Uk

เชื่อมั่นผู้บริโภค UK พุ่ง! โปรฯ Amazon ช่วย

ความเชื่อมั่นผู้บริโภคในสหราชอาณาจักร (UK) พุ่งขึ้นในเดือนตุลาคม แตะระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือน! ปัจจัยหลักมาจากอะไร? มหกรรมลดราคาของ Amazon และผู้ค้าปลีกรายใหญ่อื่นๆ นั่นเอง แต่ถึงกระนั้น ก็ยังมีเรื่องที่น่ากังวลอยู่บ้าง ไปดูกันว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างใน ตลาดผู้บริโภคของ UK

ความเชื่อมั่นผู้บริโภค UK แตะไฮรอบ 14 เดือน โปรฯ Amazon หนุนนักชอปแห่ซื้อ

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค UK เดือนตุลาคมฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด จากข้อมูลของบริษัทวิจัยตลาด GfK ดัชนีขยับขึ้นมาอยู่ที่ -17 จาก -19 ในเดือนกันยายน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่สิงหาคมปีที่แล้ว

นีล เบลลามี ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภคของ GfK กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภค UK เพิ่มขึ้นคือ “ดัชนีการซื้อสินค้ามูลค่าสูง” ที่พุ่งขึ้นถึง 4 จุด แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคเริ่มกลับมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น

Amazon Prime Day หนุนการจับจ่าย

เบลลามีอ้างถึงแคมเปญส่งเสริมการขาย Amazon Prime Day เมื่อวันที่ 7-8 ตุลาคม ที่ผ่านมา ซึ่งกระตุ้นให้ผู้ค้าปลีกรายอื่น ๆ จัดโปรโมชั่นแข่งขัน ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าสามารถซื้อสินค้าได้ในราคาที่คุ้มค่ามากขึ้น หลังจากเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อมานาน

อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าทุกอย่างจะเป็นไปในทิศทางบวก แม้ว่าครัวเรือนจะมองสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมและสถานการณ์การเงินส่วนตัวในแง่ดีขึ้น รวมถึงมองว่าแนวโน้มเศรษฐกิจในอีก 1 ปีข้างหน้าจะดีขึ้น แต่พวกเขากลับมีความกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของตนเองในอนาคต

ความกังวลนี้อาจเป็นผลมาจากการคาดการณ์ว่ารัฐมนตรีคลังจะประกาศขึ้นภาษีครั้งใหญ่ในการแถลงงบประมาณประจำปีในเดือนพฤศจิกายน รวมถึงอัตราการออมของภาคครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูงผิดปกติ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ฉุดรั้งการใช้จ่าย นักเศรษฐศาสตร์มองว่าภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นในปี 2565 ตลาดแรงงานที่ซบเซา และความเสี่ยงเรื่องภาษี เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้คนเลือกที่จะออมเงินมากขึ้น

เบลลามีกล่าวเพิ่มเติมว่า “ทั้งผู้บริโภคและผู้ค้าปลีกต่างจับตาดูว่างบประมาณของรัฐมนตรีคลังที่จะประกาศก่อน Black Friday เพียง 2 วัน จะเป็นตัวกระตุ้นหรือบั่นทอนการใช้จ่ายในช่วงสุดสัปดาห์ที่สำคัญอย่างยิ่งยวดนี้” ดังนั้น นโยบายของภาครัฐจึงมีผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค UK

แม้ว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภค UK จะปรับตัวดีขึ้น แต่ก็ยังมีความท้าทายรออยู่ข้างหน้า ภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนและการเปลี่ยนแปลงนโยบายของภาครัฐอาจส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคได้ในอนาคต ผู้ประกอบการและนักการตลาดจึงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป

ที่มา – ความเชื่อมั่นผู้บริโภค UK แตะไฮรอบ 14 เดือน โปรฯ Amazon หนุนนักชอปแห่ซื้อ

UK แฉ! ถูกรัสเซียรบกวนสัญญาณดาวเทียมทหารทุกสัปดาห์

พลตรี พอล เท็ดแมน หัวหน้ากองบัญชาการอวกาศของสหราชอาณาจักร (UK) เปิดเผยว่า กองทัพรัสเซียพยายามรบกวนสัญญาณดาวเทียมทหารของสหราชอาณาจักรเป็นประจำทุกสัปดาห์ และยังเฝ้าจับตาดาวเทียมของประเทศอย่างใกล้ชิดอีกด้วย

“พวกเขามีอุปกรณ์บนอวกาศที่สามารถตรวจจับดาวเทียมของเราได้ และกำลังพยายามรวบรวมข้อมูลจากดาวเทียมเหล่านั้น” เท็ดแมนกล่าว

อย่างไรก็ดี เขาระบุว่า สหราชอาณาจักรมีดาวเทียมทางทหารสำหรับการสื่อสารและการสอดแนมประมาณ 6 ดวง ซึ่งทั้งหมดติดตั้งเทคโนโลยีต่อต้านการรบกวนสัญญาณดาวเทียมทหารไว้แล้ว

ก่อนหน้านี้ เยอรมนีก็เคยประสบเหตุการณ์ในทำนองเดียวกัน โดยบอริส พิสตอริอุส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเยอรมนี เปิดเผยเมื่อเดือน ก.ย. ว่า รัสเซียพยายามติดตามความเคลื่อนไหวของดาวเทียมอินเทลแซต (Intelsat) จำนวน 2 ดวง ซึ่งกองทัพเยอรมนีใช้งานอยู่

ทั้งนี้ เพื่อรับมือกับความตึงเครียดระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น สหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกาจึงได้เคลื่อนย้ายดาวเทียมในอวกาศแบบประสานงานร่วมกันเป็นครั้งแรก โดยระหว่างวันที่ 4-12 ก.ย. ดาวเทียมของสหรัฐฯ ได้เปลี่ยนตำแหน่งวงโคจร เพื่อเข้าไปตรวจสอบดาวเทียมของสหราชอาณาจักร และยืนยันว่าทำงานได้ตามปกติ

ภารกิจดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการ โอลิมปิก ดีเฟนเดอร์ (Operation Olympic Defender) ซึ่งเป็นกรอบความร่วมมือทางทหารที่มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถของดาวเทียมในการป้องกันและต้านทานภัยคุกคามในอวกาศ

UK เผย รัสเซียรบกวนสัญญาณดาวเทียมทหารต่อเนื่อง “ทุกสัปดาห์”

สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างประเทศดูเหมือนจะทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีอวกาศ การที่รัสเซียพยายามรบกวนสัญญาณดาวเทียมทหารของ UK บ่งบอกถึงความพยายามที่จะบ่อนทำลายความมั่นคงทางทหารและข่าวกรองของชาติพันธมิตร

ผลกระทบจากการรบกวนสัญญาณดาวเทียมทหาร

การรบกวนสัญญาณดาวเทียมทหารส่งผลกระทบอย่างมากต่อความสามารถในการสื่อสารและการสอดแนมทางทหาร หากสัญญาณถูกรบกวน การสื่อสารที่สำคัญอาจถูกขัดขวาง ทำให้การตอบสนองต่อภัยคุกคามล่าช้า นอกจากนี้ การสอดแนมผ่านดาวเทียมอาจถูกบิดเบือน ทำให้ข้อมูลที่ได้รับไม่ถูกต้องแม่นยำ ซึ่งอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดในสถานการณ์ที่สำคัญ

นอกจากนี้ การที่รัสเซียเฝ้าจับตาและพยายามรวบรวมข้อมูลจากดาวเทียมของ UK ยังเป็นการละเมิดความปลอดภัยทางอวกาศ การกระทำดังกล่าวเป็นการคุกคามต่อทรัพย์สินอวกาศของ UK และแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะเข้าถึงข้อมูลที่เป็นความลับ

การตอบสนองของ UK และสหรัฐฯ ด้วยการเคลื่อนย้ายดาวเทียมเพื่อตรวจสอบและยืนยันการทำงานเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าทั้งสองประเทศให้ความสำคัญกับการปกป้องทรัพย์สินอวกาศของตนเอง การประสานงานร่วมกันในลักษณะนี้แสดงให้เห็นถึงความเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งและความมุ่งมั่นที่จะเผชิญหน้ากับภัยคุกคามร่วมกัน

ปฏิบัติการ โอลิมปิก ดีเฟนเดอร์ เป็นกรอบความร่วมมือที่สำคัญในการเสริมสร้างขีดความสามารถในการป้องกันและต้านทานภัยคุกคามในอวกาศ การลงทุนในเทคโนโลยีป้องกันการรบกวนสัญญาณและการพัฒนาศักยภาพในการตอบโต้ภัยคุกคามเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรักษาความมั่นคงทางอวกาศ

การที่เยอรมนีเคยประสบเหตุการณ์คล้ายคลึงกันก็ยิ่งเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ประเทศต่างๆ จะต้องให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยทางอวกาศ การแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองและการทำงานร่วมกันระหว่างประเทศพันธมิตรเป็นสิ่งสำคัญในการรับมือกับภัยคุกคามที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในยุคปัจจุบัน

ในอนาคต เราอาจเห็นการแข่งขันในอวกาศที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น การพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศทั้งในด้านการทหารและพลเรือนจะยังคงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับประเทศต่างๆ การรักษาความปลอดภัยและความมั่นคงในอวกาศจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความมั่นคงและ процветание ของโลก

ที่มา – UK แฉ ถูกรัสเซียรบกวนสัญญาณดาวเทียมทหารต่อเนื่อง “ทุกสัปดาห์”

ทรัมป์จ้องทวงคืน “ฐานทัพบากราม” ในอัฟฯ

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับนายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ แห่งสหราชอาณาจักร (UK) เมื่อวันพฤหัสบดี (18 ก.ย.) ว่า สหรัฐฯ ต้องการกลับไปควบคุมฐานทัพอากาศบากรามในอัฟกานิสถานอีกครั้ง แต่เจ้าหน้าที่ของอัฟกานิสถานได้ออกมาปฏิเสธทันที โดยยืนยันว่าไม่มีความจำเป็นที่กองทัพสหรัฐฯ จะต้องกลับมาตั้งฐานทัพในประเทศ

ฐานทัพบากรามแห่งนี้สร้างขึ้นในยุคโซเวียต และเคยเป็นฐานที่มั่นหลักของกองทัพสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถานมาตั้งแต่หลังเหตุการณ์ 9 กันยายน 2544 จนกระทั่งสหรัฐฯ ถอนทหารออกไปในปี 2564 ซึ่งเป็นการเปิดทางให้กลุ่มตาลีบันกลับเข้ายึดอำนาจได้ในที่สุด

“เรากำลังพยายามเอามันกลับคืน” ทรัมป์กล่าวถึงฐานทัพบากราม “เราต้องการฐานทัพนั้นคืน” โดยให้เหตุผลว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญเพราะอยู่ใกล้กับจีน

อย่างไรก็ดี รัฐบาลตาลีบันในกรุงคาบูลยืนยันว่าไม่เปิดรับข้อตกลงลักษณะนี้

ซากีร์ จาลาล เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศอัฟกานิสถาน โพสต์ข้อความผ่านเอ็กซ์ว่า “อัฟกานิสถานและสหรัฐฯ ควรหันมาพูดคุยกันได้ โดยไม่จำเป็นต้องให้สหรัฐฯ กลับมาตั้งฐานทัพในประเทศอีก”

จาลาลยังระบุเสริมอีกว่า ทั้งสองชาติสามารถสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองได้ หากตั้งอยู่บนพื้นฐานของการเคารพซึ่งกันและกัน และผลประโยชน์ร่วมกัน

ข่าวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (13 ก.ย.) เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ได้เปิดการเจรจากับทางการอัฟกานิสถาน เพื่อหาทางช่วยเหลือพลเมืองอเมริกันที่ถูกควบคุมตัวในประเทศ โดยมีอดัม โบห์เลอร์ ทูตพิเศษด้านตัวประกันของรัฐบาลทรัมป์ และซัลเมย์ คาลิลซาด อดีตทูตพิเศษสหรัฐฯ ประจำอัฟกานิสถาน เข้าพบกับอะมีร์ ข่าน มุตตากี รัฐมนตรีต่างประเทศของตาลีบัน

ทั้งนี้ สหรัฐฯ ยังไม่ได้รับรองรัฐบาลตาลีบันอย่างเป็นทางการ หลังจากที่กลุ่มตาลีบันกลับเข้ายึดอำนาจในปี 2564 ซึ่งยุติการแทรกแซงทางทหารของสหรัฐฯ ที่ดำเนินมานาน 20 ปี

ประเด็นที่น่าสนใจคือ ทำไมทรัมป์ถึงต้องการ “ฐานทัพบากราม” คืน? การที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกมาแสดงความต้องการที่จะทวงคืน ฐานทัพบากราม ในอัฟกานิสถานนั้น สร้างความประหลาดใจให้กับหลายฝ่าย เนื่องจากสหรัฐฯ เพิ่งจะถอนทหารออกจากอัฟกานิสถานไปเมื่อไม่นานมานี้ การกลับเข้าไปมีบทบาทอีกครั้งอาจเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่สำคัญ

ทรัมป์ต้องการ “ฐานทัพบากราม” คืนจริงหรือ?

ฐานทัพบากราม มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์จริงหรือไม่? ทำเลที่ตั้งของฐานทัพแห่งนี้ใกล้กับประเทศจีน ทำให้เป็นจุดที่สามารถเฝ้าระวังและตอบโต้ภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นฐานในการปฏิบัติการในภูมิภาคเอเชียกลางและเอเชียใต้ได้อีกด้วย

ทำไมจึงต้องเป็น “ฐานทัพบากราม”?

การที่ทรัมป์เน้นย้ำถึงความสำคัญของ ฐานทัพบากราม อาจสะท้อนถึงความกังวลเกี่ยวกับอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของจีนในภูมิภาค การกลับเข้าไปควบคุมฐานทัพแห่งนี้จะช่วยให้สหรัฐฯ สามารถรักษาสมดุลอำนาจและปกป้องผลประโยชน์ของตนเองได้

อย่างไรก็ตาม การที่รัฐบาลตาลีบันปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าการเจรจาเพื่อให้ได้ ฐานทัพบากราม คืนมานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย สหรัฐฯ อาจต้องใช้กลยุทธ์ที่ซับซ้อนมากขึ้นเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้

ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจะเป็นอย่างไร? หากสหรัฐฯ สามารถทวงคืน ฐานทัพบากราม ได้สำเร็จ จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ, อัฟกานิสถาน, และจีน การเปลี่ยนแปลงนี้อาจนำไปสู่ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาค

การตัดสินใจของทรัมป์ในครั้งนี้อาจมีเป้าหมายเพื่อแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและเด็ดขาดของสหรัฐฯ ในสายตาของนานาชาติ อย่างไรก็ตาม การดำเนินการดังกล่าวอาจก่อให้เกิดผลกระทบที่ไม่คาดฝัน และต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบถึงผลที่จะตามมา

สถานการณ์นี้ยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด และการตัดสินใจของสหรัฐฯ จะมีผลต่ออนาคตของอัฟกานิสถานและภูมิภาคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ที่มา – ทรัมป์ลั่น สหรัฐฯ จ้องทวงคืน “ฐานทัพบากราม” ในอัฟกานิสถาน ที่เคยทิ้งไว้ตอนถอนทหาร

ทุนสหรัฐฯ ลงทุนใน UK จ้างงาน 1,800 ตำแหน่ง

ทุนสหรัฐฯ เดินหน้าลงทุนใน UK จ้างงานล็อตใหญ่ 1,800 ตำแหน่ง

ข่าวดีสำหรับเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร (UK)! กลุ่มบริษัทด้านบริการทางการเงินชั้นนำจากสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็น PayPal, Bank of America, Citigroup และ S&P Global ตบเท้าเข้ามาลงทุนใน UK ด้วยมูลค่ารวมกว่า 1.25 พันล้านปอนด์ หรือประมาณ 1.69 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เรื่องนี้ได้รับการเปิดเผยจากรัฐบาล UK เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา สร้างความฮือฮาให้กับวงการการเงินและการลงทุน

การลงทุนครั้งนี้ไม่ได้เป็นแค่ตัวเลขสวยๆ เท่านั้น เพราะจะนำไปสู่การจ้างงานใหม่ถึง 1,800 ตำแหน่ง กระจายอยู่ทั่วประเทศ ตั้งแต่เบลฟาสต์ไปจนถึงเอดินบะระ ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชนจำนวนมาก นอกจากนี้ การลงทุนเหล่านี้ยังจะอำนวยความสะดวกและประโยชน์ให้แก่ลูกค้าอีกนับล้านราย

รายละเอียดการลงทุนของแต่ละบริษัท

มาเจาะลึกรายละเอียดการลงทุนของแต่ละบริษัทกันหน่อยดีกว่า:

  • Bank of America: เตรียมเปิดสำนักงานแห่งแรกในไอร์แลนด์เหนือ ที่กรุงเบลฟาสต์ พร้อมสร้างงานใหม่ประมาณ 1,000 อัตรา ถือเป็นการลงทุนครั้งสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของไอร์แลนด์เหนือ
  • Citigroup: ทุ่มเงิน 1.1 พันล้านปอนด์เพื่อขยายกิจการใน UK ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของ Citigroup ในภูมิภาคนี้
  • S&P Global: วางแผนลงทุน 4 ล้านปอนด์ในเมืองแมนเชสเตอร์ เพื่อสร้างตำแหน่งงานประจำ 200 อัตรา แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของแมนเชสเตอร์ในฐานะศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของ UK

การลงทุนเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และ UK ที่มีมูลค่ารวมถึง 2 หมื่นล้านปอนด์ โดยคาดว่าอีก 7 พันล้านปอนด์จะมาจาก BlackRock ซึ่งให้คำมั่นว่าจะขยายการลงทุนใน UK อย่างต่อเนื่อง ข่าวนี้ตอกย้ำให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ และความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่มีต่อเศรษฐกิจของ UK

ทำไม ทุนสหรัฐฯ ถึงตัดสินใจ เดินหน้าลงทุนใน UK จ้างงานล็อตใหญ่ 1,800 ตำแหน่ง? เหตุผลหลักๆ คงหนีไม่พ้นเสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจของ UK, โครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง, บุคลากรที่มีทักษะ, และนโยบายที่ส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ นอกจากนี้ ข้อตกลงทางการค้าระหว่างประเทศต่างๆ ก็มีส่วนช่วยดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนใน UK มากยิ่งขึ้น

ผลกระทบของการลงทุนครั้งนี้ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การจ้างงานและการขยายตัวทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของ UK ในฐานะจุดหมายปลายทางการลงทุนที่น่าสนใจ ทำให้ประเทศอื่นๆ มองเห็นศักยภาพของ UK และตัดสินใจเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นในอนาคต

ในภาพรวม การที่ ทุนสหรัฐฯ เดินหน้าลงทุนใน UK จ้างงานล็อตใหญ่ 1,800 ตำแหน่ง ถือเป็นสัญญาณบวกที่สำคัญสำหรับเศรษฐกิจของประเทศ แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ และเป็นแรงผลักดันให้เศรษฐกิจของ UK เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป อย่างไรก็ตาม รัฐบาลและภาคเอกชนยังคงต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุน และดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนใน UK มากยิ่งขึ้น

ที่มา – ทุนสหรัฐฯ เดินหน้าลงทุนใน UK จ้างงานล็อตใหญ่ 1,800 ตำแหน่ง

ผลสำรวจชี้: เศรษฐีเตรียมย้ายหนี UK หากรัฐเก็บภาษีคนรวย

มีข่าวใหญ่ในแวดวงเศรษฐกิจ! ผลสำรวจล่าสุดชี้ว่า เศรษฐีในสหราชอาณาจักร (UK) จำนวนมากกำลังพิจารณาย้ายประเทศหนี หากรัฐบาลตัดสินใจที่จะเรียกเก็บภาษีความมั่งคั่ง หรือที่เรียกกันติดปากว่า “ภาษีคนรวย” เรื่องนี้กำลังเป็นที่จับตามองอย่างใกล้ชิด เพราะอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร

ผลสำรวจชี้: เศรษฐีเตรียมย้ายหนี UK หากรัฐเก็บภาษีคนรวย

บริษัท อาร์ตัน แคปิตัล (Arton Capital) ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการลงทุนเพื่อขอสัญชาติและย้ายถิ่นฐาน ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของกลุ่มเศรษฐีในสหราชอาณาจักรที่มีทรัพย์สินสุทธิอย่างน้อย 1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) จำนวนมากกว่า 1,000 คน การสำรวจนี้เกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

ผลลัพธ์ที่ได้จากการสำรวจนั้นน่าสนใจอย่างยิ่ง โดยพบว่าผู้ตอบแบบสอบถามมากกว่า 50% ระบุว่าพวกเขามีแนวโน้มที่จะย้ายประเทศมากขึ้น หากรัฐบาลตัดสินใจที่จะเรียกเก็บภาษีความมั่งคั่ง นอกจากนี้ ผู้ตอบแบบสำรวจประมาณ 60% ยังเชื่อว่าพวกเขาสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าได้หากไปอาศัยอยู่ในต่างประเทศ

ยิ่งไปกว่านั้น เกือบ 50% ของเศรษฐีที่สนับสนุนพรรคแรงงาน (ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ตอบแบบสำรวจ) ก็ระบุว่าพวกเขาก็มีแนวโน้มที่จะย้ายประเทศมากขึ้นเช่นกัน หากมีการนำภาษีความมั่งคั่งมาใช้

ประเทศยอดนิยมที่เศรษฐี UK อยากย้ายไปอยู่

สำหรับประเทศที่เศรษฐีในสหราชอาณาจักรให้ความสนใจและต้องการย้ายไปอยู่นั้น สหรัฐอเมริกามาเป็นอันดับหนึ่ง ตามมาด้วยแคนาดา ออสเตรเลีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ข้อมูลนี้บ่งชี้ว่าเศรษฐีกลุ่มนี้มองหาประเทศที่มีอัตราภาษีที่ต่ำกว่า และมีการใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการสื่อสาร

การที่เศรษฐีเตรียมย้ายหนี UK หากรัฐเก็บภาษีคนรวย อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศได้หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียเม็ดเงินลงทุน การไหลออกของบุคลากรที่มีความสามารถ และความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่อาจลดลง ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ เพื่อหาสมดุลระหว่างการหารายได้เข้ารัฐและการรักษาความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

การเก็บภาษีความมั่งคั่ง หรือ ภาษีคนรวย เป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนและมีความซับซ้อน รัฐบาลต้องพิจารณาถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในหลายๆ ด้านอย่างรอบคอบ เพื่อให้แน่ใจว่านโยบายที่ออกมานั้นเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างแท้จริง และไม่ส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว

สิ่งที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติมคือ มาตรการภาษีอื่นๆ ที่อาจจูงใจให้เศรษฐีอยู่ในประเทศต่อไป หรือการสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่น่าดึงดูดใจ เพื่อให้เศรษฐีเหล่านี้ยังคงลงทุนและสร้างงานในสหราชอาณาจักรต่อไป

ในขณะที่ผลสำรวจชี้: เศรษฐีเตรียมย้ายหนี UK หากรัฐเก็บภาษีคนรวย เราต้องไม่ลืมว่ายังมีปัจจัยอื่นๆ อีกมากมายที่มีผลต่อการตัดสินใจย้ายประเทศของบุคคลที่มีฐานะร่ำรวย เช่น คุณภาพชีวิต การศึกษา สุขภาพ และความมั่นคงทางการเมือง กฎระเบียบที่เอื้อต่อการลงทุน และความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ

ดังนั้น การพิจารณาเรื่องนี้จึงต้องมองในภาพรวมที่กว้างขึ้น เพื่อให้เข้าใจถึงแรงจูงใจที่แท้จริงของกลุ่มเศรษฐี และสามารถกำหนดนโยบายที่ตอบโจทย์และสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับทุกฝ่ายได้

ที่มา – ผลสำรวจชี้ เศรษฐีเตรียมย้ายหนี UK หากรัฐเก็บภาษีคนรวย

เทสลาหั่นค่าเช่าใน UK เกือบครึ่ง จริงหรือ?

เทสลา (Tesla) ถูกบีบให้ต้องหั่นค่าเช่ารถยนต์ไฟฟ้ารายเดือนในสหราชอาณาจักร (UK) ลงเกือบครึ่งหนึ่ง

ข่าวล่าสุดรายงานว่า เทสลา (Tesla) กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในตลาดสหราชอาณาจักร ทำให้ต้องตัดสินใจครั้งสำคัญในการปรับลดค่าเช่ารถยนต์ไฟฟ้าลงเกือบครึ่งหนึ่ง นี่เป็นผลมาจากยอดขายที่ลดลงอย่างน่าตกใจในเดือนกรกฎาคม ซึ่งลดลงถึง 60% ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เดอะ ไทมส์ (The Times) สถานการณ์นี้ทำให้เทสลาต้องเสนอส่วนลดพิเศษให้กับบริษัทลีสซิ่งสูงถึง 40% เพื่อพยายามระบายรถยนต์ที่ค้างสต๊อกจำนวนมาก

ข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตและผู้จำหน่ายยานยนต์ (SMMT) ยืนยันถึงความรุนแรงของสถานการณ์ โดยระบุว่าในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เทสลาสามารถขายรถยนต์ในสหราชอาณาจักรได้เพียง 987 คันเท่านั้น ตัวเลขนี้เน้นย้ำถึงความยากลำบากที่เทสลากำลังเผชิญอยู่ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง

สาเหตุของการลดราคาครั้งใหญ่นี้ไม่ได้มาจากยอดขายที่ตกต่ำเพียงอย่างเดียว เดอะ ไทมส์ ยังชี้ให้เห็นถึงปัญหาการขาดแคลนพื้นที่สำหรับจัดเก็บรถยนต์ที่ยังขายไม่ออกในสหราชอาณาจักร นี่เป็นความท้าทายเพิ่มเติมที่ทำให้เทสลาต้องเร่งระบายรถยนต์ออกจากสต๊อกโดยเร็วที่สุด

สถานการณ์ที่เทสลากำลังเผชิญนี้เกิดขึ้นในขณะที่ตลาดรถยนต์ใหม่โดยรวมในสหราชอาณาจักรก็กำลังอยู่ในช่วงขาลงเช่นกัน ในเดือนกรกฎาคม ตลาดรถยนต์ใหม่หดตัวลงประมาณ 5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม SMMT ยังคงมองโลกในแง่ดีและคาดการณ์ว่ายอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) ในปี 2568 จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องและครองสัดส่วนตลาดที่ 23.8%

ทำไมเทสลาต้องหั่นค่าเช่าใน UK เกือบครึ่ง

คำถามที่หลายคนสงสัยคือ ทำไมเทสลาถึงต้องตัดสินใจ **หั่นค่าเช่าใน UK เกือบครึ่ง**? คำตอบนั้นซับซ้อนและเชื่อมโยงกับปัจจัยหลายประการ ประการแรก คือการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว มีผู้เล่นรายใหม่ๆ เข้ามาในตลาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้เทสลาต้องเผชิญกับแรงกดดันมากขึ้นในการรักษาส่วนแบ่งการตลาดของตน

ประการที่สอง คือสภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนในสหราชอาณาจักร ภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นและอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค ทำให้ผู้คนลังเลที่จะซื้อรถยนต์ใหม่ โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาสูง

ประการที่สาม คือปัญหาด้านโลจิสติกส์และการขนส่ง การขาดแคลนชิปและส่วนประกอบอื่นๆ ยังคงเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการผลิตและการส่งมอบรถยนต์ ทำให้เทสลาไม่สามารถส่งมอบรถยนต์ให้กับลูกค้าได้ตามกำหนดเวลา

การที่เทสลา **หั่นค่าเช่าใน UK เกือบครึ่ง** แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการรักษาส่วนแบ่งการตลาดและแก้ไขปัญหาสต๊อกรถยนต์ที่ค้างอยู่ แม้ว่าการลดราคาครั้งใหญ่อาจส่งผลกระทบต่อผลกำไรในระยะสั้น แต่ก็อาจช่วยให้เทสลาสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในระยะยาวได้

ผลกระทบของการ**หั่นค่าเช่าใน UK เกือบครึ่ง**

การตัดสินใจของเทสลาในการ **หั่นค่าเช่าใน UK เกือบครึ่ง** ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อบริษัทเองเท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบต่อตลาดรถยนต์ไฟฟ้าโดยรวมด้วย การลดราคาครั้งใหญ่อาจกระตุ้นให้ผู้บริโภคหันมาสนใจรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น และอาจเพิ่มแรงกดดันให้กับผู้ผลิตรายอื่นๆ ในการลดราคาหรือเสนอโปรโมชั่นที่น่าสนใจยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ การลดราคาอาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าของรถยนต์เทสลาที่ใช้แล้ว หากราคารถยนต์ใหม่ลดลงอย่างมาก ราคารถยนต์มือสองก็จะลดลงตามไปด้วย ซึ่งอาจทำให้ผู้ที่ซื้อรถยนต์เทสลาไปก่อนหน้านี้รู้สึกผิดหวัง

อย่างไรก็ตาม การลดราคาอาจเป็นผลดีต่อผู้ที่ต้องการเช่ารถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากค่าเช่าที่ถูกลงจะทำให้รถยนต์ไฟฟ้าเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และอาจส่งเสริมให้ผู้คนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมัน

สถานการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า และความท้าทายที่ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าต้องเผชิญในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป การแข่งขันที่รุนแรง ราคาน้ำมันที่ผันผวน และความกังวลเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค และทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ต้องคิดค้นกลยุทธ์ใหม่ๆ เพื่อดึงดูดลูกค้า

การที่เทสลาต้องลดราคาค่าเช่ารถยนต์ในสหราชอาณาจักรลงเกือบครึ่ง เป็นสัญญาณเตือนว่าแม้แต่บริษัทที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทายในตลาดที่มีการแข่งขันสูง การปรับตัวและการคิดค้นนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความสำเร็จในระยะยาวในอุตสาหกรรมรถยนต์

ที่มา – สื่อเผย เทสลาหั่นค่าเช่าใน UK เกือบครึ่ง หลังยอดขายดิ่งหนัก