เครื่องบิน

เครื่องบิน รมว.กลาโหมสหรัฐฯ ลงจอดฉุกเฉิน!

เกิดเหตุระทึก! เครื่องบิน รมว.กลาโหมสหรัฐฯ ลงจอดฉุกเฉินในอังกฤษ หลังกระจกเครื่องบินร้าว สร้างความตกใจให้กับผู้โดยสารและลูกเรือ

ADS-B Exchange ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเฝ้าระวังเส้นทางการบิน รายงานว่า เครื่องบินที่มีพีธ เฮกเสธ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ โดยสารมาด้วยนั้น ได้ลงจอดที่สนามบินกองทัพแห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเมื่อช่วงเย็นวันพุธ (15 ต.ค.) หลังจากมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน

ฌอน พาร์เนล โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ยืนยันผ่านทางแพลตฟอร์ม X ว่า เครื่องบินที่รัฐมนตรีกลาโหมโดยสารมานั้น ได้ลงจอดนอกตารางบิน ซึ่งมีสาเหตุมาจาก “รอยร้าวที่กระจกหน้าของเครื่องบิน”

พาร์เนลกล่าวเพิ่มเติมว่า “เครื่องบินลงจอดตามขั้นตอนมาตรฐาน และทุกคนบนเครื่อง รวมถึงรัฐมนตรีเฮกเสธ ปลอดภัยดี”

เที่ยวบิน SAM 153 ลำนี้ได้บินอยู่เหนือดินแดนแอตแลนติกเหนือ ก่อนที่จะวกกลับไปยังสหราชอาณาจักร โดยพาร์เนลกล่าวว่า เที่ยวบินนี้มีกำหนดเดินทางกลับสู่สหรัฐฯ หลังเสร็จสิ้นการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมของกลุ่ม NATO ซึ่งจัดขึ้นในประเทศเบลเยียม โดยที่ประชุมมีการหารือกันเกี่ยวกับความมั่นคงในยูเครน

รัฐมนตรีเฮกเสธได้โพสต์ข้อความหลังจากเครื่องลงจอดว่า “ทุกอย่างเรียบร้อยดี ขอบคุณพระเจ้า ภารกิจเดินหน้าต่อไป!”

ทางด้าน BBC Verify ซึ่งติดตามเที่ยวบินดังกล่าว พบว่า เครื่องบินเริ่มลดระดับความสูงที่บริเวณนอกชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของไอร์แลนด์ จากนั้นจึงหันหัวกลับไปทางทิศตะวันออก โดยลดระดับลงมาอยู่ที่ความสูง 10,000 ฟุต ตามข้อมูลจาก FlightRadar24 ซึ่งในช่วงเวลานี้เอง เครื่องบินเริ่มส่งสัญญาณ “รหัสฉุกเฉิน 7700” (7700 squawk code) บนเครื่องส่งสัญญาณ ซึ่งรหัสดังกล่าวเป็นการส่งสัญญาณให้ทราบถึงเหตุฉุกเฉินทั่วไปบนเครื่องบิน ตั้งแต่เครื่องยนต์ขัดข้อง การลดความดันอากาศ ไปจนถึงภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์

ก่อนหน้านี้ในเดือนก.พ. เครื่องบินของรัฐบาลที่มีมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ โดยสารมาด้วยนั้น ก็ต้องบินกลับเช่นกัน เนื่องจากกระจกหน้าห้องนักบินมีรอยร้าว

เครื่องบิน รมว.กลาโหมสหรัฐฯ ลงจอดฉุกเฉิน

เหตุการณ์เครื่องบิน รมว.กลาโหมสหรัฐฯ ลงจอดฉุกเฉินครั้งนี้ ทำให้เกิดคำถามถึงมาตรการความปลอดภัยของการเดินทางด้วยเครื่องบินของบุคคลสำคัญ แม้โฆษกกระทรวงกลาโหมจะยืนยันว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจากรอยร้าวที่กระจกหน้าของเครื่องบิน และไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ แต่ก็เป็นสัญญาณเตือนให้ตระหนักถึงความสำคัญของการบำรุงรักษาเครื่องบินอย่างสม่ำเสมอ และการเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

รายละเอียดเหตุการณ์ เครื่องบิน รมว.กลาโหมสหรัฐฯ ลงจอดฉุกเฉิน

  • วันและเวลา: เมื่อช่วงเย็นวันพุธ (15 ต.ค.)
  • สถานที่: สนามบินกองทัพแห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักร
  • สาเหตุ: รอยร้าวที่กระจกหน้าของเครื่องบิน
  • ผู้โดยสาร: พีธ เฮกเสธ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ และคณะ
  • ผลกระทบ: ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าแม้แต่การเดินทางด้วยเครื่องบินของบุคคลสำคัญก็ยังมีความเสี่ยงเกิดขึ้นได้เสมอ การตระหนักถึงความเสี่ยงและเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารและลูกเรือทุกคน นอกจากนี้ การบำรุงรักษาเครื่องบินอย่างสม่ำเสมอและเข้มงวดยังเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีกในอนาคต และสร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่ต้องเดินทางด้วยเครื่องบิน

การที่เครื่องบิน รมว.กลาโหมสหรัฐฯ ลงจอดฉุกเฉิน แม้จะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก แต่ก็เป็นเครื่องเตือนใจให้เราใส่ใจในเรื่องความปลอดภัยในการเดินทางทางอากาศมากยิ่งขึ้น หวังว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นบทเรียนให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องหันมาให้ความสำคัญกับการบำรุงรักษาเครื่องบิน และการเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินมากยิ่งขึ้น

ที่มา – เครื่องบินรมว.กลาโหมสหรัฐฯ ลงจอดฉุกเฉินในอังกฤษ หลังกระจกเครื่องบินร้าว

รมว.ย้ำ! ไม่มีการบิดเบือนผลสอบเครื่องบิน Air India

ราม โมฮัน ไนดู รัฐมนตรีกระทรวงการบินพลเรือนของอินเดีย ยืนยันว่า ไม่มีการบิดเบือนผลสอบเครื่องบิน Air India หลังบิดาของกัปตันเครื่องบินลำดังกล่าวได้ร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่สอบสวน

ไนดูให้สัมภาษณ์ว่า “ในการสอบสวนไม่มีการบิดเบือนหรือการกระทำที่ไม่โปร่งใสใด ๆ ทั้งสิ้น กระบวนการทั้งหมดเป็นไปอย่างโปร่งใสและรัดกุมตามกฎระเบียบที่กำหนดไว้ และเราจะรักษาความมุ่งมั่นนี้ต่อไป”

เมื่อเดือนที่ผ่านมา ปุษกร ราช สภรวาล บิดาของกัปตันสุมิต สภรวาล ได้ส่งอีเมลถึงสหภาพนักบินอินเดีย (FIP) ระบุว่า เจ้าหน้าที่สอบสวนเคยไปเยี่ยมบ้านของเขา โดยอ้างว่า “มาแสดงความเสียใจ” และบอกเป็นนัยว่าลูกชายของเขาเป็นผู้ปิดสวิตช์ควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง

สภรวาลยังชี้ว่า การที่ผู้สอบสวน “เลือก” เปิดเผยข้อมูลบางส่วน ทำให้เกิดกระแสคาดเดาเกี่ยวกับการกระทำของบุตรชายผู้ล่วงลับ

รายงานเบื้องต้นจากสำนักงานสอบสวนอุบัติเหตุทางอากาศ (AAIB) ระบุว่า สวิตช์เชื้อเพลิงของเครื่องยนต์ถูกปรับจากตำแหน่งเปิด (run) ไปยังตำแหน่งตัดการจ่ายเชื้อเพลิง (cutoff) พร้อมกันเกือบทันทีหลังเครื่องขึ้นบิน

ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวที่เข้าถึงผลการประเมินของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เปิดเผยว่า บันทึกการสนทนาระหว่างนักบินทั้งสองคนสนับสนุนข้อสันนิษฐานที่ว่ากัปตันสภรวาลเป็นผู้ตัดสวิตช์เชื้อเพลิง

FIP ระบุในแถลงการณ์ว่า การพูดคุยครั้งนั้นยิ่งตอกย้ำความกังวลของสภรวาลว่าอาจมีความพยายามตั้งใจโยนความผิดไปยังบุตรชาย พร้อมเสริมว่าเจ้าหน้าที่ AAIB ยังได้สอบถามสภรวาลเกี่ยวกับสภาพจิตใจของบุตรชายเขาด้วย

นอกจากนี้ สภรวาลยังได้ยื่นจดหมายอีกฉบับต่อกระทรวงฯ ขอให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุการณ์ครั้งนี้ ขณะที่ศาลสูงสุดของอินเดียเรียกร้องให้รัฐบาลตอบคำร้องเพื่อให้มีการสอบสวนอิสระ

ทั้งนี้ เครื่องบินโบอิ้ง 787 ดรีมไลเนอร์ ของแอร์อินเดีย เที่ยวบิน 171 ประสบอุบัติเหตุตกหลังขึ้นบินจากสนามบินเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต เมื่อเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา เพียงไม่กี่นาทีหลังเทคออฟ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 260 ราย

รมว.การบินอินเดียย้ำ ไม่มีการบิดเบือนผลสอบเครื่องบิน Air India หลังพ่อนักบินร้องเรียน

เรื่องราวนี้เป็นที่สนใจของสาธารณชนเนื่องจากความละเอียดอ่อนของประเด็นการสอบสวนอุบัติเหตุทางอากาศ และข้อกล่าวหาเรื่องความไม่โปร่งใสที่เกิดขึ้น เรามาเจาะลึกถึงรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้กันดีกว่า

รัฐมนตรีอินเดียปฏิเสธข้อกล่าวหา บิดเบือนผลสอบเครื่องบิน Air India

ราม โมฮัน ไนดู รัฐมนตรีกระทรวงการบินพลเรือนของอินเดีย ออกมาตอบโต้ข้อกล่าวหาเรื่องการบิดเบือนผลสอบเครื่องบิน Air India อย่างแข็งขัน โดยยืนยันว่ากระบวนการสอบสวนเป็นไปอย่างโปร่งใสและเป็นไปตามระเบียบที่กำหนดไว้ การยืนยันนี้มีขึ้นหลังจากที่ปุษกร ราช สภรวาล บิดาของกัปตันสุมิต สภรวาล ได้ร้องเรียนเกี่ยวกับวิธีการสอบสวนที่เกิดขึ้น

ใจความสำคัญของการร้องเรียนของสภรวาลอยู่ที่ความกังวลว่าเจ้าหน้าที่สอบสวนอาจมีอคติในการนำเสนอข้อมูล ซึ่งทำให้เกิดการคาดเดาที่ไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับบุตรชายของเขา ยิ่งไปกว่านั้น เขายังตั้งข้อสังเกตว่าการที่เจ้าหน้าที่สอบสวนถามถึงสภาพจิตใจของลูกชาย ยิ่งทำให้เกิดความกังวลว่าอาจมีความพยายามที่จะโยนความผิดให้กับบุตรชายผู้เสียชีวิต

เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดคำถามสำคัญเกี่ยวกับความโปร่งใสและความเป็นธรรมในกระบวนการสอบสวนอุบัติเหตุทางอากาศ การที่รัฐมนตรีต้องออกมาให้คำมั่นสัญญาว่าจะรักษาความโปร่งใส แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการสร้างความเชื่อมั่นให้กับสาธารณชนในเรื่องความปลอดภัยทางการบิน

การออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาของรัฐมนตรีและการเรียกร้องให้มีการสอบสวนที่เป็นอิสระจากศาลสูง บ่งชี้ว่าเรื่องนี้ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป ความถูกต้องและเป็นธรรมในการสอบสวนอุบัติเหตุทางอากาศเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้มั่นใจว่ามีการเรียนรู้จากข้อผิดพลาดและป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันในอนาคต

ดังนั้น การติดตามข่าวสารและการรับฟังข้อมูลจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง จะช่วยให้เราเข้าใจถึงสถานการณ์ที่แท้จริงและการดำเนินการแก้ไขที่เหมาะสมต่อไป

ที่มา – รมว.การบินอินเดียย้ำ ไม่มีการบิดเบือนผลสอบเครื่องบิน Air India หลังพ่อนักบินร้องเรียน

กองทัพเรือขออภัย! เครื่องบินขัดข้องรันเวย์ภูเก็ต

กองทัพเรือ ขออภัย เครื่องบินตรวจการณ์ ขัดข้องระบบล้อ จอดขวางรันเวย์สนามบินภูเก็ต คาดเคลื่อนย้ายแล้วเสร็จ 15.30 น.วันนี้ จากกรณีเกิดอุบัติเหตุเครื่องบินลาดตระเวนของกองทัพเรือลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินนานาชาติภูเก็ตเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2568 สร้างความปั่นป่วนให้กับการเดินทางทางอากาศเป็นอย่างมาก

เบื้องต้นทราบว่าเป็นเครื่องบินตรวจการณ์แบบที่ 1 Cessna O-2 (T-337) ของกองทัพเรือ ประสบปัญหาระบบล้อกางไม่สมบูรณ์ ทำให้จอดขวางรันเวย์สนามบินภูเก็ต และส่งผลให้เครื่องบินพาณิชย์ไม่สามารถลงจอดได้ในช่วงเวลาดังกล่าว ทางกองทัพเรือเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาเพื่อลดผลกระทบต่อผู้โดยสารและสายการบินต่างๆ

พล.ร.ต.ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ ได้ออกมาเปิดเผยถึงรายละเอียดของเหตุการณ์ เครื่องบินตรวจการณ์ ขัดข้องระบบล้อ จอดขวางรันเวย์สนามบินภูเก็ต ว่า เครื่องบินดังกล่าวเป็นเครื่อง T-337 ซึ่งกำลังปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนทางทะเลตามปกติ เพื่อรักษาผลประโยชน์ทางทะเลของชาติ ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันการลักลอบลำเลียงยาเสพติด หรือการกระทำผิดกฎหมายอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นในน่านน้ำไทย

“กองทัพเรือต้องขออภัยพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ เครื่องบินตรวจการณ์ ขัดข้องระบบล้อ จอดขวางรันเวย์สนามบินภูเก็ต ในครั้งนี้” โฆษกกองทัพเรือกล่าว พร้อมทั้งยืนยันว่ากำลังเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ เพื่อให้สนามบินสามารถกลับมาเปิดให้บริการได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด

สำหรับเครื่องบิน T-337 หรือ Cessna O-2 Skymaster เป็นเครื่องบินตรวจการณ์ชี้เป้าแบบที่ 1 สังกัดกองทัพเรือ ซึ่งประจำการมาเป็นเวลานานถึง 42 ปี โดยมีภารกิจหลักในการลาดตระเวนทางทะเล เฝ้าระวังภัยคุกคาม และสนับสนุนการปฏิบัติการทางเรือต่างๆ

กองทัพเรือขออภัย เครื่องบินตรวจการณ์ ขัดข้องระบบล้อ จอดขวางรันเวย์สนามบินภูเก็ต

เหตุการณ์ เครื่องบินตรวจการณ์ ขัดข้องระบบล้อ จอดขวางรันเวย์สนามบินภูเก็ต ในครั้งนี้ นับเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก แต่ก็ส่งผลกระทบต่อการเดินทางทางอากาศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้หลายเที่ยวบินต้องล่าช้า หรือถูกยกเลิก สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้โดยสารจำนวนมาก

ทางกองทัพเรือได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะดำเนินการสอบสวนหาสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้อย่างละเอียด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันขึ้นอีกในอนาคต พร้อมทั้งจะให้การสนับสนุนการแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศ

การแก้ไขปัญหาเครื่องบินขัดข้องรันเวย์

การเคลื่อนย้ายเครื่องบินที่ขัดข้องออกจากรันเวย์เป็นกระบวนการที่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างสูง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายเพิ่มเติมแก่เครื่องบิน หรือโครงสร้างพื้นฐานของสนามบิน โดยปกติแล้ว จะมีการใช้รถเครนขนาดใหญ่ หรืออุปกรณ์พิเศษอื่นๆ ในการยก หรือลากเครื่องบินออกจากพื้นที่

นอกจากนี้ ยังต้องมีการตรวจสอบความเสียหายของรันเวย์ และทำการซ่อมแซมหากจำเป็น เพื่อให้มั่นใจว่าสนามบินมีความปลอดภัยสำหรับการใช้งาน โดยกระบวนการทั้งหมดนี้ อาจต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง หรืออาจเป็นวัน ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของสถานการณ์

  • การประสานงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กองทัพเรือ ท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย และสายการบินต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
  • การสื่อสารกับผู้โดยสารและประชาชนทั่วไป ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพื่อให้ทุกคนได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง และเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

แม้ว่าเหตุการณ์ เครื่องบินตรวจการณ์ ขัดข้องระบบล้อ จอดขวางรันเวย์สนามบินภูเก็ต จะสร้างความปั่นป่วนให้กับการเดินทาง แต่ก็เป็นโอกาสให้ทุกฝ่ายได้เรียนรู้ และพัฒนาระบบการจัดการในภาวะฉุกเฉินให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันได้อย่างรวดเร็ว และลดผลกระทบต่อประชาชนให้มากที่สุด

ที่มา – กองทัพเรือ ขออภัย เครื่องบินตรวจการณ์ ขัดข้องระบบล้อ จอดขวางรันเวย์สนามบินภูเก็ต

นั่งเครื่องบินตำแหน่งไหนปลอดภัยที่สุด?

การเดินทางด้วยเครื่องบินเป็นหนึ่งในวิธีการเดินทางที่ปลอดภัยที่สุดในโลก แต่เมื่อพูดถึงความปลอดภัยในการนั่งเครื่องบิน หลายคนอาจสงสัยว่าตำแหน่งไหนในเครื่องบินที่ปลอดภัยที่สุด? แม้ว่าอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับเครื่องบินจะเกิดขึ้นได้น้อยมาก แต่การเลือกที่นั่งอาจช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้โดยสารได้บ้าง โดยอ้างอิงจากการศึกษาทางสถิติและข้อมูลจากนักวิจัยในวงการการบิน

นั่งเครื่องบินตำแหน่งไหนปลอดภัยที่สุด

1. ที่นั่งที่ปลอดภัยที่สุด: ท้ายเครื่องบิน
จากการศึกษาหลายๆ ครั้ง โดยเฉพาะการศึกษาของสถาบันการบิน ซึ่งได้ทำการวิเคราะห์อุบัติเหตุเครื่องบินพบว่า ที่นั่งที่อยู่ใกล้ท้ายเครื่องบินมีอัตราการรอดชีวิตสูงกว่าเมื่อเทียบกับที่นั่งที่อยู่ใกล้ห้องนักบินหรือส่วนหน้าเครื่องบิน การศึกษาที่ทำกับข้อมูลอุบัติเหตุเครื่องบินของการบินพลเรือนในสหรัฐฯ พบว่า ผู้โดยสารที่นั่งในช่วงท้ายเครื่องบินมีโอกาสรอดชีวิตสูงกว่าผู้ที่นั่งในส่วนหน้าถึง 40% หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

2. ที่นั่งริมทางเดิน
การเลือกนั่งริมทางเดินจะทำให้คุณสามารถออกจากที่นั่งได้อย่างรวดเร็วในกรณีที่ต้องอพยพจากเครื่องบิน อย่างไรก็ตาม ที่นั่งริมหน้าต่างก็มีข้อดีในการช่วยให้สามารถมองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากภายในเครื่องบินได้ชัดเจนกว่า

3. ที่นั่งกลาง
แม้จะไม่ค่อยเป็นที่นิยมในหมู่ผู้โดยสาร แต่ที่นั่งกลางก็มีข้อดีบางอย่างในด้านความปลอดภัย เนื่องจากตำแหน่งนี้มักอยู่ในระยะห่างจากจุดเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในเครื่องบิน เช่น ใกล้เครื่องยนต์หรือห้องนักบิน

4. เลือกที่นั่งในเครื่องบินที่ไม่ใกล้เครื่องยนต์
ที่นั่งที่อยู่ห่างจากเครื่องยนต์มีความปลอดภัยมากกว่า เนื่องจากเครื่องยนต์เป็นส่วนที่มีความเสี่ยงสูงในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะการเกิดไฟไหม้หรือการระเบิด

5. ความปลอดภัยที่ขึ้นอยู่กับสภาพเครื่องบินและสายการบิน
นอกจากการเลือกที่นั่งแล้ว สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงคือสภาพของเครื่องบินและความปลอดภัยที่สายการบินให้ความสำคัญ เช่น การบำรุงรักษาเครื่องบินเป็นประจำ และการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่และนักบินเพื่อให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ

สรุป:
แม้ว่าการเลือกที่นั่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตในกรณีฉุกเฉิน แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือกสายการบินที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูงและเครื่องบินที่ได้รับการบำรุงรักษาอย่างดี อย่างไรก็ตาม การเลือกที่นั่งท้ายเครื่องบินและริมทางเดินจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุได้บ้าง การรักษาความสงบและปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงเมื่อเดินทางทางอากาศ

นั่งเครื่องบินตำแหน่งไหนปลอดภัยที่สุด