Tsmc

ซีอีโอ Nvidia เยือนไทเป เจรจาส่งออกชิป AI ให้จีน

เจนเซน หวง ซีอีโอของอินวิเดีย (Nvidia) เดินทางถึงกรุงไทเปเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม เพื่อเยี่ยมเยียนบริษัท TSMC ซึ่งเป็นพันธมิตรผู้ผลิตชิป ท่ามกลางความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐฯ และจีน เกี่ยวกับการเข้าถึงชิป AI ชั้นนำของบริษัท

“วัตถุประสงค์หลักของผมในการมาที่นี่คือเพื่อมาเยี่ยมเยียน TSMC” หวงกล่าวกับผู้สื่อข่าว พร้อมเสริมว่า เขาจะอยู่ที่ TSMC เพียงไม่กี่ชั่วโมงและจะเดินทางกลับหลังรับประทานอาหารค่ำกับคณะผู้บริหารของ TSMC

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ส่งสัญญาณเปิดทางให้มีความเป็นไปได้ที่จะอนุญาตให้ขายชิปอินวิเดียที่ล้ำหน้ากว่ารุ่น H20 ในประเทศจีนได้

อินวิเดียกำลังพัฒนาชิปรุ่นใหม่ที่ใช้ชื่อชั่วคราวว่า B30A ซึ่งใช้สถาปัตยกรรม Blackwell ล่าสุด และจะมีประสิทธิภาพสูงกว่ารุ่น H20

เมื่อถูกถามถึงชิป B30A หวงกล่าวว่า อินวิเดียกำลังเจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯ เกี่ยวกับการเสนอชิปรุ่นถัดจาก H20 ให้กับจีน แต่การตัดสินใจขั้นสุดท้ายไม่ได้ขึ้นอยู่กับบริษัท

“แน่นอนว่าเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับรัฐบาลสหรัฐฯ และเรากำลังพูดคุยกับพวกเขาอยู่ แต่ยังเร็วเกินไปที่จะบอกได้” หวงกล่าว

อย่างไรก็ตาม ความพยายามของอินวิเดียในการรักษาส่วนแบ่งการตลาดในจีนมีความซับซ้อนมากขึ้น เนื่องจากข้อกล่าวหาจากสื่อของรัฐบาลจีนที่ว่า ชิปของบริษัทสหรัฐฯ อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านความมั่นคง

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทางการจีนได้มีคำสั่งเรียกบริษัทสัญชาติจีนเข้าพบเพื่อหารือถึงกรณีการจัดซื้อชิป H20 พร้อมทั้งแสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อความเสี่ยงด้านความมั่นคงของข้อมูล

หวงกล่าวว่า การส่งมอบชิป H20 ไปยังจีนไม่ได้เป็นข้อกังวลด้านความมั่นคงของชาติ และการที่สามารถส่งมอบชิป H20 ไปยังจีนได้นั้นเป็นเรื่องที่ “น่าขอบคุณอย่างยิ่ง”

อินวิเดียได้มีคำสั่งให้บริษัทแอมคอร์ เทคโนโลยี (Amkor Technology) ยุติสายการผลิตชิป H20 ในสัปดาห์นี้ และได้แจ้งเรื่องไปยังบริษัทซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ (Samsung Electronics) ด้วยเช่นกัน

บริษัทแอมคอร์เป็นผู้รับผิดชอบกระบวนการประกอบและบรรจุชิปขั้นสูง ส่วนบริษัทซัมซุงเป็นผู้จัดส่งชิปหน่วยความจำสมรรถนะสูง (high-bandwidth memory) สำหรับชิปรุ่นดังกล่าว

โฆษกของอินวิเดียระบุว่า “ทางบริษัทฯ มีการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สอดรับกับสภาวการณ์ของตลาด” พร้อมเสริมว่า “ดังที่รัฐบาลของทั้งสองชาติเป็นที่รับทราบกันดีว่า ชิป H20 นั้นไม่ใช่ยุทโธปกรณ์ทางการทหาร หรือมีไว้สำหรับโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ”

“ทางการจีนย่อมไม่พึ่งพาชิปจากอเมริกาเพื่อการดำเนินงานของภาครัฐฉันใด รัฐบาลสหรัฐฯ ก็ย่อมไม่พึ่งพาชิปจากจีนฉันนั้น อย่างไรก็ตาม การอนุญาตให้ใช้ชิปของสหรัฐฯ เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจเชิงพาณิชย์นั้นเป็นสิ่งที่ดีสำหรับทุกฝ่าย” โฆษกฯ กล่าว

เมื่อต้นเดือนนี้ รัฐบาลทรัมป์ได้บรรลุข้อตกลงกับอินวิเดียและ AMD ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงเพื่อให้ได้มาซึ่งใบอนุญาตในการส่งออก โดยภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว รัฐบาลสหรัฐฯ จะได้รับรายได้ 15% ของยอดขายชิปขั้นสูงบางรุ่นในประเทศจีน

ซีอีโอ Nvidia เยือนไทเปเยี่ยม TSMC แย้มเจรจาขอรบ.สหรัฐฯ ส่งออกชิป AI รุ่นใหม่ให้จีน

ประเด็นสำคัญที่น่าจับตาคือ การที่ซีอีโอ Nvidia เยือนไทเปในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่าง Nvidia และ TSMC ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของโลก นอกจากนี้ การที่ Nvidia กำลังเจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อขอส่งออกชิป AI รุ่นใหม่ให้จีน ยิ่งเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงการแข่งขันในตลาดชิป AI ระดับโลก

ทำไมการเจรจาส่งออกชิป AI ของ Nvidia ถึงสำคัญ?

การที่ Nvidia เจรจาขอส่งออกชิป AI ให้จีนนั้น มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อหลายภาคส่วน:

  • Nvidia: จีนเป็นตลาดขนาดใหญ่สำหรับชิป AI หาก Nvidia สามารถส่งออกชิป AI รุ่นใหม่ให้จีนได้ ก็จะสามารถรักษาส่วนแบ่งการตลาดและเพิ่มรายได้ได้
  • จีน: จีนต้องการชิป AI ที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ การขับเคลื่อนอัตโนมัติ และการประมวลผลแบบคลาวด์ หากจีนสามารถเข้าถึงชิป AI ของ Nvidia ได้ ก็จะสามารถเร่งการพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้ได้
  • สหรัฐฯ: รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบว่า การอนุญาตให้ Nvidia ส่งออกชิป AI ให้จีน จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงแห่งชาติอย่างไร หากรัฐบาลสหรัฐฯ อนุญาต อาจทำให้จีนมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากขึ้น แต่หากไม่อนุญาต อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับจีน

สถานการณ์ที่ ซีอีโอ Nvidia เยือนไทเปเยี่ยม TSMC แย้มเจรจาขอรบ.สหรัฐฯ ส่งออกชิป AI รุ่นใหม่ให้จีน นี้ แสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนของความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทเทคโนโลยี รัฐบาล และการเมืองระหว่างประเทศ การตัดสินใจของรัฐบาลสหรัฐฯ จะมีผลกระทบอย่างมากต่ออนาคตของอุตสาหกรรมชิป AI

ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า Nvidia พยายามอย่างยิ่งที่จะรักษาสมดุลระหว่างการปฏิบัติตามกฎระเบียบของสหรัฐฯ และการรักษาผลประโยชน์ทางธุรกิจในตลาดจีน ซึ่งเป็นตลาดที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเติบโตของบริษัท

ที่มา – ซีอีโอ Nvidia เยือนไทเปเยี่ยม TSMC แย้มเจรจาขอรบ.สหรัฐฯ ส่งออกชิป AI รุ่นใหม่ให้จีน

รัฐบาลทรัมป์ไม่ถือหุ้น TSMC จริงหรือ? เจาะข่าว WSJ

วอลล์สตรีทเจอร์นัล (WSJ) รายงานว่า แม้รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณาเข้าถือหุ้นในบริษัทที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก CHIPS Act แต่ยังไม่มีแผนที่จะเข้าถือหุ้นในบริษัทผลิตชิปรายใหญ่ที่ลงทุนในสหรัฐฯ ข่าวนี้สร้างความสนใจอย่างมากในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ทำให้เกิดคำถามว่า รัฐบาลทรัมป์ไม่มีแผนเข้าถือหุ้นใน TSMC และบ.ชิปรายใหญ่ที่เพิ่มการลงทุนในสหรัฐฯ จริงหรือไม่ แล้วจะมีผลกระทบอย่างไร

รัฐบาลทรัมป์ไม่มีแผนเข้าถือหุ้นใน TSMC และบ.ชิปรายใหญ่ที่เพิ่มการลงทุนในสหรัฐฯ

รายงานของ WSJ อ้างอิงแหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่รัฐบาล ระบุว่า การพิจารณาเข้าถือหุ้นจะจำกัดอยู่เฉพาะบริษัทที่ได้รับเงินทุนภายใต้ CHIPS Act เท่านั้น และไม่ได้มุ่งเป้าไปที่บริษัทอย่าง TSMC หรือ Micron ที่กำลังขยายการลงทุนอย่างแข็งขันในสหรัฐฯ การยืนยันนี้เกิดขึ้นหลังจากที่รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ได้กล่าวถึงความเป็นไปได้ในการเข้าถือหุ้น 10% ใน Intel ซึ่งกำลังเผชิญกับความท้าทาย

TSMC ลงทุนมหาศาลในสหรัฐฯ

TSMC ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของโลก และมีลูกค้ารายสำคัญอย่าง Nvidia และ Apple ได้ประกาศแผนการลงทุนมูลค่า 1 แสนล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นส่วนเพิ่มเติมจากเงินลงทุน 6.5 หมื่นล้านดอลลาร์สำหรับโรงงานผลิต 3 แห่งในรัฐแอริโซนา การลงทุนขนาดใหญ่นี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ TSMC ที่จะขยายการผลิตในสหรัฐฯ และสนับสนุนห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ของประเทศ

กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ซึ่งกำกับดูแล CHIPS Act ได้อนุมัติเงินอุดหนุนมูลค่า 6.6 พันล้านดอลลาร์ให้กับ TSMC เมื่อปลายปีที่แล้ว เพื่อใช้ในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศ การสนับสนุนนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ และลดการพึ่งพาการผลิตจากต่างประเทศ

แม้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะไม่น่าจะเข้าถือหุ้นใน TSMC แต่บริษัทต่างๆ ที่ไม่ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาในการลงทุนอาจต้องเสนอหุ้นให้กับรัฐบาลเพื่อแลกกับเงินอุดหนุน นี่เป็นข้อกำหนดที่อาจสร้างแรงกดดันให้กับบริษัทที่ได้รับเงินทุนสนับสนุน และกระตุ้นให้พวกเขาปฏิบัติตามแผนการลงทุนที่ได้วางไว้

ในอดีต รัฐบาลสหรัฐฯ เคยเข้าถือหุ้นในบริษัทต่างๆ ในช่วงที่เศรษฐกิจไม่แน่นอน เพื่อช่วยเหลือทางการเงินและฟื้นฟูความเชื่อมั่น ตัวอย่างเช่น ในช่วงวิกฤตการณ์ทางการเงินปี 2008 รัฐบาลได้เข้าถือหุ้นในธนาคารหลายแห่งเพื่อป้องกันการล่มสลายของระบบการเงิน

การที่ รัฐบาลทรัมป์ไม่มีแผนเข้าถือหุ้นใน TSMC และบ.ชิปรายใหญ่ที่เพิ่มการลงทุนในสหรัฐฯ เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า สหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับการดึงดูดการลงทุนจากภาคเอกชน และสนับสนุนการขยายตัวของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศ การดำเนินการนี้อาจช่วยให้สหรัฐฯ ลดการพึ่งพาการผลิตชิปจากต่างประเทศ และเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ

การลงทุนอย่างต่อเนื่องในเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับอนาคตของสหรัฐฯ และการที่รัฐบาลให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมนี้จะช่วยให้ประเทศสามารถแข่งขันในเวทีโลกได้

สถานการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนของความสัมพันธ์ระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี การที่รัฐบาลให้เงินอุดหนุน แต่ไม่ต้องการเข้าควบคุมกิจการ เป็นการสร้างสมดุลที่ละเอียดอ่อน เพื่อให้มั่นใจว่าผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่ายได้รับการปกป้อง

โดยสรุปแล้ว แม้ว่า รัฐบาลทรัมป์ไม่มีแผนเข้าถือหุ้นใน TSMC และบ.ชิปรายใหญ่ที่เพิ่มการลงทุนในสหรัฐฯ แต่ยังคงมีความสำคัญต่อการติดตามพัฒนาการในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์อย่างใกล้ชิด เพื่อทำความเข้าใจผลกระทบต่อเศรษฐกิจและเทคโนโลยีในอนาคต

ที่มา – WSJ ตีข่าว รัฐบาลทรัมป์ไม่มีแผนเข้าถือหุ้นใน TSMC และบ.ชิปรายใหญ่ที่เพิ่มการลงทุนในสหรัฐฯ