ข่าวต่างประเทศ

สนามบินมิวนิกเปิดแล้ว! หลังโดรนป่วนยกเลิก 17 เที่ยวบิน

สนามบินมิวนิกเปิดแล้ว! หลังโดรนป่วนยกเลิก 17 เที่ยวบิน ที่เยอรมนีได้กลับมาเปิดให้บริการตามปกติแล้ววันนี้ (3 ต.ค.) หลังจากต้องปิดสนามบินตลอดคืนเพราะมีผู้พบเห็นโดรนหลายครั้ง เหตุการณ์นี้ทำให้เที่ยวบินหลายสิบเที่ยวต้องถูกยกเลิกและเปลี่ยนเส้นทาง และยังสร้างความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับความปลอดภัยของโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในยุโรป

สนามบินกลับมาให้บริการได้อีกครั้งในช่วงเช้ามืดวันศุกร์ โดยเที่ยวบินแรกซึ่งมาจากกรุงเทพฯ ลงจอดเมื่อเวลาประมาณ 5:25 น. ทางสนามบินเปิดเผยว่า การสั่งระงับควบคุมจราจรทางอากาศเมื่อค่ำวันพฤหัสบดี (2 ต.ค.) ทำให้ต้องยกเลิกเที่ยวบินไป 17 เที่ยว ส่งผลกระทบต่อผู้โดยสารเกือบ 3,000 คน ส่วนเที่ยวบินขาเข้าอีก 15 เที่ยวก็ต้องเปลี่ยนไปลงจอดที่เมืองอื่นแทน เช่น ชตุทการ์ท นูเรมเบิร์ก และแฟรงก์เฟิร์ต

โฆษกตำรวจให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์บิลด์ (Bild) ว่า มีคนเห็นโดรนหลายลำบินอยู่เหนือสนามบินในช่วงค่ำ และเสริมว่าเพราะเป็นเวลากลางคืนและมืดมาก จึงไม่สามารถระบุขนาดหรือชนิดของโดรนได้

เหตุการณ์วุ่นวายที่มิวนิกครั้งนี้เกิดขึ้นต่อเนื่องจากกรณีคล้ายกันที่เดนมาร์กและนอร์เวย์ ซึ่งสนามบินของทั้งสองประเทศก็เพิ่งปิดชั่วคราวเมื่อสัปดาห์ก่อนเพราะถูกโดรนบุกรุกน่านฟ้าเช่นกัน จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ในการประชุมสุดยอดเมื่อวันพุธ (1 ต.ค.) บรรดาผู้นำสหภาพยุโรปได้เห็นชอบแผนเสริมความแข็งแกร่งด้านการป้องกันโดรนของกลุ่มประเทศสมาชิก

“ยุโรปต้องป้องกันตัวเองได้” เมตเต เฟรเดอริกเซน นายกรัฐมนตรีเดนมาร์ก กล่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุม

แม้ทางการจะยังไม่ชี้ชัดว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุที่มิวนิก แต่เจ้าหน้าที่ยุโรปบางส่วนตั้งข้อสังเกตว่า รัสเซียอาจอยู่เบื้องหลังการก่อกวนครั้งอื่น ๆ ที่ผ่านมา

“รัสเซียพยายามทดสอบเรา และในขณะเดียวกันก็พยายามสร้างความแตกแยกและความวิตกกังวลในสังคมของเรา” เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป กล่าวเมื่อวันพุธ

ขณะที่เมื่อวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ได้กล่าวเชิงติดตลกว่าจะไม่ส่งโดรนไปบินเหนือเดนมาร์กอีก อย่างไรก็ตาม รัฐบาลรัสเซียยังคงปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทั้งหมด

เหตุการณ์ป่วนสนามบินครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียดในเมืองมิวนิกตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากเทศกาลเบียร์อ็อกโทเบอร์เฟสต์อันโด่งดังเพิ่งถูกสั่งปิดชั่วคราวจากการขู่วางระเบิด ประกอบกับมีการค้นพบวัตถุระเบิดในอาคารที่พักอาศัยทางตอนเหนือของเมืองด้วย

สนามบินมิวนิกเปิดแล้ว! หลังโดรนป่วนยกเลิก 17 เที่ยวบิน

ล่าสุด สนามบินมิวนิกเปิดแล้ว! หลังโดรนป่วนยกเลิก 17 เที่ยวบิน ส่งผลกระทบต่อการเดินทางของผู้โดยสารจำนวนมาก เหตุการณ์นี้เป็นเครื่องเตือนใจถึงความสำคัญของการรักษาความปลอดภัยของสนามบินและโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญอื่นๆ

ผลกระทบจากเหตุการณ์ สนามบินมิวนิกเปิดแล้ว! หลังโดรนป่วนยกเลิก 17 เที่ยวบิน

เหตุการณ์ที่ สนามบินมิวนิกเปิดแล้ว! หลังโดรนป่วนยกเลิก 17 เที่ยวบิน ทำให้เกิดผลกระทบอย่างมากต่อผู้โดยสารที่ต้องเดินทางผ่านสนามบินมิวนิก เที่ยวบินถูกยกเลิกและเปลี่ยนเส้นทาง ทำให้ผู้โดยสารจำนวนมากต้องตกค้างและเสียเวลาในการเดินทาง นอกจากนี้ เหตุการณ์นี้ยังส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของสนามบินมิวนิกอีกด้วย

เหตุการณ์โดรนรบกวนการดำเนินงานของสนามบินมิวนิกเป็นบทเรียนสำคัญที่ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย เพื่อป้องกันเหตุการณ์ในลักษณะนี้ไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต การใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการตรวจจับและสกัดกั้นโดรน รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวด จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าสนามบินและโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญอื่นๆ จะปลอดภัยจากภัยคุกคามจากโดรน

ที่มา – สนามบินมิวนิกกลับมาเปิดแล้ว หลังเจอโดรนป่วนจนต้องยกเลิก 17 เที่ยวบิน

ชาวมาเลเซียประท้วงหน้าสถานทูตสหรัฐฯ จี้ทรัมป์บีบอิสราเอล

ชาวมาเลเซียประท้วงหน้าสถานทูตสหรัฐฯ จี้ทรัมป์บีบอิสราเอลเปิดทางเรือช่วยเหลือกาซา กลายเป็นประเด็นร้อนแรงเมื่อชาวมาเลเซียหลายพันคนออกมาประท้วงด้านนอกสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อเรียกร้องให้สหรัฐฯ เร่งกดดันอิสราเอลให้ยอมเปิดทางให้กองเรือบรรทุกความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปยังฉนวนกาซา

การประท้วงครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่เพิ่มขึ้นต่อการที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ มีกำหนดการเดินทางมายังมาเลเซียในเดือนนี้ เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)

กองทัพเรืออิสราเอลได้เข้าสกัดกั้นเรือหลายลำในขบวนเรือ “โกลบอล ซูมูด โฟลทิลลา” (Global Sumud Flotilla หรือ GSF) ขณะกำลังเดินทางเข้าสู่ชายฝั่งกาซาในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยมีการควบคุมตัวผู้โดยสารทั้งหมดไปยังท่าเรือของอิสราเอล

สำนักข่าวเบอร์นามารายงานว่า กลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องให้สหรัฐฯ กดดันอิสราเอลให้ยอมเปิดทางให้กองเรือเหล่านี้สามารถนำความช่วยเหลือไปยังชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา และปล่อยตัวผู้ที่อยู่บนกองเรือดังกล่าว ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศมาเลเซียระบุว่า ชาวมาเลเซีย 23 คนที่อยู่บนเรือเหล่านั้นถูกอิสราเอลควบคุมตัว

ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซียเปิดเผยว่า ทางกระทรวงได้รับข้อมูลว่าผู้ที่ถูกควบคุมตัวทั้งหมดบนเรือปลอดภัยและมีสุขภาพดี และจะถูกส่งตัวกลับไปยังประเทศที่ 3 โดยรัฐบาลจะยังคงดำเนินการเพื่อปกป้องความปลอดภัยของชาวมาเลเซียในต่างประเทศต่อไป

เดิมทีนั้น แผนการของปธน.ทรัมป์ที่จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ถูกมองว่าเป็นการส่งเสริมทั้งกลุ่มอาเซียนและมาเลเซียซึ่งเป็นเจ้าภาพ แต่ขณะนี้ประชาชนจำนวนมากในมาเลเซียซึ่งมีความกังวลอยู่แล้วเกี่ยวกับสงครามในฉนวนกาซา ต่างก็รู้สึกโกรธเคืองจากข่าวการควบคุมตัวนักกิจกรรมบนเรือบรรทุกความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม

รายงานระบุว่า พรรคพีเอเอส (PAS) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านที่ใหญ่ที่สุดของมาเลเซียกำลังวางแผนจัดการชุมนุมครั้งใหญ่ หากทรัมป์เดินทางมาเยือน เพื่อประท้วงการที่สหรัฐฯ สนับสนุนอิสราเอล ขณะที่มหาธีร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้เรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกคำเชิญทรัมป์ เนื่องจากมองว่าทรัมป์เป็นผู้สนับสนุนอิสราเอลในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์

ขณะที่อิสราเอลมองว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของกองเรือดังกล่าวคือการยั่วยุ โดยกองกำลังป้องกันประเทศอิสราเอลระบุว่า มีหลักฐานว่ากองเรือเหล่านี้ได้รับเงินสนับสนุนจากกลุ่มฮามาส

มาเลเซียจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 47 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ในวันที่ 26-28 ต.ค. โดยอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียระบุว่า ปธน.ทรัมป์ได้ยืนยันการเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ ขณะเดียวกันมีการคาดการณ์ว่านเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย จะเข้าร่วมการประชุมเช่นกัน

ทั้งนี้ มีการคาดการณ์กันว่า หลังจากปธน.ทรัมป์เสร็จสิ้นการประชุมสุดยอดอาเซียน เขาจะเดินทางต่อไปยังเกาหลีใต้เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือเอเปก (APEC) ที่เมืองคยองจูในวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.

ชาวมาเลเซียประท้วงหน้าสถานทูตสหรัฐฯ จี้ทรัมป์บีบอิสราเอลเปิดทางเรือช่วยเหลือกาซา

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงความตึงเครียดและความขัดแย้งที่ยังคงคุกรุ่นในตะวันออกกลาง รวมถึงความเห็นต่างและการแสดงออกทางการเมืองในระดับนานาชาติ การที่ชาวมาเลเซียประท้วงหน้าสถานทูตสหรัฐฯ จี้ทรัมป์บีบอิสราเอลเปิดทางเรือช่วยเหลือกาซา เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึงจุดยืนของประชาชนชาวมาเลเซียต่อประเด็นดังกล่าว

ทำไมชาวมาเลเซียถึงประท้วงหน้าสถานทูตสหรัฐฯ จี้ทรัมป์บีบอิสราเอลเปิดทางเรือช่วยเหลือกาซา?

การประท้วงเกิดขึ้นจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซา และความเชื่อมั่นว่าสหรัฐฯ มีบทบาทสำคัญในการกดดันให้อิสราเอลเปิดทางให้ความช่วยเหลือเข้าไปถึงประชาชนชาวปาเลสไตน์ได้

สิ่งที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่าประเด็นความขัดแย้งในตะวันออกกลางส่งผลกระทบต่อความรู้สึกและความคิดเห็นของผู้คนทั่วโลก รวมถึงในมาเลเซีย การที่ประชาชนออกมาแสดงออกอย่างสันติวิธีเป็นสิ่งที่ควรได้รับการรับฟังและเคารพ

เหตุการณ์นี้ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเจรจาและการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมสามารถเข้าถึงผู้ที่ต้องการได้อย่างแท้จริง และเพื่อสร้างสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค

การที่ชาวมาเลเซียออกมาแสดงออกถึงความกังวลและความห่วงใยต่อสถานการณ์ในฉนวนกาซา สะท้อนให้เห็นถึงจิตสำนึกของความเป็นมนุษย์และความปรารถนาที่จะเห็นสันติภาพเกิดขึ้นในโลกใบนี้ ท่าทีของนานาชาติจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน

ที่มา – ชาวมาเลเซียประท้วงหน้าสถานทูตสหรัฐฯ จี้ทรัมป์บีบอิสราเอลเปิดทางเรือช่วยเหลือกาซา

ร้านค้าปลีกญี่ปุ่นขาดแคลนเบียร์อาซาฮี: เหตุผลคือ?

เกิดอะไรขึ้นกับเบียร์อาซาฮีสุดฮิตในญี่ปุ่น? หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมช่วงนี้ถึงหาร้านค้าปลีกญี่ปุ่นขาดแคลนเบียร์อาซาฮี Super Dry ซึ่งเป็นที่นิยมกันนัก นั่นก็เป็นเพราะว่าบริษัทอาซาฮี กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ผู้ผลิต ต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่ นั่นก็คือการถูกโจมตีทางไซเบอร์ ทำให้การผลิตและการจัดจำหน่ายหยุดชะงักไปชั่วคราว

เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อร้านสะดวกซื้อชื่อดังอย่าง 7-Eleven, Lawson และ FamilyMart ที่เริ่มแจ้งลูกค้าว่าอาจเกิดการร้านค้าปลีกญี่ปุ่นขาดแคลนเบียร์อาซาฮี และสินค้าอื่นๆ ของอาซาฮีได้ โดยบางสาขาของ 7-Eleven ถึงกับขึ้นป้ายประกาศงดส่งเบียร์อาซาฮีเลยทีเดียว

ทางบริษัทอาซาฮีได้ออกแถลงการณ์ว่า ต้องเลื่อนการเปิดตัวสินค้าใหม่ถึง 12 รายการ เนื่องจากระบบคอมพิวเตอร์ล่มจากการโจมตีด้วยมัลแวร์เรียกค่าไถ่ หรือ ransomware ตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา และขณะนี้ได้แจ้งความกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสอบสวนแล้ว

ร้านค้าปลีกญี่ปุ่นขาดแคลนเบียร์อาซาฮี

การโจมตีทางไซเบอร์ครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อระบบการสั่งซื้อและการจัดส่งสินค้าของบริษัทในเครืออาซาฮีในญี่ปุ่น ทำให้ต้องระงับการดำเนินการชั่วคราว เจ้าหน้าที่ของอาซาฮีเองก็ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะสามารถกู้คืนระบบให้กลับมาเป็นปกติได้เมื่อใด และในบางสาขาต้องเปลี่ยนมาใช้ระบบ manual แทนระบบอัตโนมัติไปก่อน

อย่างไรก็ตาม ทางอาซาฮียืนยันว่า ผลกระทบจากการโจมตีจำกัดอยู่เฉพาะการดำเนินงานในญี่ปุ่นเท่านั้น และยังไม่มีข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลลูกค้ารั่วไหลออกไป

เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าบริษัทญี่ปุ่น รวมถึง supply chain ด้านโลจิสติกส์และดิจิทัลที่ซับซ้อน มีความเปราะบางต่อการโจมตีทางไซเบอร์เพียงครั้งเดียว ซึ่งอาจส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ตั้งแต่โรงงานไปจนถึงชั้นวางสินค้าในร้านสะดวกซื้อ

ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับระยะเวลาในการกู้คืนระบบ ส่งผลให้หุ้นของอาซาฮีร่วงลงถึง 12% ในสัปดาห์นี้ ซึ่งอาซาฮีถือเป็นคู่แข่งสำคัญของ Kirin Holdings และ Suntory Beverage & Food ในตลาดญี่ปุ่นที่มีการแข่งขันสูง

ผลกระทบต่อร้านอาหารและผู้บริโภคจากร้านค้าปลีกญี่ปุ่นขาดแคลนเบียร์อาซาฮี

เชนร้านอาหารบางแห่งเปิดเผยว่า อาจต้องเปลี่ยนไปใช้เบียร์ของ Suntory, Kirin หรือแบรนด์อื่นๆ หากสินค้าคงคลังของอาซาฮีหมดลง ซึ่งแน่นอนว่าการร้านค้าปลีกญี่ปุ่นขาดแคลนเบียร์อาซาฮี จะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคที่ชื่นชอบเบียร์อาซาฮีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

สำหรับใครที่กำลังมองหาเบียร์อาซาฮีในช่วงนี้ อาจจะต้องลองสอบถามกับทางร้านค้าปลีกดูก่อน หรือลองมองหาเบียร์แบรนด์อื่นๆ ที่มีรสชาติใกล้เคียงกันไปพลางๆ ก่อนก็ได้ครับ

เหตุการณ์นี้เป็นเครื่องเตือนใจให้ทุกองค์กรเห็นถึงความสำคัญของการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ และการเตรียมพร้อมรับมือกับภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

ที่มา – ร้านค้าปลีกญี่ปุ่นขาดแคลนเบียร์ หลัง “อาซาฮี” ถูกโจมตีทางไซเบอร์

สภาอาร์เจนตินาล้มวีโต้ “มิเลย์” สะเทือนก่อนเลือกตั้ง

สภาอาร์เจนตินาล้มวีโต้ “มิเลย์” ซ้ำสอง สะเทือนคะแนนนิยมก่อนเลือกตั้งกลางเทอม

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (2 ต.ค.) สมาชิกรัฐสภาอาร์เจนตินาลงมติคว่ำคำสั่งวีโต้ 2 ฉบับของประธานาธิบดีฆาบิเอร์ มิเลย์ นับเป็นความพ่ายแพ้ครั้งสำคัญของมิเลย์ ก่อนการเลือกตั้งกลางเทอมวันที่ 26 ต.ค. ซึ่งจะชี้อนาคตนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจของปธน.มิเลย์

วุฒิสภาซึ่งฝ่ายค้านครองเสียงข้างมาก ได้ลงมติอย่างท่วมท้นเพื่อล้มล้างวีโต้ของปธน.มิเลย์ต่อร่างกฎหมายเพิ่มงบประมาณให้มหาวิทยาลัยของรัฐและระบบสาธารณสุขสำหรับเด็ก ด้วยคะแนน 59 ต่อ 7 เสียง และ 58 ต่อ 7 เสียง ตามลำดับ

ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนก.ย. รัฐสภาอาร์เจนตินาเพิ่งล้มล้างวีโต้ของปธน.มิเลย์เป็นครั้งแรก โดยผ่านร่างกฎหมายเพิ่มสวัสดิการแก่ผู้พิการ

สถานการณ์ของปธน.มิเลย์ในขณะนี้ถือว่าเปราะบางอย่างยิ่ง ขณะที่ประเทศกำลังจะมีการเลือกตั้งกลางเทอม อีกทั้งคะแนนนิยมของปธน.มิเลย์ก็กำลังลดลง ท่ามกลางข่าวฉาวเรื่องคอร์รัปชันและความเอือมระอาของประชาชนต่อมาตรการรัดเข็มขัด นอกจากนี้ ปธน.มิเลย์ไม่สามารถสร้างพันธมิตรกับกลุ่มผู้ว่าการรัฐได้ ทั้ง ๆ ที่คนกลุ่มนี้มีอิทธิพลต่อเสียงโหวตของสมาชิกรัฐสภาในพื้นที่ของตน

เมื่อไม่นานมานี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เพิ่งแสดงท่าทีสนับสนุนปธน.มิเลย์ โดยกล่าวว่าจะช่วยสร้างเสถียรภาพให้ตลาดการเงินของอาร์เจนตินา

ผู้นำทั้งสองคาดว่าจะพบปะกันในเดือนต.ค. นี้ ขณะที่ปธน.มิเลย์กำลังพยายามเจรจาข้อตกลงเครดิตสวอป (credit swap line) กับทางสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่าปธน.มิเลย์ยังจำเป็นต้องได้ผลการเลือกตั้งกลางเทอมที่ดี เพื่อรักษาความคืบหน้าในการฟื้นฟูเสถียรภาพทางเศรษฐกิจที่เขาทำไว้ไม่ให้ต้องสั่นคลอน

ผลกระทบจากการที่ สภาอาร์เจนตินาล้มวีโต้ “มิเลย์”

การที่สภาอาร์เจนตินาล้มวีโต้ “มิเลย์” ซ้ำสอง สะเทือนคะแนนนิยมก่อนเลือกตั้งกลางเทอมนั้นส่งผลกระทบอย่างมากต่อสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจของอาร์เจนตินา โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนการเลือกตั้งกลางเทอมที่กำลังจะมาถึง ความพ่ายแพ้ครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความท้าทายที่ประธานาธิบดีฆาบิเอร์ มิเลย์กำลังเผชิญในการผลักดันนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจของเขา

ไม่เพียงเท่านั้น เหตุการณ์นี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความไม่พอใจของประชาชนต่อมาตรการรัดเข็มขัดและความกังวลเกี่ยวกับปัญหาคอร์รัปชันที่เกิดขึ้น การที่สภาอาร์เจนตินาล้มวีโต้ “มิเลย์” ซ้ำสอง สะเทือนคะแนนนิยมก่อนเลือกตั้งกลางเทอม อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ หากผลการเลือกตั้งกลางเทอมไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้

การที่ทรัมป์ให้การสนับสนุนมิเลย์อาจช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นได้บ้าง แต่ก็ยังไม่สามารถชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการที่สภาอาร์เจนตินาล้มวีโต้ “มิเลย์” ซ้ำสอง สะเทือนคะแนนนิยมก่อนเลือกตั้งกลางเทอม ได้ทั้งหมด มิเลย์ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายอีกมากมายในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ

ดังนั้น การเลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตของอาร์เจนตินา และผลการเลือกตั้งจะเป็นตัวกำหนดทิศทางของประเทศต่อไปในอนาคต

ที่มา – สภาอาร์เจนตินาล้มวีโต้ “มิเลย์” ซ้ำสอง สะเทือนคะแนนนิยมก่อนเลือกตั้งกลางเทอม

เวียดนามเดินหน้าขยายสินเชื่อ หนุน GDP ปีนี้

เวียดนามเดินหน้าขยายสินเชื่อ หวังหนุน GDP โตตามเป้า 8.5% ปีนี้

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางเวียดนามเปิดเผยว่า ธนาคารกลางคาดว่าสินเชื่อจะขยายตัว 19-20% ในปีนี้ โดยจะเน้นขับเคลื่อนเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการรักษาเสถียรภาพท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก การผลักดันให้ เวียดนามเดินหน้าขยายสินเชื่อ อย่างต่อเนื่องนี้ เป็นความหวังที่จะทำให้ GDP ของประเทศเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

ฝ่าม จิ กวาง ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายการเงิน กล่าวว่า ธนาคารกลางเวียดนามจะเข้มงวดในการจำกัดการปล่อยสินเชื่อให้แก่ภาคส่วนที่มีความเสี่ยงสูง พร้อมควบคุมไม่ให้หนี้เสียเพิ่มขึ้น สินเชื่อในระบบเพิ่มขึ้น 13.37% ณ วันที่ 29 ก.ย. เมื่อเทียบกับสิ้นปีที่ผ่านมา การควบคุมความเสี่ยงไปพร้อมๆ กับการ เวียดนามเดินหน้าขยายสินเชื่อ เป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่ง

ฝ่าม ทันห์ ฮา รองผู้ว่าการธนาคารกลาง กล่าวในการแถลงข่าวว่า อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์กำลังอยู่ในทิศทางขาลง และเรียกร้องให้ปรับลดลงเพิ่มเติม สถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองโลกในปีนี้ยังคงผันผวน ทั้งจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ความเสี่ยงของสงครามการค้า และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์

ทั้งนี้ เวียดนามตั้งเป้าให้เศรษฐกิจเติบโต 8.3-8.5% ในปีนี้ เร่งตัวจาก 7.09% ในปีก่อน โดยการขยายตัวของสินเชื่อถือเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ดี นักวิชาการชั้นนำได้เตือนสภานิติบัญญัติเวียดนามเมื่อเดือนก่อนว่า การขยายตัวของสินเชื่อที่รวดเร็วเกินไปอาจก่อให้เกิดภาวะฟองสบู่ในราคาสินทรัพย์

ความท้าทายของการขยายสินเชื่อในเวียดนาม

ถึงแม้ว่าการ เวียดนามเดินหน้าขยายสินเชื่อ จะเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ก็มีความท้าทายที่ต้องเผชิญ หนึ่งในความท้าทายที่สำคัญคือการบริหารจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการปล่อยสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น หากไม่มีการควบคุมและกำกับดูแลที่ดี อาจนำไปสู่ปัญหาหนี้เสียที่เพิ่มขึ้น และส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของระบบการเงินได้

นอกจากนี้ การขยายตัวของสินเชื่อที่รวดเร็วเกินไป อาจก่อให้เกิดภาวะฟองสบู่ในราคาสินทรัพย์ ซึ่งจะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจในระยะยาวได้ ดังนั้น ธนาคารกลางเวียดนามจึงต้องมีความระมัดระวังในการดำเนินนโยบายการเงิน และให้ความสำคัญกับการรักษาสมดุลระหว่างการกระตุ้นเศรษฐกิจและการควบคุมความเสี่ยง

อีกหนึ่งความท้าทายคือการกระจายสินเชื่อไปยังภาคส่วนต่างๆ ของเศรษฐกิจอย่างทั่วถึง หากสินเชื่อกระจุกตัวอยู่ในบางภาคส่วนเท่านั้น ก็จะไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น รัฐบาลและธนาคารกลางเวียดนามจึงต้องส่งเสริมให้มีการกระจายสินเชื่อไปยังภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรมขนาดเล็กและขนาดกลาง และภาคบริการ เพื่อให้ทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจสามารถเติบโตไปพร้อมกันได้

โดยรวมแล้ว การ เวียดนามเดินหน้าขยายสินเชื่อ หวังหนุน GDP โตตามเป้า 8.5% ปีนี้ ถือเป็นนโยบายที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของเวียดนาม แต่ก็ต้องมีการบริหารจัดการความเสี่ยงและความท้าทายต่างๆ อย่างรอบคอบ เพื่อให้การขยายตัวของสินเชื่อเป็นไปอย่างยั่งยืน และไม่ก่อให้เกิดปัญหาในระยะยาว

การติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับเวียดนาม เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ตั้งไว้ได้

ที่มา – เวียดนามเดินหน้าขยายสินเชื่อ หวังหนุน GDP โตตามเป้า 8.5% ปีนี้

แอปเปิ้ลถอดแอป ICEBlock: เหตุผลและผลกระทบ

เกิดอะไรขึ้นกับแอปพลิเคชัน ICEBlock ใน App Store? มาเจาะลึกเหตุการณ์ที่ทำให้แอปเปิ้ลตัดสินใจแอปเปิ้ลถอดแอป ICEBlock ออกจากแพลตฟอร์มของตน หลังจากการกดดันจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกา เรื่องราวนี้มีความซับซ้อนกว่าที่เห็น และมีหลายแง่มุมที่น่าสนใจที่เราจะมาพูดคุยกัน

ทำไมแอปเปิ้ลถอดแอป ICEBlock จาก App Store

เมื่อไม่นานมานี้ แอปเปิ้ล อิงค์ (Apple Inc.) ได้ทำการถอดแอปพลิเคชัน ICEBlock และแอปอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกันออกจาก App Store การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯ ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความสามารถของแอปเหล่านี้ในการติดตามความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรของสหรัฐ (ICE) โดยไม่ระบุตัวตน ซึ่งอาจนำไปสู่การคุกคามหรือเป็นอันตรายต่อเจ้าหน้าที่ได้

แรงกดดันจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ, แพม บอนดี, เป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจครั้งนี้ โดยบอนดีกล่าวว่าแอป ICEBlock เป็นภัยคุกคามต่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ ICE ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย เธอเน้นย้ำว่าการกระทำใด ๆ ที่ทำให้เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายตกอยู่ในความเสี่ยงนั้นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่มีความตึงเครียดทางการเมืองสูงเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งเป็นหัวข้อที่ละเอียดอ่อนและมีการโต้เถียงกันอย่างกว้างขวาง การที่แอปเปิ้ลตัดสินใจแอปเปิ้ลถอดแอป ICEBlock จึงเป็นการตอบสนองต่อความกังวลด้านความปลอดภัยที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์ทางการเมืองนี้

เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการถอดแอป ICEBlock

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการโจมตีสำนักงาน ICE ในเมืองดัลลัส โดยมือปืนรายหนึ่งซึ่งมีชื่อว่า โจชัว จาห์น ได้ก่อเหตุสังหารผู้อพยพที่ถูกควบคุมตัว 2 รายและทำให้ผู้อพยพอีก 1 รายได้รับบาดเจ็บ จากการสอบสวนพบว่าผู้อพยพเหล่านี้ได้ทำการค้นหาแอปที่ใช้ติดตามความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ ICE ก่อนเกิดเหตุ

เจ้าหน้าที่ FBI กล่าวว่ามือปืนมีเจตนาที่จะสังหารเจ้าหน้าที่ ICE และเหตุการณ์ดังกล่าวจบลงด้วยการที่มือปืนปลิดชีพตัวเอง เหตุการณ์นี้ยิ่งเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เจ้าหน้าที่ ICE เผชิญอยู่ และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้แอปเปิ้ลตัดสินใจที่จะแอปเปิ้ลถอดแอป ICEBlock ออกจาก App Store

ทางด้านแอปเปิ้ลก็ได้ออกแถลงการณ์เพื่อชี้แจงถึงเหตุผลในการถอดแอปดังกล่าว โดยระบุว่า App Store ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือสำหรับผู้ใช้ในการค้นหาแอปพลิเคชันต่าง ๆ

“เมื่อพิจารณาจากข้อมูลที่เราได้รับจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับ ICEBlock เราจึงได้นำแอปนี้และแอปที่คล้ายกันออกจาก App Store” แถลงการณ์ของแอปเปิ้ลระบุ

ข้อมูลจาก Appfigures ซึ่งเป็นบริษัทติดตามแอปพลิเคชัน แสดงให้เห็นว่าแอป ICEBlock มีจำนวนการดาวน์โหลดมากกว่า 1 ล้านครั้งนับตั้งแต่เปิดตัวในปีนี้ โดยมียอดดาวน์โหลดสูงสุดเกือบ 114,000 ครั้งภายในวันเดียวเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม แสดงให้เห็นถึงความนิยมของแอปนี้ก่อนที่จะถูกถอดออกจาก App Store

การตัดสินใจครั้งนี้ของแอปเปิ้ลเป็นการเน้นย้ำถึงความสำคัญของการพิจารณาถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากแอปพลิเคชันต่าง ๆ ที่มีอยู่ใน App Store และความรับผิดชอบของบริษัทในการปกป้องความปลอดภัยของผู้ใช้งานและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

โดยรวมแล้ว การที่แอปเปิ้ลถอดแอป ICEBlock ออกจาก App Store เป็นการตัดสินใจที่สะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจในความปลอดภัยและความรับผิดชอบต่อสังคมของบริษัท แม้ว่าการตัดสินใจนี้อาจทำให้ผู้ใช้งานบางส่วนไม่พอใจ แต่ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้แอปพลิเคชันในทางที่ผิด

ที่มา – แอปเปิ้ลถอดแอป ICEBlock จาก App Store แล้ว หลังก.ยุติธรรมสหรัฐฯกดดัน หวั่นจนท.ถูกคุกคาม

พบโดรนปริศนาทำสนามบินมิวนิกป่วน ยกเลิก 17 เที่ยวบิน

เกิดเหตุวุ่นวายที่สนามบินมิวนิก ประเทศเยอรมนี เมื่อมีการพบโดรนปริศนาทำสนามบินมิวนิกป่วน ส่งผลให้เที่ยวบินจำนวนมากต้องถูกยกเลิกและเปลี่ยนเส้นทาง สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้โดยสารจำนวนมาก เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำของวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ทำให้หอบังคับการบินต้องสั่งระงับการให้บริการเป็นการชั่วคราว

ตามแถลงการณ์ของสนามบินมิวนิก ระบุว่า การพบโดรนปริศนาทำสนามบินมิวนิกป่วน ส่งผลให้ต้องยกเลิกเที่ยวบินไปถึง 17 เที่ยวบิน และมีผู้โดยสารเกือบ 3,000 คนได้รับผลกระทบโดยตรง นอกจากนี้ ยังมีเที่ยวบินขาเข้าอีก 15 เที่ยวบินที่จำเป็นต้องเปลี่ยนไปลงจอดที่สนามบินอื่นแทน เช่น สนามบินในเมืองชตุทการ์ท นูเรมเบิร์ก เวียนนา และแฟรงก์เฟิร์ต

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ถือเป็นอีกครั้งที่โดรนก่อให้เกิดปัญหาในการบินในทวีปยุโรป ย้อนกลับไปเมื่อสัปดาห์ก่อน สนามบินในประเทศเดนมาร์กและนอร์เวย์ก็เคยต้องปิดให้บริการชั่วคราวเนื่องจากเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันนี้

ทางสนามบินมิวนิกได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า หอบังคับการบินของเยอรมนีได้เริ่มจำกัดการขึ้นลงของอากาศยานที่สนามบินมิวนิกตั้งแต่เวลา 22:18 น. ของคืนวันพฤหัสบดี ก่อนที่จะตัดสินใจสั่งระงับเที่ยวบินทั้งหมดในเวลาต่อมา หลังจากมีการพบโดรนปริศนาทำสนามบินมิวนิกป่วน หลายครั้งในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง

พบโดรนปริศนาทำสนามบินมิวนิกป่วน

สถานการณ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศที่ค่อนข้างตึงเครียดในเมืองมิวนิกในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากเทศกาลเบียร์อ็อกโทเบอร์เฟสต์อันโด่งดังเพิ่งจะถูกสั่งปิดชั่วคราวเนื่องจากมีการขู่วางระเบิด นอกจากนี้ ยังมีการค้นพบวัตถุระเบิดในอาคารที่พักอาศัยทางตอนเหนือของเมืองอีกด้วย

ความเป็นไปได้และข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับโดรนปริศนา

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศเดนมาร์กเมื่อสัปดาห์ก่อน ทางการเดนมาร์กได้เรียกโดรนเหล่านี้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการจู่โจมแบบผสมผสาน แต่ก็ปฏิเสธที่จะระบุว่าใครเป็นผู้กระทำหรือกลุ่มใดที่อยู่เบื้องหลัง อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี เมตเต เฟรเดอริกเซน ได้คาดการณ์ว่า อาจจะเป็นฝีมือของรัสเซีย โดยชี้ว่ารัสเซียเป็นประเทศที่เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของยุโรป

ในขณะเดียวกัน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ได้กล่าวติดตลกว่าจะไม่ส่งโดรนไปบินเหนือเดนมาร์กอีก อย่างไรก็ตาม รัฐบาลรัสเซียยังคงยืนกรานปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น

เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงความเปราะบางของโครงสร้างพื้นฐานด้านการบิน และความจำเป็นในการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเพื่อป้องกันภัยคุกคามจากโดรน การนำเทคโนโลยีตรวจจับและต่อต้านโดรนมาใช้จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสนามบินจะสามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่นและปลอดภัยสำหรับผู้โดยสารทุกคน นอกจากนี้ การสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดและแรงจูงใจเบื้องหลังการพบโดรนปริศนาทำสนามบินมิวนิกป่วน ก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต

ที่มา – พบโดรนปริศนาทำสนามบินมิวนิกป่วน สั่งยกเลิก 17 เที่ยวบิน กระทบผู้โดยสารเกือบ 3 พัน

PMI ภาคบริการญี่ปุ่นเดือนก.ย. ยังโตแกร่ง!

ผลสำรวจล่าสุดเผยว่า PMI ภาคบริการญี่ปุ่นเดือนก.ย. ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สวนทางกับภาคการผลิตที่กำลังเผชิญกับความท้าทาย นี่เป็นสัญญาณที่น่าสนใจสำหรับเศรษฐกิจญี่ปุ่นในภาพรวม

PMI ภาคบริการญี่ปุ่นเดือนก.ย.

ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของญี่ปุ่นจาก S&P Global ปรับตัวสูงขึ้นแตะ 53.3 ในเดือนกันยายน จาก 53.1 ในเดือนสิงหาคม ตัวเลขนี้แสดงให้เห็นถึงการขยายตัวของภาคบริการอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกัน โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากอุปสงค์ภายในประเทศที่แข็งแกร่งขึ้น

การเติบโตของ PMI ภาคบริการญี่ปุ่นเดือนก.ย. นี้ ส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของยอดคำสั่งซื้อใหม่ภายในประเทศ ในขณะที่ยอดคำสั่งซื้อจากต่างประเทศกลับลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่สาม ภาคบริการยังมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพื่อรองรับปริมาณงานที่มากขึ้น แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการที่มีต่อแนวโน้มในอนาคต

ปัจจัยขับเคลื่อน PMI ภาคบริการญี่ปุ่นเดือนก.ย.

ความเชื่อมั่นทางธุรกิจในภาคบริการของญี่ปุ่นพุ่งสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีมุมมองที่เป็นบวกต่อแผนการขยายธุรกิจและการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ในอนาคตอันใกล้ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอัตราการเพิ่มขึ้นของต้นทุนจะชะลอตัวลงบ้าง แต่บริษัทต่าง ๆ ยังคงต้องรับมือกับต้นทุนค่าแรง ค่าวัตถุดิบ และค่าเชื้อเพลิงที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ทำให้จำเป็นต้องผลักภาระต้นทุนเหล่านี้ไปยังผู้บริโภคโดยการปรับขึ้นราคาสินค้าและบริการ

ถึงแม้ว่า PMI ภาคบริการญี่ปุ่นเดือนก.ย. จะแสดงถึงการเติบโตที่แข็งแกร่ง แต่ภาพรวมของเศรษฐกิจญี่ปุ่นกลับไม่ได้สดใสเท่าที่ควร ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการขั้นสุดท้ายของญี่ปุ่นปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 51.3 ในเดือนกันยายน จาก 52.0 ในเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นการเติบโตที่ชะลอตัวที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม สาเหตุหลักมาจากการหดตัวอย่างรุนแรงของภาคการผลิต ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากังวลและต้องได้รับการแก้ไข

นักเศรษฐศาสตร์จาก S&P Global Market Intelligence ให้ความเห็นว่า ผลสำรวจนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของอุปสงค์ภายในประเทศในการขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจญี่ปุ่นในช่วงเวลานี้ ทั้งผู้ประกอบการในภาคการผลิตและภาคบริการต่างประสบปัญหาการลดลงของยอดคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความท้าทายในการพึ่งพาการส่งออกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

ดังนั้น การมุ่งเน้นไปที่การกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศ การสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMEs) และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ อาจเป็นแนวทางที่ยั่งยืนกว่าในการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวสำหรับประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ การแก้ไขปัญหาคอขวดในห่วงโซ่อุปทานและการลดต้นทุนการผลิตก็เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ภาคการผลิตสามารถกลับมาฟื้นตัวและมีส่วนร่วมในการเติบโตทางเศรษฐกิจได้อีกครั้ง

โดยสรุปแล้ว แม้ว่า PMI ภาคบริการญี่ปุ่นเดือนก.ย. จะบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของภาคบริการ แต่เศรษฐกิจญี่ปุ่นโดยรวมยังคงเผชิญกับความท้าทายหลายประการ การผสมผสานนโยบายที่เน้นการกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศ การสนับสนุนภาคธุรกิจ และการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและครอบคลุม

ที่มา – PMI ภาคบริการญี่ปุ่นเดือนก.ย.ยังโตแกร่ง สวนทางภาคการผลิตซบเซา

ญี่ปุ่น: อัตราว่างงานพุ่ง 2.6% สูงสุดในรอบ 13 เดือน

สถานการณ์ตลาดแรงงานในญี่ปุ่นกำลังเป็นที่จับตามอง เมื่อกระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารของญี่ปุ่นได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจว่า อัตราว่างงานญี่ปุ่นพุ่งสูงขึ้นในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ข้อมูลล่าสุดชี้ว่า อัตราว่างงานญี่ปุ่นพุ่งไปแตะ 2.6% ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 13 เดือนเลยทีเดียว ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นจาก 2.3% ในเดือนกรกฎาคม สาเหตุหลักมาจากการที่พนักงานจำนวนมากมองหางานใหม่ที่ให้ผลตอบแทนและโอกาสที่ดีกว่าเดิม

อัตราว่างงานญี่ปุ่นพุ่ง: เกิดอะไรขึ้น?

นอกจาก อัตราว่างงานญี่ปุ่นพุ่ง แล้ว ทางการญี่ปุ่นยังได้เปิดเผยข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับตลาดแรงงานที่น่าสนใจอีกด้วย อัตราส่วนตำแหน่งงานต่อผู้สมัครงานในเดือนสิงหาคมลดลง 0.02 จุดจากเดือนก่อนหน้า มาอยู่ที่ 1.20 จุด ซึ่งหมายความว่า ในปัจจุบัน มีตำแหน่งงานว่าง 120 ตำแหน่งสำหรับผู้สมัครงานทุกๆ 100 คน

ในส่วนของจำนวนผู้ที่มีงานทำนั้น พบว่าลดลง 0.3% สู่ระดับ 68.1 ล้านคน ในขณะที่จำนวนผู้ที่ว่างงานกลับเพิ่มขึ้นถึง 9.1% หรือคิดเป็นจำนวน 1.79 ล้านคน

เมื่อพิจารณาในรายละเอียดของกลุ่มผู้ว่างงาน พบว่ามีจำนวน 770,000 คนที่ลาออกจากงานโดยสมัครใจ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะลาออกเพื่อมองหางานใหม่ที่ดีกว่าเดิม ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้น 13.2% จากเดือนกรกฎาคม นอกจากนี้ ยังมีจำนวน 430,000 คนที่ถูกเลิกจ้าง ซึ่งเพิ่มขึ้น 19.4%

ทำไมอัตราว่างงานญี่ปุ่นถึงพุ่งสูงขึ้น?

การที่อัตราว่างงานเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี สะท้อนให้เห็นว่าภาวะตลาดแรงงานของญี่ปุ่นเริ่มอ่อนแอลงเล็กน้อย สถานการณ์นี้เกิดขึ้นในขณะที่นักลงทุนในตลาดการเงินส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้นี้

ปัญหาการขาดแคลนแรงงานเรื้อรังยังคงเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อการดำเนินงานของธุรกิจในญี่ปุ่น ข้อมูลจาก Tokyo Shoko Research ระบุว่าในช่วงเดือนมกราคมถึงสิงหาคมปีนี้ มีบริษัทถึง 237 แห่งที่ต้องยื่นล้มละลายเนื่องจากการขาดแคลนแรงงาน ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นประมาณ 22% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยบริษัทจำนวนมากระบุว่าไม่สามารถตอบสนองข้อเรียกร้องของผู้สมัครงานที่ต้องการค่าจ้างที่สูงขึ้นได้

เพื่อรับมือกับปัญหาดังกล่าว หลายบริษัทในญี่ปุ่นจึงหันไปพึ่งพาแรงงานต่างชาติมากขึ้น รายงานระบุว่า ณ เดือนตุลาคมปีที่แล้ว มีแรงงานต่างชาติในตลาดแรงงานญี่ปุ่นจำนวน 2.3 ล้านคน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

สถานการณ์ อัตราว่างงานญี่ปุ่นพุ่ง สูงขึ้นนี้ เป็นสัญญาณที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่กำลังมองหางานในญี่ปุ่น หรือผู้ที่สนใจลงทุนในตลาดแรงงานของญี่ปุ่น การติดตามข้อมูลและแนวโน้มต่างๆ อย่างใกล้ชิด จะช่วยให้เราสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลและเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นได้

การที่อัตราว่างงานเพิ่มขึ้น อาจเป็นโอกาสสำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนงาน หรือหางานใหม่ที่ตรงกับความต้องการมากขึ้น อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือการเตรียมตัวให้พร้อม ทั้งในด้านทักษะ ความรู้ และการเจรจาต่อรอง เพื่อให้ได้งานที่ใช่และผลตอบแทนที่คุ้มค่า

ที่มา – อัตราว่างงานญี่ปุ่นพุ่งแตะ 2.6% ในเดือนส.ค. สูงสุดในรอบ 13 เดือน

ตร.อังกฤษวิสามัญมือมีดแทงหน้าโบสถ์ยิวแมนเชสเตอร์

เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญในเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ เมื่อตำรวจอังกฤษวิสามัญมือมีดในเหตุบุกแทงหน้าโบสถ์ยิวเมืองแมนเชสเตอร์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 ศพ และบาดเจ็บอีกหลายราย เหตุการณ์นี้สร้างความตกตะลึงและความเสียใจให้กับผู้คนในชุมชนและทั่วโลก

ตำรวจเกรทเตอร์ แมนเชสเตอร์ ได้ยืนยันถึงเหตุการณ์ดังกล่าว โดยระบุว่ามีผู้เสียชีวิต 2 ราย จากเหตุแทงกันที่เกิดขึ้นบริเวณด้านนอกโบสถ์ยิวฮีตันพาร์ค บนถนนมิดเดิลตัน ในย่านครัมป์ซอลล์ เมืองแมนเชสเตอร์ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา สร้างความโศกเศร้าให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้

นอกจากผู้เสียชีวิต 2 รายแล้ว ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 3 ราย ซึ่งขณะนี้ยังคงอยู่ในอาการสาหัส และได้รับการดูแลจากทีมแพทย์อย่างใกล้ชิด เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งดำเนินการสอบสวนเพื่อหาสาเหตุและรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ชายคนที่ 3 ซึ่งคาดว่าเป็นผู้ก่อเหตุ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงวิสามัญ และคาดว่าเสียชีวิตแล้วเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กำลังรอการยืนยันอย่างเป็นทางการ เนื่องจากพบวัตถุต้องสงสัยบนร่างกายของผู้เสียชีวิต ทำให้ต้องมีการส่งหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้ามาตรวจสอบพื้นที่

ตร.อังกฤษวิสามัญมือมีดในเหตุบุกแทงหน้าโบสถ์ยิวเมืองแมนเชสเตอร์

นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ ผู้นำอังกฤษ ได้ออกมาแถลงการณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ โดยกล่าวว่า “ตำรวจกำลังระดมกำลังเพิ่มเติมไปยังโบสถ์ยิวทั่วประเทศ” เพื่อรักษาความปลอดภัยและสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในพื้นที่

ตำรวจได้รับแจ้งเหตุเมื่อเวลา 9.31 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีผู้แจ้งว่าพบคนขับรถพุ่งชนคนบนทางเท้า และมีชายคนหนึ่งถูกแทง ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะยิงใส่ผู้ต้องสงสัยเมื่อเวลา 9.38 น. การตอบสนองอย่างรวดเร็วของเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยป้องกันความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นมากกว่านี้

ผลกระทบจากเหตุการณ์ตร.อังกฤษวิสามัญมือมีดในเหตุบุกแทงหน้าโบสถ์ยิวเมืองแมนเชสเตอร์

เหตุการณ์ตร.อังกฤษวิสามัญมือมีดในเหตุบุกแทงหน้าโบสถ์ยิวเมืองแมนเชสเตอร์ ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกและความเชื่อมั่นของประชาชนในชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวยิวที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยและความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สิน

แอนดี เบิร์นแฮม นายกเทศมนตรีเมืองแมนเชสเตอร์ ได้กล่าวกับสำนักข่าวบีบีซีก่อนหน้านี้ว่า ประชาชนควรหลีกเลี่ยงพื้นที่ดังกล่าว แต่รับประกันกับประชาชนว่า “อันตรายที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันนี้ดูเหมือนจะจบลงแล้ว” เพื่อให้ประชาชนคลายความกังวลและสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นเครื่องเตือนใจให้เราทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยในสังคม การป้องกันและแก้ไขปัญหาอาชญากรรมเป็นหน้าที่ของทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน หรือภาคประชาชน

การสร้างสังคมที่ปลอดภัยและน่าอยู่สำหรับทุกคนต้องอาศัยความร่วมมือและความเข้าใจซึ่งกันและกัน การเคารพในความแตกต่างทางวัฒนธรรมและศาสนาเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความสมานฉันท์และความปรองดองในสังคม

เราขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ และขอเป็นกำลังใจให้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหายจากอาการป่วยโดยเร็ว เราหวังว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกในอนาคต และขอให้สังคมของเรามีความสงบสุขและปลอดภัยสำหรับทุกคน

ที่มา – ตร.อังกฤษวิสามัญมือมีดในเหตุบุกแทงหน้าโบสถ์ยิวเมืองแมนเชสเตอร์ เหยื่อดับ 2 ศพ