมและศูนย์พัฒนา เพื่อยกระดับฟุตบอลไทยให้เทียบชั้นทีมชั้นนำในเอเชีย

ในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ การประกาศ “แข่งที่ไหนก็ได้! มาดามแป้ง ประกาศพาสมาคมบอล กวาด 4 ทอง ซีเกมส์” ไม่ใช่แค่คำพูด แต่เป็นแผนยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน แฟนบอลไทยต่างคาดหวังว่าทีมชาติจะสร้างประวัติศาสตร์ ด้วยการครองเหรียญทองทั้งหมดในซีเกมส์ครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของยุคทองฟุตบอลไทย

สุดท้ายนี้ แฟนๆ ช้างศึกอย่าลืมติดตามและให้กำลังใจทีมชาติไทยในทุกนัด สำหรับโปรแกรมเอเชียนคัพและซีเกมส์ที่กำลังจะมาถึง การสนับสนุนจากแฟนบอลคือพลังสำคัญที่ทำให้ทีมประสบความสำเร็จ ลุ้นเชียร์ไปด้วยกันเพื่อทองคำแห่งความภาคภูมิใจ!

ที่มา – แข่งที่ไหนก็ได้! มาดามแป้ง ประกาศพาสมาคมบอล กวาด 4 ทอง ซีเกมส์

ทุ่ม 45 ล้านคืนชีพบอลเด็ก โค้กคัพ เฟ้นแข้งยู-17 ลุย ฟุตบอลโลก

ในยุคที่ฟุตบอลไทยกำลังก้าวสู่เวทีโลก การพัฒนาเยาวชนถือเป็นหัวใจสำคัญ และข่าวดีล่าสุดที่ทำให้แฟนบอลไทยตื่นเต้นคือ โครงการ ทุ่ม 45 ล้านคืนชีพบอลเด็ก โค้กคัพ เฟ้นแข้งยู-17 ลุย ฟุตบอลโลก ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างโคคา-โคล่าและสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย มาดูกันว่าภาคีนี้จะช่วยยกระดับฟุตบอลเยาวชนไทยได้อย่างไรบ้าง

ทุ่ม 45 ล้านคืนชีพบอลเด็ก โค้กคัพ เฟ้นแข้งยู-17 ลุย ฟุตบอลโลก

เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2568 ที่โรงแรมพาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ ได้มีการจัดพิธีลงนามความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างเซลแมน คาเรกา ประธานภูมิภาคอาเซียนและแปซิฟิกตอนใต้ของเดอะโคคา-โคล่า คอมปานี กับ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย โครงการนี้มีชื่อว่า “สร้างคลื่นลูกใหม่ ขับเคลื่อนอนาคตฟุตบอลไทย” หรือ DEVELOPING THE FUTURE OF THAI YOUTH FOOTBALL โดยมุ่งเน้นการจัดการแข่งขันลีกเยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี เพื่อเปิดโอกาสให้นักฟุตบอลรุ่นใหม่ได้ฝึกฝนและแข่งขัน สานฝันสู่ระดับโลก

เซลแมน คาเรกา กล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า โคคา-โคล่าได้สนับสนุนกีฬาฟุตบอลมาอย่างยาวนานทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ และสำหรับประเทศไทย ฟุตบอลคือกีฬาที่คนไทยหลงใหลที่สุด ความร่วมมือครั้งนี้จึงเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นในการพัฒนานักกีฬาเยาวชน โดยนำ “โค้กคัพ” ลีกเยาวชนยู-17 กลับมาจัดการแข่งขันอีกครั้งในปี 2569 ซึ่งจะช่วยให้เยาวชนไทยแสดงศักยภาพและไล่ตามความฝันได้เต็มที่

ความสำคัญของโค้กคัพ ต่อฟุตบอลเยาวชนไทย

มาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ เน้นย้ำว่านี่คือก้าวสำคัญสำหรับวงการฟุตบอลไทย โดยเฉพาะรุ่นยู-17 ซึ่งเป็นช่วงอายุที่นักกีฬามีโอกาสก้าวสู่เส้นทางอาชีพ และสอดคล้องกับการแข่งขันฟุตบอลโลกยู-17 ที่ฟีฟ่าจัดขึ้นทุกปี การกลับมาของ ทุ่ม 45 ล้านคืนชีพบอลเด็ก โค้กคัพ เฟ้นแข้งยู-17 ลุย ฟุตบอลโลก ในรูปแบบใหม่ จะช่วยเติมเต็มทรัพยากรนักกีฬา และเปิดประตูสู่ทีมชาติไทยในเวทีโลกมากยิ่งขึ้น

การแข่งขันโค้กคัพลีกเยาวชนนี้ห่างหายไปนาน 6 ปี นับจากครั้งล่าสุดในปี 2019 และครั้งนี้จะจัดต่อเนื่อง 3 ปี ตั้งแต่ปี 2569 ถึง 2571 โดยโคคา-โคล่าสนับสนุนงบประมาณปีละ 15 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 45 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่ยิ่งใหญ่เพื่ออนาคตฟุตบอลไทย

รายละเอียดการแข่งขันโค้กคัพ ยู-17

ในปีแรก พ.ศ. 2569 การแข่งขันจะมีถึง 195 นัด โดยคัดเลือกทีมจาก 192 ทีมทั่ว 6 ภูมิภาคของประเทศ การแข่งขันจะเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคม ทีมแชมป์จะได้รับเงินรางวัล 1 ล้านบาท ส่วนอันดับรองลงมาจะได้ 5 แสนบาท นอกจากนี้ ยังมีโอกาสให้ผู้เล่นยู-17 เหล่านี้ได้พัฒนาทักษะสู่ระดับอาชีพและทีมชาติ

  • จำนวนทีม: 192 ทีมจาก 6 ภูมิภาค
  • ระยะเวลา: พฤษภาคม – สิงหาคม 2569
  • เงินสนับสนุน: 15 ล้านบาทต่อปี รวม 45 ล้านบาท
  • รางวัล: แชมป์ 1 ล้านบาท, อันดับ 2-? 5 แสนบาท
  • เป้าหมาย: เฟ้นหานักเตะสู่ฟุตบอลโลกยู-17

โครงการนี้ไม่เพียงแต่สร้างเวทีแข่งขัน แต่ยังส่งเสริมสุขภาพและจิตใจของเยาวชนผ่านกีฬา โดยโคคา-โคล่าจะมีส่วนร่วมในการฝึกอบรมโค้ชและพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวก ทำให้ฟุตบอลเยาวชนไทยมีมาตรฐานสูงขึ้น

ในมุมมองของผม การลงทุน 45 ล้านบาทนี้คือการจุดประกายให้เด็กไทยหลายพันคนได้ใฝ่ฝันเป็นนักเตะอาชีพ ฟุตบอลไทยกำลังเติบโต และโค้กคัพจะเป็นตัวเร่งสำคัญสู่ความสำเร็จในฟุตบอลโลก หากคุณเป็นผู้ปกครองหรือแฟนบอล อย่าลืมสนับสนุนและติดตามการแข่งขัน เพื่อเป็นกำลังใจให้เยาวชนไทยก้าวไกลยิ่งขึ้น

สุดท้ายแล้ว โครงการ ทุ่ม 45 ล้านคืนชีพบอลเด็ก โค้กคัพ เฟ้นแข้งยู-17 ลุย ฟุตบอลโลก ไม่ใช่แค่การแข่งขัน แต่คือการลงทุนในอนาคตของชาติ ลองนึกภาพนักเตะไทยยู-17 กำลังลุยฟุตบอลโลก นั่นคือความฝันที่ใกล้เข้ามาแล้ว!

ที่มา – ทุ่ม 45 ล้านคืนชีพบอลเด็ก โค้กคัพ เฟ้นแข้งยู-17 ลุย ฟุตบอลโลก

โค้ชเตี้ย อยากคุมทีมชาติไทย

โค้ชเตี้ย อยากคุมทีมชาติไทย: เสียงชื่นชมจากเดอะตุ๊ก

ในวงการฟุตบอลไทยช่วงนี้ มีข่าวที่น่าสนใจมาก ๆ เลยทีเดียว โดยเฉพาะเรื่อง โค้ชเตี้ย อยากคุมทีมชาติ ซึ่งกลายเป็นหัวข้อที่แฟนบอลพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง หลังจากที่ “เดอะตุ๊ก” นาวาอากาศเอก ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ตำนานนักฟุตบอลทีมชาติไทย และปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการกลางและโฆษกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้ออกมาแสดงความชื่นชอบในสไตล์การทำทีมของ “โค้ชเตี้ย” สะสม พบประเสริฐ กุนซือของพีที ประจวบ เอฟซี ในไทยลีก

เดอะตุ๊กย้ำชัดว่าสไตล์ของโค้ชเตี้ยนั้นเหมาะสมกับทีมระดับกลาง เพราะเขาคุมทีมมาอย่างยาวนานกว่า 10 ปี รู้จักวิธีการพัฒนาทีมให้แข็งแกร่งและยั่งยืน หากเดอะตุ๊กมีอำนาจตัดสินใจ เขาจะแต่งตั้งโค้ชเตี้ยเป็นกุนซือทีมชาติไทยชุดใหญ่ทันที คำพูดนี้ไม่ใช่แค่คำชื่นชมธรรมดา แต่เป็นการยอมรับจากรุ่นพี่ในวงการที่ผ่านประสบการณ์มามากมาย ทำให้แฟนบอลหลายคนเริ่มมองเห็นศักยภาพของโค้ชเตี้ยในระดับชาติ

โค้ชเตี้ย อยากคุมทีมชาติ: ความรู้สึกจริงใจจากกุนซือมากประสบการณ์

หลังจากได้ยินคำชื่นชมจากเดอะตุ๊ก โค้ชเตี้ย สะสม พบประเสริฐ ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์อย่างตรงไปตรงมา โดยบอกว่า “เคลิ้มเหมือนกันนะ ใครบ้างไม่อยากติดทีมชาติ ทหารยังอยากไปรบเลย ผมก็อยากรับใช้ชาติเหมือนกัน เพราะฉะนั้นไม่ต้องเขินอาย ผมไม่ได้เป็นคนพูด ถ้าผมเป็นคนพูดว่าไปอย่าง แต่นี่ระดับตำนานเป็นคนพูด ขอบคุณพี่ตุ๊กมาก” คำพูดนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความรักชาติของโค้ชเตี้ย ที่พร้อมจะก้าวขึ้นสู่เวทีใหญ่หากมีโอกาส

สำหรับประวัติของโค้ชเตี้ยนั้น เขาเริ่มเข้ามารับงานกับพีที ประจวบตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2024 และสามารถพาทีมรอดจากการตกชั้นได้อย่างน่าประทับใจ แม้จะเพิ่งเข้ามาคุมทีมในช่วงวิกฤติก็ตาม ในฤดูกาล 2025/26 ทีมพีที ประจวบ ลงเล่นไป 6 นัด ชนะ 1 เสมอ 3 และแพ้ 2 นัด มี 6 คะแนน รั้งอันดับ 10 ของตารางไทยลีก ซึ่งถือว่าฟอร์มดีขึ้นกว่าเดิมมาก

สไตล์การทำทีมของโค้ชเตี้ยที่ทำให้เดอะตุ๊กประทับใจ

สไตล์การทำทีมของโค้ชเตี้ยเน้นไปที่การสร้างวินัยและการเล่นที่เป็นระบบ โดยเฉพาะการปรับจูนผู้เล่นให้เข้ากับจุดแข็งของทีม เขามีประสบการณ์คุมทีมหลายสโมสรในไทยลีก ทำให้รู้จักนักเตะไทยเป็นอย่างดี หาก โค้ชเตี้ย อยากคุมทีมชาติ จริง ๆ นี่อาจเป็นโอกาสทองสำหรับฟุตบอลไทย ที่ต้องการกุนซือที่เข้าใจวัฒนธรรมและสไตล์การเล่นของนักเตะไทยแบบลึกซึ้ง

ในอดีต โค้ชเตี้ยเคยประสบความสำเร็จกับทีมชลบุรี เอฟซี และทีมอื่น ๆ ที่เขาคุม โดยพาทีมคว้าแชมป์ลีกคัพและสร้างทีมที่แข็งแกร่ง การที่เขาสามารถปรับทีมพีที ประจวบให้มีฟอร์มดีขึ้นในฤดูกาลนี้ ยิ่งตอกย้ำถึงความสามารถของเขา แฟนบอลหลายคนเริ่มวิเคราะห์ว่า หากโค้ชเตี้ยได้คุมทีมชาติ เขาน่าจะนำเสนอแท็คติกที่เน้นการครองบอลและการโต้กลับเร็ว ซึ่งเหมาะกับผู้เล่นไทยที่มีความคล่องตัวสูง

  • ประสบการณ์ยาวนานกว่า 10 ปีในไทยลีก
  • ความสำเร็จในการพาทีมรอดตกชั้น
  • สไตล์ทำทีมที่เหมาะกับทีมชาติไทย
  • ความมุ่งมั่นในการรับใช้ชาติ

นอกจากนี้ การที่เดอะตุ๊กซึ่งเป็นตำนานทีมชาติออกมาชื่นชม ก็ช่วยเพิ่มน้ำหนักให้กับโค้ชเตี้ยในสายตาของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ หากมีการเปลี่ยนแปลงกุนซือทีมชาติในอนาคต ชื่อของโค้ชเตี้ยอาจถูกพิจารณาอย่างจริงจัง

อย่างไรก็ตาม ฟุตบอลไทยยังมีกุนซือฝีมือดีอีกหลายคน แต่การที่ โค้ชเตี้ย อยากคุมทีมชาติ และได้รับการสนับสนุนจากรุ่นพี่ ทำให้แฟนบอลรู้สึกตื่นเต้นกับความเป็นไปได้นี้ ในยุคที่ทีมชาติไทยต้องการก้าวสู่ระดับเอเชียที่สูงขึ้น การมีโค้ชที่เข้าใจนักเตะไทยลึกซึ้งอย่างโค้ชเตี้ย อาจเป็นกุญแจสำคัญ

สุดท้ายนี้ ผมคิดว่าโอกาสนี้เป็นสิ่งที่น่าจับตา หากสมาคมฯ มองเห็นศักยภาพจริง แฟนบอลไทยอาจได้เห็นโค้ชเตี้ยนำทัพช้างศึกสู่ความสำเร็จ คุณคิดอย่างไร ลองแสดงความเห็นในคอมเมนต์ด้านล่างนี้ และอย่าลืมติดตามข่าวฟุตบอลไทยอัปเดตที่นี่!

ที่มา – เคลิ้มนะ ! โค้ชเตี้ย ยอมรับอยากคุมทีมชาติ หลัง เดอะตุ๊ก ชื่นชอบสไตล์ทำทีม

พีที ประจวบ เปิดบ้าน ชนะ พลังกาญจน์ เก็บชัยนัดแรก

ศึกฟุตบอลไทยลีก บีวายดี ซีไลอ้อนซิกซ์ ลีกหนึ่ง ฤดูกาล 2025/26 เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2568 เป็นวันที่แฟนบอล พีที ประจวบ ได้เฮกันดังๆ เพราะทีมรักเปิดบ้านต้อนรับ พลังกาญจน์

และผลที่ออกมาก็คือ พีที ประจวบ โชว์ฟอร์มเหนือกว่า เอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 2-0 โดยได้ประตูจาก ปราชญา ฝัดสุภาพ ของพลังกาญจน์ ทำเข้าประตูตัวเองในนาทีที่ 37 และ มิเชล ลิมา มายิงจุดโทษปิดกล่องในนาทีที่ 83 เกมนี้ พลังกาญจน์ ต้องเหลือผู้เล่น 10 คน เมื่อ โมฮาเหม็ด มารา โดนใบแดงไล่ออกในนาทีที่ 58

ชัยชนะนัดนี้ทำให้ พีที ประจวบ เก็บเพิ่มเป็น 5 คะแนน จาก 5 นัดที่ลงสนาม ส่วน พลังกาญจน์ ยังคงมีแค่ 3 คะแนน และยังไม่สามารถคว้าชัยชนะได้เลยในฤดูกาลนี้

ในส่วนของคู่อื่นๆ ที่น่าสนใจ ลำพูน วอริเออร์ เปิดบ้านดวลกับ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี เกมนี้สู้กันสนุก จบลงด้วยผลเสมอสุดมันส์ 2-2 โดย อนันต์ ยอดสังวาลย์ ยิงให้ ลำพูน ขึ้นนำก่อนในนาทีที่ 18 แต่ เนนาด ลาลิช ก็มาตีเสมอให้ นครราชสีมา ในนาทีที่ 33

ถึงแม้ว่า โมฮัมเหม็ด ออสมาน จะมายิงให้ ลำพูน ขึ้นนำอีกครั้งเป็น 2-1 ในนาทีที่ 54 แต่ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาที 90+1 ชิษณุพงศ์ พิมพ์สังข์ ก็มายิงประตูสำคัญช่วยให้ทีมเยือนตามตีเสมอเป็น 2-2 ได้สำเร็จ

จบเกมทั้งสองทีมแบ่งแต้มกันไป ลำพูน แข่ง 5 นัด มี 5 คะแนน รั้งอันดับ 10 ของตาราง ส่วน นครราชสีมา แข่ง 5 นัด มี 6 คะแนน รั้งอันดับ 7

อีกคู่ที่น่าติดตาม อุทัยธานี เอฟซี เปิดบ้านเสมอ สุโขทัย เอฟซี ไปด้วยสกอร์ 1-1 ทำให้ อุทัยธานี ยังคงจมอยู่ในอันดับสุดท้ายของตาราง โดยมีเพียง 2 คะแนน และยังไม่สามารถเก็บชัยชนะได้เลยในฤดูกาลนี้ ส่วน สุโขทัย มี 5 คะแนน จาก 5 นัด รั้งอันดับ 11

พีที ประจวบ เปิดบ้านต้อน พลังกาญจน์ 10 คน เก็บชัยนัดแรก ใน ไทยลีก ซีซั่นนี้

สรุปผลการแข่งขันที่น่าสนใจในสัปดาห์นี้:

  • พีที ประจวบ ชนะ พลังกาญจน์ 2-0
  • ลำพูน วอริเออร์ เสมอ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี 2-2
  • อุทัยธานี เอฟซี เสมอ สุโขทัย เอฟซี 1-1

ไฮไลท์สำคัญ: พีที ประจวบ คว้าชัยชนะนัดแรก!

ชัยชนะของ พีที ประจวบ ในนัดนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของทีม หลังจากที่ผลงานในช่วงต้นฤดูกาลยังไม่ค่อยดีนัก การเก็บ 3 แต้มในบ้านต่อหน้าแฟนบอล จะช่วยสร้างความมั่นใจและเป็นแรงผลักดันให้ทีมทำผลงานได้ดีขึ้นในนัดต่อๆ ไป

สำหรับ พลังกาญจน์ คงต้องกลับไปทำการบ้านอย่างหนัก โดยเฉพาะเรื่องของวินัยในการเล่น หลังจากที่ต้องเสียผู้เล่นไป 1 คนจากใบแดง การปรับปรุงทีมเวิร์คและแก้ไขข้อผิดพลาดต่างๆ จะเป็นกุญแจสำคัญในการกลับมาทำผลงานให้ดีขึ้นในอนาคต

โดยรวมแล้ว ไทยลีกฤดูกาลนี้ยังคงเต็มไปด้วยความสนุก ตื่นเต้น และพลิกผัน แฟนบอลต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดว่าทีมใดจะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นแชมป์ในท้ายที่สุด

ที่มา – พีที ประจวบ เปิดบ้านต้อน พลังกาญจน์ 10 คน เก็บชัยนัดแรก ใน ไทยลีก ซีซั่นนี้

ลำพูน แบ่งแต้ม นครราชสีมา สุดมันส์! อุทัยฯ ยังไม่ชนะ

การแข่งขันฟุตบอลไทยลีก รายการ บีวายดี ซีไลอ้อนซิกซ์ ลีกหนึ่ง ฤดูกาล 2025/26 เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2568 ลำพูน แบ่งแต้ม นครราชสีมา สุดมันส์ โดย ลำพูน วอริเออร์ ลงสนามดวลกับ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี

เกมนี้ทั้งสองทีมสู้กันอย่างเต็มที่ ผลัดกันรุก ผลัดกันรับ สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนบอลในสนามเป็นอย่างมาก ก่อนที่จะจบลงด้วยผลเสมอสุดมันส์ 2-2

อนันต์ ยอดสังวาลย์ เป็นคนแรกที่ยิงประตูให้ ลำพูน ขึ้นนำไปก่อนในนาทีที่ 18 แต่ นครราชสีมา ก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เนนาด ลาลิช มาทำประตูตีเสมอได้ในนาทีที่ 33 ทำให้กลับมาเสมอกัน 1-1

ในครึ่งหลัง โมฮัมเหม็ด ออสมาน ยิงให้ ลำพูน ขึ้นนำอีกครั้งเป็น 2-1 ในนาทีที่ 54 เกมทำท่าว่า ลำพูน จะเป็นฝ่ายคว้าชัย แต่ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาที 90+1 ชิษณุพงศ์ พิมพ์สังข์ ก็มายิงประตูตีเสมอให้กับ นครราชสีมา ได้อย่างเหลือเชื่อ จบเกม ลำพูน แบ่งแต้ม นครราชสีมา ไปด้วยสกอร์ 2-2

จากผลเสมอในเกมนี้ ทำให้ ลำพูน แข่ง 5 นัด มี 5 คะแนน รั้งอันดับ 10 ของตาราง ส่วน นครราชสีมา แข่ง 5 นัด มี 6 คะแนน รั้งอันดับ 7

อีกคู่หนึ่งที่น่าสนใจคือ อุทัยธานี เอฟซี เปิดบ้านรับการมาเยือนของ สุโขทัย เอฟซี ซึ่งผลปรากฏว่า อุทัยธานี เสมอ สุโขทัย ไปด้วยสกอร์ 1-1 ทำให้ อุทัยธานี ยังคงอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก จมอยู่ในอันดับบ๊วยของตาราง มีเพียง 2 คะแนน และยังไม่สามารถเก็บชัยชนะได้เลยในฤดูกาลนี้ ส่วน สุโขทัย มี 5 คะแนน จาก 5 นัด รั้งอันดับ 11

ลำพูน แบ่งแต้ม นครราชสีมา สุดมันส์

การที่ ลำพูน แบ่งแต้ม นครราชสีมา ทำให้ทั้งสองทีมต้องปรับปรุงและแก้ไขข้อผิดพลาดเพื่อทำผลงานให้ดีขึ้นในนัดต่อๆ ไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของเกมรับที่ต้องมีความเหนียวแน่นและรัดกุมมากกว่านี้

วิเคราะห์รูปเกม ลำพูน พบ นครราชสีมา

เกมระหว่าง ลำพูน และ นครราชสีมา เป็นเกมที่สนุกและตื่นเต้นตลอด 90 นาที ทั้งสองทีมต่างก็มีโอกาสทำประตู แต่เป็น นครราชสีมา ที่มีความเฉียบคมในการจบสกอร์มากกว่าเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ลำพูน ก็แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและสปิริตที่ยอดเยี่ยม จนสามารถตามตีเสมอได้ในช่วงท้ายเกม

  • ลำพูน วอริเออร์: แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการเล่นเกมรุก แต่ต้องปรับปรุงเรื่องเกมรับ
  • นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี: มีความเฉียบคมในการจบสกอร์ แต่ต้องรักษาความสม่ำเสมอของฟอร์มการเล่น

สำหรับ อุทัยธานี เอฟซี ยังคงต้องทำงานอย่างหนักต่อไป หากหวังที่จะหลุดพ้นจากสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ พวกเขาจำเป็นต้องเสริมทัพนักเตะที่มีคุณภาพ และปรับปรุงแท็คติกการเล่นให้มีความหลากหลายมากขึ้น

โดยรวมแล้ว ฟุตบอลไทยลีกในฤดูกาลนี้ยังคงมีความสนุกและตื่นเต้นให้ติดตามกันต่อไป แฟนบอลจะได้ชมเกมที่สนุกและสูสีมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน

การแข่งขันฟุตบอลไทยลีกฤดูกาลนี้ยังคงมีอะไรให้ติดตามกันอีกมากมาย แฟนบอลอย่าพลาดชมและเชียร์ทีมโปรดของคุณกันนะครับ!

ที่มา – ลำพูน แบ่งแต้ม นครราชสีมา สุดมัน – อุทัยธานี ยังไร้ชัยเจ๊า สุโขทัย ในบ้าน

โค้ชโจรับไม่ดีพอ? พาชลบุรีแย่ในไทยลีก

จากเกมที่ การท่าเรือ เอฟซี เปิดบ้านเอาชนะ ชลบุรี เอฟซี ไป 3-0 ในศึก บีวายดี ซีไลออน ซิกส์ ลีกหนึ่ง ฤดูกาล 2025/26 ทำให้สถานการณ์ของ “ฉลามชล” ชลบุรี เอฟซี น่าเป็นห่วงอย่างมาก หลังออกสตาร์ต 5 นัดแรกในไทยลีกยังไม่ชนะใครเลย มีเพียง 2 คะแนนเท่านั้น เมื่อเทียบกับฤดูกาล 2023/24 ที่ทีมตกชั้น ซึ่งตอนนั้น ชลบุรี ยังมี 5 แต้มหลังผ่าน 5 นัดแรก

หลังจบเกม “โค้ชโจ” ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น กุนซือของ ชลบุรี เอฟซี ออกมากล่าวว่า เป็นอีกเกมที่ทีมเล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐาน แม้ว่านักเตะจะพยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่ตนเองก็ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองดีพอหรือไม่

“เด็กๆ ทำได้ดีแล้ว แต่ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองดีพอหรือเปล่า ต้องกลับไปคิดทบทวนดู 5 นัด 2 แต้ม ทั้งที่บอร์ดบริหารเสริมผู้เล่นมาดีมาก” โค้ชโจกล่าว

โค้ชโจยังกล่าวเพิ่มเติมว่า รู้สึกว่าทั้ง 5 เกม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกมล่าสุด เป็นเกมที่แย่จริงๆ “ผมต้องขอโทษแฟนบอลด้วย พวกเขาคงไม่อยากได้ยินคำขอโทษจากโค้ชโจหลายครั้งนัก เรามีเกมในบ้าน 2 นัด และแพ้รวดทั้ง 2 นัด แต่แฟนๆ ก็ยังให้การสนับสนุนทีม ทีมต้องเดินหน้าต่อไป ผมขอโทษจริงๆ สำหรับผลการแข่งขันที่เกิดขึ้น”

กุนซือฉลามชลกล่าวต่อว่า ชลบุรี คือทีมบ้านเกิดของตน และตนใฝ่ฝันที่จะเป็นโค้ชที่นี่ อยากเห็นทีมประสบความสำเร็จ และคาดหวังไว้มาก แต่ผลงาน 5 นัดที่ผ่านมาแสดงให้เห็นชัดเจนว่าตนเองทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร ท้ายที่สุดแล้ว งานโค้ชก็ขึ้นอยู่กับผลการแข่งขัน ทีมก็ต้องเดินหน้าต่อไป โดยนัดต่อไปที่จะเปิดบ้านพบกับ พีที ประจวบ ของ โค้ชสะสม พบประเสริฐ ในวันที่ 27 กันยายน 2568 เป็นเกมที่สำคัญอย่างยิ่ง

“ผมรู้สึกว่า ผมปฏิเสธไม่ได้ที่จะต้องรับผิดชอบกับผลงาน 5 นัดที่ผ่านมา ผมว่านักบอลทุกคน ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีแล้ว ต้องกลับมาดูว่าผมจะทำอะไรให้ดีขึ้นกว่านี้สำหรับทีมได้บ้าง” โค้ชโจกล่าว

เมื่อถูกถามย้ำว่าจะแสดงความรับผิดชอบต่อผลงานหรือไม่ โค้ชโจตอบว่า “ผมอาจจะเสียใจกับผลการแข่งขันที่เกิดขึ้น ขออนุญาตยังไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้ ขอกลับไปคุยกันก่อน เราทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่าโค้ชโจเป็นคนแบบไหน ผมแค่รู้สึกว่าอยากเห็นสโมสรบ้านเกิดที่ผมกลับมาทำให้ดีขึ้น แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นอย่างที่คิด ตอนนี้อาจจะยังไม่พูดอะไรเยอะ จะกลับไปคิดทบทวนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร และจะทำอะไรต่อไปได้บ้าง”

โค้ชโจยังเปิดเผยอีกว่า “ปัญหาอาจจะอยู่ที่ตัวผมเอง ที่ไม่สามารถทำให้ทีมดีขึ้นได้ ไม่ใช่ปัญหาที่จุดอื่น ไม่ใช่นักบอล หรือบอร์ดบริหาร เราเห็นแล้วว่าพวกเขาคาดหวังที่จะจบอันดับดีๆ พวกเขาเสริมทีมขนาดนี้ ต้องใช้เงินลงทุนมากมาย เราไม่ควรมีผลงาน 5 นัด 2 แต้ม มันชัดเจนว่าเราทำได้ไม่ดี ไม่พอ”

โค้ชโจ ยอมรับตัวเองไม่ดีพอ หลังพา ชลบุรี ออกสตาร์ต 5 นัดย่ำแย่ ในไทยลีก

สถานการณ์ของ “ฉลามชล” ชลบุรี เอฟซี ในศึกไทยลีกฤดูกาลนี้ กำลังอยู่ในช่วงที่ยากลำบากอย่างยิ่ง หลังจากการออกสตาร์ตที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ทำให้เกิดคำถามมากมายเกี่ยวกับอนาคตของทีมและตัวกุนซือเอง

โค้ชโจ กับความรับผิดชอบต่อผลงานของ ชลบุรี

การยอมรับของ โค้ชโจ ยอมรับตัวเองไม่ดีพอ หลังพา ชลบุรี ออกสตาร์ต 5 นัดย่ำแย่ ในไทยลีก แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบและความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขสถานการณ์ ถึงแม้ว่าผลงานจะไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง แต่ความตั้งใจที่จะพาทีมกลับมาสู่เส้นทางที่ถูกต้องยังคงมีอยู่

  • การบ้านที่ต้องทำ: โค้ชโจต้องกลับไปทบทวนแทคติก, การวางแผน และการบริหารจัดการทีม
  • การปรับปรุงทีม: ต้องมีการพูดคุยกับนักเตะ, ทีมงาน และบอร์ดบริหาร เพื่อหาทางออกร่วมกัน
  • ความเชื่อมั่น: สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักเตะและแฟนบอล ว่าทีมจะสามารถกลับมาแข็งแกร่งได้อีกครั้ง

แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ด้วยความมุ่งมั่นและความพยายามอย่างต่อเนื่อง โค้ชโจ ยอมรับตัวเองไม่ดีพอ หลังพา ชลบุรี ออกสตาร์ต 5 นัดย่ำแย่ ในไทยลีก จะต้องสามารถนำพา ชลบุรี เอฟซี กลับมาสู่ฟอร์มที่ดีได้ในที่สุด

ผลงานของ โค้ชโจ ยอมรับตัวเองไม่ดีพอ หลังพา ชลบุรี ออกสตาร์ต 5 นัดย่ำแย่ ในไทยลีก จะเป็นอย่างไรต่อไป คงต้องติดตามดูกันอย่างใกล้ชิด แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ ความทุ่มเทและความมุ่งมั่นของเขาที่มีต่อสโมสรบ้านเกิดนั้น ไม่เคยลดน้อยลงเลย

เครดิตภาพ – Chonburi Football Club

ที่มา – โค้ชโจ ยอมรับตัวเองไม่ดีพอ หลังพา ชลบุรี ออกสตาร์ต 5 นัดย่ำแย่ ในไทยลีก

พลังกาญจน์ฯ เผยมีเอเยนต์เสนออดีตแข้งลิเวอร์พูล

นพ.ประวัติ กิจธรรมกูลนิจ ประธานสโมสร พลังกาญจน์ เอฟซี น้องใหม่ในศึก ฟุตบอล บีวายดี ซีไลออน ซิกส์ ลีกหนึ่ง 2025/26 ออกมาเผยว่าแม้ตอนนี้ตลาดนักเตะจะปิดไปแล้ว แต่ยังมีเอเยนต์นักฟุตบอล ส่งนักเตะมาให้พิจารณาไม่หยุด ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นอดีตนักเตะของ ลิเวอร์พูล แชมป์พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ฤดูกาลก่อน

นพ.ประวัติ ได้โพสต์ข้อความว่า “ตลาดปิดแล้ว เอเย่นยังส่งนักเตะไม่หยุด แต่ละตัว นาบี เกอีต้า, จอดอน ไอป์, จอนโจ เชลวี่ แหม่ๆๆๆๆ”

โดย นาบี เกอิตา กองกลางทีมชาติกินี วัย 30 ปี เคยเล่นให้กับลิเวอร์พูล ระหว่างปี 2018-2023 ปัจจุบันค้าแข้งกับ แวร์เดอร์ เบรเมน แต่ฤดูกาลนี้ถูกปล่อยยืมไป เฟเรนซ์วารอส ทีมในลีกสูงสุดของฮังการี

ขณะที่ จอร์ดอน ไอบ์ ปีกชาวอังกฤษ วัย 29 ปี ค้าแข้งกับลิเวอร์พูล ระหว่างปี 2013-2016 ปัจจุบันเล่นอยู่กับสโมสร ฮังเกอร์ฟอร์ด ทาวน์ ในลีกล่างของอังกฤษ

และรายที่ 3 จอนโจ เชลวีย์ อดีตกองกลางทีมชาติอังกฤษ วัย 33 ปี เล่นกับลิเวอร์พูล ช่วงปี 2010-2013 เพิ่งแยกทางกับ เบิร์นลีย์ ในปีล่าสุดและยังไม่มีต้นสังกัด

สำหรับ พลังกาญจน์ เอฟซี เป็นทีมที่สร้างความฮือฮาด้วยการดึงตัวแข้งต่างชาติที่มีดีกรีค้าแข้งกับทีมดังเข้าสู่ทีมโดยเฉพาะของ แอนดรอส ทาวน์เซนด์ อดีตแข้งทีมชาติอังกฤษ ที่ลงเล่นอยู่กับหลายทีมดังในพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ

พลังกาญจน์ เผยมีเอเยนต์เสนอให้เซ็นอดีตแข้ง ลิเวอร์พูล 3 ราย แต่ตลาดปิดแล้ว

ข่าวการที่พลังกาญจน์ เอฟซี ได้รับการเสนอชื่อนักเตะอดีตแข้งลิเวอร์พูลถึง 3 ราย แม้ตลาดซื้อขายจะปิดไปแล้ว สร้างความฮือฮาในวงการฟุตบอลไทยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงดีกรีของนักเตะที่ถูกเสนอชื่อเข้ามา ซึ่งล้วนแต่เคยมีประสบการณ์ในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

การที่ทีมระดับ พลังกาญจน์ เอฟซี ได้รับความสนใจจากเอเยนต์นักเตะในการเสนอชื่อนักเตะระดับนี้ แสดงให้เห็นถึงความน่าสนใจและความทะเยอทะยานของสโมสรในการยกระดับทีมให้สูงขึ้นไปอีกขั้น แม้ว่าตลาดนักเตะจะปิดไปแล้ว แต่การมีข่าวเช่นนี้ก็เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า พลังกาญจน์ เอฟซี พร้อมที่จะลงทุนและพัฒนาทีมอย่างต่อเนื่อง

ใครคืออดีตแข้งลิเวอร์พูลที่ถูกเสนอชื่อให้พลังกาญจน์?

นักเตะที่ถูกเอเยนต์เสนอชื่อให้กับ พลังกาญจน์ เอฟซี ประกอบด้วย นาบี เกอิตา, จอร์ดอน ไอบ์ และ จอนโจ เชลวีย์ ซึ่งแต่ละคนก็มีประสบการณ์และความสามารถที่แตกต่างกันไป นาบี เกอิตา เป็นกองกลางที่มีความสามารถในการขับเคลื่อนเกมสูง จอร์ดอน ไอบ์ เป็นปีกที่มีความเร็วและความคล่องตัว ส่วน จอนโจ เชลวีย์ เป็นกองกลางที่มีความแม่นยำในการจ่ายบอลและลูกตั้งเตะ

ถึงแม้ว่าขณะนี้ยังไม่มีความแน่นอนว่า พลังกาญจน์ เอฟซี จะตัดสินใจเซ็นสัญญากับนักเตะคนใดคนหนึ่งหรือไม่ แต่การมีข่าวเช่นนี้ก็ถือเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นสำหรับแฟนบอลของ พลังกาญจน์ เอฟซี และวงการฟุตบอลไทยโดยรวม

การที่ พลังกาญจน์ เอฟซี ได้รับการเสนอชื่อนักเตะจากเอเยนต์ แม้ตลาดจะปิดแล้ว แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาทีมอย่างต่อเนื่อง และเป็นการสร้างความคาดหวังให้กับแฟนบอลว่าทีมจะมีผลงานที่ดีขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน การเซ็นสัญญาอดีตแข้งลิเวอร์พูล อาจเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและสร้างความแตกต่างให้กับทีมได้

โดยรวมแล้ว ข่าวการที่ พลังกาญจน์ เผยมีเอเยนต์เสนอให้เซ็นอดีตแข้ง ลิเวอร์พูล 3 ราย แต่ตลาดปิดแล้ว ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจและเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการพัฒนาฟุตบอลไทย การที่ทีมระดับลีกรองกล้าที่จะลงทุนและดึงดูดนักเตะที่มีประสบการณ์ในระดับสูง จะช่วยยกระดับมาตรฐานของลีกและสร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนบอลอย่างแน่นอน หวังว่าเราจะได้เห็นดีลที่น่าสนใจเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้

ที่มา – พลังกาญจน์ เผยมีเอเยนต์เสนอให้เซ็นอดีตแข้ง ลิเวอร์พูล 3 ราย แต่ตลาดปิดแล้ว