ด่วน! ดีเอสไอ บุกตึก ซิโน-ไทย สอบปากคำผู้ถือหุ้น
ดีเอสไอ บุกตึก ซิโน-ไทย สอบปากคำ 2 ผู้ถือหุ้นชาวไทย ที่มาการทำธุรกิจ เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับเครือข่ายบริษัท ปรินซ์ โฮลดิ้ง ของนาย เฉิน จื้อ หรือไม่
เมื่อวันที่ 24 ต.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีบริษัท ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ถูกตั้งข้อสังเกตว่า อาจเชื่อมโยงกับเครือข่ายบริษัท ปรินซ์ โฮลดิ้ง กรุ๊ป (Prince Holding Group) ซึ่งมี นายเฉิน จื้อ หรือ วินเซนต์ ชาวอังกฤษเชื้อสายกัมพูชา วัย 37 ปี ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัทฯ ซึ่งถูกทางการสหรัฐกล่าวหาในคดีฉ้อโกงและฟอกเงิน จากการดำเนินศูนย์สแกมเมอร์โดยใช้แรงงานบังคับในประเทศกัมพูชา

ต่อมามีรายงานชี้แจงว่า บริษัท ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ที่เช่าอาคาร Sino-Thai Tower ทำสัญญาเช่าระหว่างวันที่ 1 ต.ค.66-30 ก.ย.69 ประกอบธุรกิจนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์ และเป็นคนละบริษัทโดยสิ้นเชิง กับกลุ่มที่ถูกสหรัฐอายัดทรัพย์ นายเฉิน จื้อ รวมทั้งไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับการเช่าตึกอาคาร ซิโน-ไทย หรือเจ้าของอาคาร Sino-Thai Tower

ขณะที่ บริษัท เอช ที อาร์ จำกัด ที่ให้ บริษัท ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เช่าตึก อาคาร ซิโน-ไทย ทาวเวอร์ ชี้แจงว่า บริษัท เอช ที อาร์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ โดยให้บริการด้านการให้เช่า ให้บริการและดูแลอาคารสำนักงาน ในนาม ซิโนไทย ทาวเวอร์ ในฐานะผู้ให้เช่า

ซึ่งบริษัท ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เช่าพื้นที่สำนักงานอยู่ชั้น 7 ของอาคาร เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ให้บริการลูกค้าภายในไทยเท่านั้น จึงยืนยันว่า บริษัทฯ ไม่เกี่ยวข้องกับการทุจริตและการคอร์รัปชั่นทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นทั้งทางตรงหรือทางอ้อม ตามที่รายงานข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้า เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 24 ต.ค.68 ที่อาคารซิโนไทย ทาวเวอร์ ถนนสุขุมวิท 21 (ซอยอโศก) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) นำโดย ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ ผอ.กองกิจการอำนวยความยุติธรรม โดยกองกิจการยุติธรรม คณะพนักงานสืบสวนเรื่องที่ 134/2568
พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เดินทางเข้าพบผู้ถือหุ้น บริษัท ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (Prince International) เพื่อบันทึกการสอบปากคำ และรับมอบพยานเอกสารตามที่ผู้ถือหุ้นประสงค์ให้ความร่วมมือชี้แจงต่อดีเอสไอ
สำหรับกระบวนการสอบปากคำพยานกับผู้ถือหุ้นบริษัท ปรินซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (Prince International) นั้น คณะพนักงานสืบสวน กองกิจการอำนวยความยุติธรรม จะได้สอบปากคำผู้ถือหุ้นชาวไทย 2 ราย ได้แก่ 1.นายปริตวาทย์ และ 2.นายวุฒิชัย ซึ่งจะสอบถามเกี่ยวกับที่มาที่ไปของการประกอบธุรกิจดังกล่าว
และที่ผ่านมาผลประกอบการเป็นอย่างไรบ้าง รวมถึงกรณีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับเครือข่ายบริษัท ปรินซ์ โฮลดิ้ง กรุ๊ป (Prince Holding Group) หรือไม่ อย่างไร และในบรรดาผู้ถือหุ้นทั้งหมด มีใครไปถือหุ้นในบริษัทอื่นหรือไม่ เป็นบริษัทใดบ้าง
ซึ่งถ้าหากผู้ถือหุ้นรายใดให้การว่า “ตนเกี่ยวข้องกับบริษัท ปรินซ์ โฮลดิ้ง กรุ๊ป” หรือ “ให้การว่าตนไม่เกี่ยวข้องกับบริษัท ปรินซ์ โฮลดิ้ง กรุ๊ป” คณะพนักงานสืบสวนก็จะบันทึกคำให้การไว้ทั้งหมด เพราะบุคคลมีสิทธิ์จะให้การอย่างไรก็ได้ เช่น ถ้าบอกว่า “เคยเกี่ยวข้องกับบริษัท ปรินซ์ โฮลดิ้ง กรุ๊ป” พนักงานสืบสวนก็จะได้สอบถามต่อว่า “เกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง จากธุรกิจใด เกิดขึ้นในห้วงเวลาใดบ้าง
และตอนนี้ยังร่วมธุรกิจกันอยู่หรือไม่ ได้ไปเป็นเครือด้วยกันหรือไม่“ เป็นต้น ส่วนถ้าหากผู้ถือหุ้นต้องการมอบพยานเอกสารใดแก่ดีเอสไอเพื่อประกอบคำให้การ ทางดีเอสไอก็ยินดีรับนำไปพิจารณาในสำนวนการสืบสวน
ทั้งนี้ บริษัท ปรินซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 1 ก.ย.65 ทุนปัจจุบัน 2 ล้านบาท ประกอบธุรกิจนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ปรากฏชื่อนายหวัง ยู่ ถัง สัญชาติจีน (ไต้หวัน) เป็นกรรมการรายเดียว นำส่งรายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุดเมื่อวันที่ 30 เม.ย.68 พบว่า นายหวัง ยู่ ถัง ถือหุ้นใหญ่สุด 49% ส่วนผู้ถือหุ้นชาวไทยอีก 3 ราย ได้แก่ นายพิภพ ถือหุ้น 21% นายปริตวาทย์ ถือหุ้น 20% นายวุฒิชัย ถือหุ้น 10%
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 8 ก.ย.66 บริษัทแจ้งเพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิมในปี 2565 จำนวน 1 ล้านบาท เพิ่มเป็น 2 ล้านบาท ขณะที่นายหวัง ยู่ ถัง เพิ่งเข้ามาเป็นกรรมการเมื่อวันที่ 5 ก.ย.66 และนายวุฒิชัย เข้ามาเป็นกรรมการเมื่อวันที่ 10 เม.ย.67 แต่ปัจจุบัน นายวุฒิชัย ยุติการเป็นกรรมการบริษัทแล้ว เหลือแค่นายหวัง ยู่ ถัง เป็นกรรมการรายเดียว
ขณะเดียวกันวัตถุประสงค์การทำธุรกิจของบริษัทเมื่อปี 2565 ซึ่งปรากฏผ่านงบการเงิน พบว่า บริษัทแห่งนี้ ประกอบกิจการขายสินค้าตามวัตถุที่ประสงค์จากประเทศญี่ปุ่น เช่น เครื่องประดับ เครื่องนุ่งห่ม อาหารแห้ง เสื้อผ้า เป็นต้น แต่ในปี 2566 แจ้งเปลี่ยนเป็นการขายปลีกสินค้าอื่นๆ ในร้านค้าทั่วไป
จากนั้นเมื่อวันที่ 13 ส.ค.67 เปลี่ยนเป็นกิจกรรมของตัวแทนและนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ โดยได้รับค่าตอบแทนหรือตามสัญญาจ้าง กระทั่งวันที่ 15 มิ.ย.68 เปลี่ยนประเภทธุรกิจเป็นนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ และบริษัทนำส่งงบการเงิน 3 ปีย้อนหลัง ดังนี้
-งบการเงินปี 2565 แจ้งมีสินทรัพย์รวม 1,006,266 บาท หนี้สินรวม 44,000 บาท มีรายได้รวม 6,266 บาท รายจ่ายรวม 44,000 บาท ขาดทุนสุทธิ 37,733 บาท
-งบการเงินปี 2566 แจ้งมีสินทรัพย์รวม 729,345 บาท หนี้สินรวม 18,888 บาท รายได้รวม 10,000 บาท รายจ่ายรวม 1,261,810 บาท ขาดทุนสุทธิ 1,251,810 บาท
-งบการเงินปี 2567 แจ้งมีสินทรัพย์รวม 1,521,851 บาท หนี้สินรวม 5,096,157 บาท รายได้รวม 858,415 บาท รายจ่ายรวม 5,072,286 บาท ขาดทุนสุทธิ 4,284,763 บาท
ด่วน! ดีเอสไอ บุกตึก ซิโน-ไทย สอบปากคำผู้ถือหุ้น
ล่าสุด ดีเอสไอได้เข้าบุกตึก ซิโน-ไทย เพื่อสอบปากคำผู้ถือหุ้น กรณีที่อาจมีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายบริษัท ปรินซ์ โฮลดิ้ง ของนาย เฉิน จื้อ ซึ่งเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจอย่างมาก การสอบสวนนี้มีเป้าหมายเพื่อตรวจสอบที่มาที่ไปของการประกอบธุรกิจ และความสัมพันธ์กับบริษัทดังกล่าวอย่างละเอียด
ทำไมดีเอสไอถึงบุกตึก ซิโน-ไทย สอบปากคำผู้ถือหุ้น?
การเข้าสอบปากคำผู้ถือหุ้นของบริษัท ปรินซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ที่ตึก ซิโน-ไทย ครั้งนี้ เพื่อตรวจสอบความเกี่ยวข้องกับเครือข่ายบริษัท ปรินซ์ โฮลดิ้ง กรุ๊ป ซึ่งถูกกล่าวหาในคดีฉ้อโกงและฟอกเงิน การตรวจสอบนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในวงกว้าง
การที่ ดีเอสไอ บุกตึก ซิโน-ไทย สอบปากคำผู้ถือหุ้นครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการตรวจสอบและดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิดอย่างจริงจัง แม้ว่าบริษัท ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จะยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต แต่การสอบสวนอย่างละเอียดก็เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อความโปร่งใสและความยุติธรรม
การตรวจสอบข้อมูลทางการเงินและเส้นทางการทำธุรกิจ จะช่วยให้ทราบถึงความเชื่อมโยงที่แท้จริง และนำไปสู่การดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องได้อย่างถูกต้อง การบุกเข้าสอบปากคำผู้ถือหุ้นที่ตึก ซิโน-ไทย จึงเป็นขั้นตอนสำคัญในการสืบสวนคดีนี้
ที่มา – ด่วน! ดีเอสไอ บุกตึก ซิโน-ไทย สอบปากคำ 2 ผู้ถือหุ้นชาวไทย ปริ้นซ์ อินเตอร์ฯ โยง เฉินจื้อ


