เขากระโดง

รฟท. ฟ้องเพิ่ม 90 แปลง ขับไล่ที่ดินเขากระโดง

การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เดินหน้าฟ้องร้องเพิกถอนสิทธิ์และขับไล่ผู้ครอบครองที่ดินบริเวณเขากระโดงอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้ยื่นฟ้องเพิ่มเติมอีก 90 แปลง ตอกย้ำว่าพื้นที่พิพาทกรณีเขากระโดง เป็นกรรมสิทธิ์ของ รฟท. อย่างแท้จริง

เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2568 รฟท. รายงานความคืบหน้าของคดีความที่เกี่ยวข้องกับที่ดินเขากระโดง หลังจากก่อนหน้านี้ได้ยื่นฟ้องเพิกถอนสิทธิ์และขับไล่ผู้ถือครองที่ดินเลขที่ 3466 และ 8564 ไปแล้วเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ที่ศาลจังหวัดบุรีรัมย์

นอกจากนี้ ยังมีการยื่นฟ้องเพิ่มเติมในกลุ่มคดีที่เกี่ยวข้องกับบริษัทนิติบุคคลและผู้ครอบครองที่ดินแปลงใหญ่ที่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ซึ่งได้แก่ผู้ถือครองที่ดินเลขที่ 3477, 24091, 3476, 3742, 3743, 115572, 9160, 3285 และ 30222 เมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา รวมถึงกลุ่มคดีส่วนใหญ่ที่เป็นผู้ครอบครองที่ดินจำนวนมาก ได้แก่ ผู้ถือครองที่ดินเลขที่ 600, 601, 602, 1095, 1096, 2767, 2869, 3188, 3195, 3863, 8626, 8662, 8811, 9235 และ 25091 เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2568

ล่าสุด เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2568 รฟท. ได้ยื่นฟ้องเพิ่มเติมอีก 90 แปลง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ครอบครองที่ดินไว้จำนวนมาก โดยมีรายชื่อผู้ถือครองที่ดินเลขที่ดังต่อไปนี้: 2360, 2546, 2665, 2670, 2671, 2684, 2685, 2765, 2767, 2869, 3128, 3129, 3189, 3286, 3375, 3376, 3377, 3378, 3379, 3380, 3381, 3416, 3417, 3863, 8692, 8916, 9167, 11315, 11447, 15351, 15970, 15971, 16441, 17397, 19160, 19161, 22364, 22365, 22367, 22368, 22462, 22529, 22990, 22991, 22992, 22993, 22995, 24448, 24452, 25952, 25953, 25955, 28654, 37640, 53530, 53895, 59724, 112017, 112018, 112019, 112020, 112021, 112022, 115904, 121449, 121450, 122887, 122888, 122889, 122890, 122891, 122892, 122893, 125978, 127403, 127404, 127405, 127406, 127407, 127408, 127409, 127410, 133688, 133689, 136046, 136047, 136048, 152353, 152354 และ 152355

รฟท. ยืนยันหนักแน่นว่าพื้นที่พิพาทกรณีเขากระโดง เป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทย และพร้อมที่จะพิสูจน์สิทธิ์ในชั้นศาล เพื่อให้ข้อพิพาทที่สร้างความสับสนในสังคมยุติลงโดยเร็ว โดย รฟท. เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมและพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

การดำเนินการฟ้องร้องในครั้งนี้ รฟท. ย้ำว่ามีจุดประสงค์เพื่อรักษาทรัพย์สินของทางราชการและเพื่อประโยชน์สูงสุดของการรถไฟแห่งประเทศไทย

รฟท. ยื่นฟ้องเพิกถอนเพิ่มอีก 90 แปลง ขับไล่ผู้ครอบครองที่ดินเขากระโดง

ทำไม รฟท. ต้องฟ้องร้องผู้ครอบครองที่ดินเขากระโดง?

การที่ รฟท. ต้องดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ถือครองที่ดินบริเวณเขากระโดงนั้น สืบเนื่องมาจากข้อพิพาทเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดิน ซึ่ง รฟท. ยืนยันว่าเป็นพื้นที่ของการรถไฟฯ และการฟ้องร้องนี้ถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการปกป้องทรัพย์สินของรัฐและรักษาผลประโยชน์ของการรถไฟฯ

  • การดำเนินการทางกฎหมายถือเป็นแนวทางที่โปร่งใสและเป็นธรรม
  • รฟท. มุ่งหวังที่จะให้ศาลเป็นผู้ตัดสินข้อพิพาทอย่างยุติธรรม
  • การรักษาทรัพย์สินของรัฐเป็นหน้าที่สำคัญของ รฟท.

การแก้ไขปัญหาเขากระโดง จำเป็นต้องอาศัยความเข้าใจและความร่วมมือจากทุกฝ่าย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและประโยชน์สูงสุดแก่ทุกภาคส่วนในสังคม การดำเนินการตามกฎหมายจึงเป็นทางออกที่ รฟท. เห็นว่าเหมาะสมที่สุดในสถานการณ์ปัจจุบัน

คดีความที่ดินเขากระโดงยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด และหวังว่าทุกฝ่ายจะได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการยุติธรรม

ที่มา – รฟท.ยื่นฟ้องเพิกถอนเพิ่มอีก 90 แปลง ขับไล่ผู้ครอบครองที่ดินเขากระโดง

รฟท.ฟ้องเพิกถอนเขากระโดง 15 แปลง

การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เดินหน้ายื่นฟ้องเพิกถอนผู้ครอบครองที่ดินบริเวณเขากระโดงเพิ่มเติมอีก 15 แปลง โดยระบุว่าเป็นกลุ่มผู้ถือครองที่ดินจำนวนมาก และยืนยันว่าที่ดินดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของ รฟท. อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

ภายหลังจากที่ รฟท. ได้ดำเนินการฟ้องร้องเพิกถอน หรือฟ้องขับไล่ ผู้ที่เข้ายึดถือครอบครองที่ดินเลขที่ 3466 และ 8564 บริเวณแยกเขากระโดง ต่อศาลจังหวัดบุรีรัมย์เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา ล่าสุดได้มีการยื่นฟ้องเพิ่มเติมต่อศาลจังหวัดบุรีรัมย์อีกครั้ง

การฟ้องร้องเพิ่มเติมนี้เกี่ยวข้องกับบริษัทนิติบุคคลและผู้ครอบครองที่ดินแปลงใหญ่ ซึ่งนำที่ดินไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ ได้แก่ ผู้ยึดถือครอบครองที่ดินเลขที่ 3477, 24091, 3476, 3742, 3743, 115572, 9160, 3285 และ 30222 โดยได้ยื่นฟ้องไปเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2568

และในวันที่ 24 ตุลาคม 2568 นี้เอง รฟท. ได้ยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดบุรีรัมย์เพิ่มเติมอีกจำนวน 15 แปลง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ที่ครอบครองที่ดินไว้เป็นจำนวนมาก ประกอบด้วย ผู้ยึดถือครอบครองที่ดินเลขที่ 600, 601, 602, 1095, 1096, 2767, 2869, 3188, 3195, 3863, 8626, 8662, 8811, 9235 และ 25091

รายงานข่าวจาก รฟท. ยังระบุถึงกรณีที่ศาลฎีกาที่ 842-876/2560 และศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีคำพิพากษายืนตามศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ของชาวบ้านจำนวน 35 ราย ในเขตพื้นที่ ต.เสม็ด และ ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ว่า

เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา รฟท. ได้ร่วมกับสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อทำการไกล่เกลี่ยคดีกับชาวบ้านทั้ง 35 ราย ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ รฟท. กำลังดำเนินการทำสัญญาให้เช่าที่ดินกับชาวบ้านกลุ่มดังกล่าว

รฟท. ขอยืนยันหนักแน่นว่า พื้นที่พิพาทกรณีเขากระโดง เป็นพื้นที่ของการรถไฟฯ เพื่อให้ข้อพิพาทและความสับสนที่เกิดขึ้นในสังคมยุติลง รฟท. จึงจำเป็นต้องนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์สิทธิ และเชื่อมั่นว่าศาลยุติธรรมจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย การดำเนินการฟ้องร้องในครั้งนี้ มีจุดประสงค์เพื่อรักษาทรัพย์สินของทางราชการ และเพื่อประโยชน์สูงสุดของ รฟท. เอง

รฟท.ฟ้องเพิกถอนเขากระโดง 15 แปลง

การดำเนินการทางกฎหมายของ รฟท. ในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะปกป้องสิทธิในที่ดินของตนเอง และแก้ไขปัญหาข้อพิพาทที่ยืดเยื้อมานาน อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหาที่ดินบริเวณเขากระโดงนั้น จำเป็นต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ด้วย

ทำไม รฟท. ต้องฟ้องเพิกถอนเขากระโดง 15 แปลง เพิ่มเติม?

เหตุผลหลักที่ รฟท. ต้องดำเนินการฟ้องร้องเพิ่มเติม คือ เพื่อยืนยันสิทธิความเป็นเจ้าของที่ดิน และป้องกันการบุกรุกที่ดินของรัฐ นอกจากนี้ การฟ้องร้องยังเป็นการดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อให้การใช้ประโยชน์ที่ดินเป็นไปอย่างถูกต้อง และเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย

  • การรักษาทรัพย์สินของรัฐ: รฟท. มีหน้าที่ในการดูแลและรักษาทรัพย์สินของรัฐ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ
  • การแก้ไขปัญหาข้อพิพาท: การฟ้องร้องเป็นกระบวนการทางกฎหมายที่ช่วยแก้ไขปัญหาข้อพิพาทเรื่องที่ดินอย่างเป็นธรรม
  • การพัฒนาพื้นที่อย่างยั่งยืน: การจัดการที่ดินอย่างถูกต้อง จะนำไปสู่การพัฒนาพื้นที่อย่างยั่งยืนในระยะยาว

การแก้ไขปัญหาที่ดินบริเวณเขากระโดง จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม และประโยชน์สูงสุดแก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง การดำเนินการใดๆ ต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อทุกฝ่าย และหาทางออกที่ยั่งยืนร่วมกัน

การฟ้องร้อง รฟท.ฟ้องเพิกถอนเขากระโดง 15 แปลง ครั้งนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของกระบวนการแก้ไขปัญหาที่ดินที่ซับซ้อนและยาวนาน การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนต้องอาศัยความโปร่งใส ความเป็นธรรม และการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

ที่มา – รฟท.ยื่นฟ้องเพิกถอน เขากระโดง เพิ่มอีก 15แปลง ชี้เป็นกลุ่มถือครองที่ดินจำนวนมาก

DSI พบรุกที่ดินเขากระโดง เตรียมเป็นคดีพิเศษ

DSI เดินหน้าตรวจสอบการรุกที่ดินเขากระโดง พบกลุ่มคนทั้งในพื้นที่และตระกูลดั้งเดิม ครอบครองที่ดินเกินกว่า 50 ไร่ เตรียมพิจารณาเป็นคดีพิเศษ แม้มีการเปลี่ยนขั้วการเมือง ยืนยันทำตามอำนาจและกฎหมาย

เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2568 พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผอ.กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ได้สอบปากคำเพิ่มเติม นางกุสุมาลวตี ศิริโกมุก หรือเจ๊แมว กรณีร้องทุกข์กล่าวโทษบุคคลที่ครอบครองพื้นที่รุกที่ดินเขากระโดง รวมถึงการก่อสร้างสนามแข่งรถทับลำคลองสาธารณะ

นอกจากนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ประสานงานว่าจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบและการบุกรุกพื้นที่ 5,083 ไร่ รวมถึงพื้นที่อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง DSI ได้ลงพื้นที่รวบรวมข้อมูลจากสำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ธนารักษ์ การรถไฟฯ เพื่อประมวลเรื่องและประชุมคณะพนักงานสืบสวน

พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีการออกโฉนดโดยมิชอบในบัญชีท้ายของ พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 เกินกว่า 50 ไร่ เบื้องต้นพบ 4 ราย ทั้งบุคคลในพื้นที่ บุคคลอื่น และตระกูลดั้งเดิมในพื้นที่ จะนำข้อมูลมาพิจารณารับเป็นคดีพิเศษเกี่ยวกับการรุกที่ดินเขากระโดง

จากการตรวจสอบการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างทับที่สาธารณะ พบว่ามีบริเวณสนามฟุตบอลและสนามแข่งรถ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ของการรถไฟฯ แต่ต้องตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมจากสารบบที่ดินสำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ และภาพถ่ายดาวเทียม

แม้เรื่องที่ดินเขากระโดงจะมีมานานกว่า 100 ปี DSI ได้แบ่งหน้าที่ในการหาข้อมูลทางประวัติศาสตร์ แผนที่ดั้งเดิม ข้อมูลจากหอจดหมายเหตุ ข้อมูลจากเทคโนโลยี และคำพิพากษาต่าง ๆ เพื่อนำมารวมกับข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ในการทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ และการใช้โดรน ทำให้ได้แผนที่ที่ตรงกับแผนที่ของการรถไฟฯ 5,083 ไร่

ศาลปกครองให้ทางการรถไฟฯ กับกรมที่ดิน ทำแผนที่พิพาท 4,414 ไร่ ซึ่งตรงกัน สามารถพิจารณาขอบเขตพื้นที่ของการรถไฟฯ ได้ DSI ยังนำคำพิพากษาที่มีการตัดสิน 3 ราย มายึดโยงกับพื้นที่ พบว่าข้อมูลตรงกัน เรื่องเหล่านี้จะนำไปสู่การพิจารณาว่าจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ในพื้นที่ที่ออกเอกสารสิทธิในพื้นที่การรถไฟฯ จำนวน 995 แปลง มีทั้งโฉนดกับ น.ส.3 และที่ว่าง ซึ่งต้องตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล

ข้อมูลล่าสุดจากทางการรถไฟฯ เกี่ยวกับคดีรุกที่ดินเขากระโดง

พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวว่า วันนี้ทางการรถไฟฯ จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่ทั้งหมดของการรถไฟฯ ข้อมูลก่อนหน้านี้คือแผนที่ ขอบเขตที่แน่ชัด และผู้ที่ครอบครองอยู่ในพื้นที่การรถไฟฯ ซึ่งตรงกัน แต่ต้องดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ทางการรถไฟฯ จะให้มา กรณีที่ตรวจสอบแล้วพบว่าที่ดิน 271 แปลง มีการรับรองว่าไม่อยู่ในเขตของการรถไฟฯ แต่เมื่อตรวจสอบข้อมูลในแผนที่แล้ว พบว่าอยู่ในพื้นที่ของการรถไฟฯ จริง จึงต้องตรวจสอบเหตุผลในการรับรองข้อมูลดังกล่าว

นอกจากนี้ 271 แปลงนี้ ยังพบว่าเป็นการออกโฉนดตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ. 2515-2539 ซึ่งต้องตรวจสอบว่าแต่ละแปลงใครเป็นคนครอบครอง และเจ้าหน้าที่การรถไฟไปรับรองให้ใครบ้าง รับรองอย่างไร เมื่อใด

พ.ต.ต.ณฐพล ยืนยันว่า แม้จะมีผู้มีอิทธิพลครอบครองที่ดินในพื้นที่นี้ ก็ไม่กดดันในการทำคดี เพราะกองทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทำคดีใหญ่ที่มีความสลับซับซ้อนมาโดยตลอด ทำไปตามกรอบอำนาจหน้าที่และกฎหมายที่กำหนดไว้ ตอนนี้ยังไม่มีผู้มีอำนาจมากดดันอะไร

ความคืบหน้าคดีรุกที่ดินเขากระโดง

ส่วนกรณีที่มีข้อกังวลว่า หากรัฐบาลมีการเปลี่ยนขั้วการเมือง DSI จะยังสามารถดำเนินการทำคดีนี้ต่อไปได้หรือไม่ พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวว่า เมื่อรับทุกคดี ก็ต้องเดินหน้าทำตามกรอบหน้าที่ อยู่ที่ขั้นตอนและพยานหลักฐานที่มี ต้องดำเนินการไปตามปกติ คาดว่าราวสองสัปดาห์หลังจากนี้ หากทางการรถไฟฯ ให้ข้อมูลครบถ้วน จะสามารถขออธิบดี DSI รับเป็นคดีพิเศษได้

ส่วนฐานความผิดเบื้องต้นที่จะพิจารณา มีเรื่องเกี่ยวกับประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 9 มาตรา 108 ทวิ และความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หากมีการครอบครอง ยึด รุกที่ดินเขากระโดง เกินกว่า 50 ไร่ ถือเป็นคดีพิเศษตามบัญชีแนบท้ายกฎหมายของ DSI ซึ่งจะเป็นความผิดมูลฐานนำไปสู่การตรวจสอบเรื่องการฟอกเงินด้วย หากเป็นความผิดตามกฏหมายฟอกเงิน ก็จะต้องส่งต่อให้กับสำนักงาน ปปง. ดำเนินการ

หากพบว่าผู้กระทำความผิดเสียชีวิตไปแล้ว ที่ดินก็ยังเป็นของรัฐ จะต้องดำเนินการในตัวที่ดินต่อไป ส่วนที่ชาวบ้านสามารถพิสูจน์ได้ว่าอยู่อาศัยมาก่อนปี พ.ศ.2464 ก็ต้องตรวจสอบในสารบบอีกครั้งว่าผู้ครอบครองหรือทายาท ได้มาก่อนจริงหรือไม่

ส่วนเรื่องนิติกรรมอำพรางที่มีข้อมูลว่ามีการยกให้กันภายในตระกูล สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ได้บอกว่าบางสิ่งบางอย่าง เขาไม่ถือปฏิบัติในการทำมา จะต้องขอตรวจสอบเพิ่มเติมอีกครั้ง

ต่อมาเวลา 13.40 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายการรถไฟเดินทางมาถึงกองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยยังไม่เปิดเผยว่าจะดำเนินคดีกับใครบ้าง

DSI เร่งสอบสวนคดีรุกที่ดินเขากระโดง

การที่ DSI เร่งดำเนินการตรวจสอบและผลักดันให้คดีรุกที่ดินเขากระโดงเป็นคดีพิเศษ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาและนำผู้กระทำผิดมาลงโทษ แม้ว่าคดีนี้จะมีความซับซ้อนและเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพล แต่การบังคับใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมาจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและรักษาผลประโยชน์ของรัฐ

ที่มา – DSI พบกลุ่มคน รุกที่ดินเขากระโดง เกินกว่า 50 ไร่ พบทั้งคนพื้นที่-ตระกูลดั้งเดิม จับตาเป็นคดีพิเศษ

ด่วน! รฟท.เลื่อนแจ้งความ คดีเขากระโดง

ด่วน รฟท.ประสานดีเอสไอ เลื่อนแจ้งความเอาผิด คดีเขากระโดง อย่างไม่มีกำหนด หลังพบกลุ่มบุคคลและเจ้าหน้าที่การรถไฟเข้าไปเกี่ยวข้อง

เมื่อวันที่ 4 ก.ย.68 จากกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มอบหมายให้ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผอ.กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งเเวดล้อม ดำเนินการสืบสวนเรื่องข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการครอบครองและการออกเอกสารสิทธิในที่ดินบริเวณเขากระโดง จ.บุรีรัมย์

อันอาจเป็นที่ดินของรัฐและเกี่ยวข้องกับกลุ่มคณะบุคคลหลายฝ่าย เป็นเรื่องสืบสวนที่ 97/2568 พร้อมให้ดำเนินการสอบสวนปากคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง รวบรวมและตรวจสอบพยานหลักฐาน ประสานเอกสารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมที่ดิน สำนักงานที่ดิน จ.บุรีรัมย์ การรถไฟแห่งประเทศไทย แขวงการทางรถไฟลำปลายมาศ สำนักงานธนารักษ์พื้นที่บุรีรัมย์ และศูนย์ดำรงธรรม จ.บุรีรัมย์

พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผอ.กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย รฟท.ได้ประสานกลับมายังตนในวันนี้ เวลา 14.00 น. การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ขอเลื่อนการเข้าแจ้งความร้องทุกข์ออกไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด

กรณีนี้พนักงานสอบสวนดีเอสไอตรวจสอบ พบกลุ่มบุคคลและเจ้าหน้าที่การรถไฟเข้าไปเกี่ยวข้อง และการรถไฟฯ เป็นผู้เสียหาย จึงประสาน รฟท.ไปให้มาแจ้งความดำเนินคดีอาญากับกลุ่มบุคคลและเจ้าหน้าที่การรถไฟแห่งประเทศไทย และเจ้าหน้าที่รัฐอื่นในการเข้ายึดถือครอบครองที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย บริเวณพื้นที่เขากระโดง ต.เสม็ด และ ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์

หาก รฟท.ไม่มาแจ้งร้องทุกข์ ก็เข้าข่ายละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ดีเอสไอจะทำหนังสือแจ้ง รฟท.อีกครั้งให้มาแจ้งความร้องทุกข์ หากยังไม่มาอีกก็จะประชุมพนักงานสอบสวน ดำเนินการทางกฎหมายกับผู้บริหารการรถไฟฯ เรียกสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องฐานเป็นผู้สนับสนุนเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป

รฟท. เลื่อนแจ้งความ คดีเขากระโดง อย่างไม่มีกำหนด

เรื่องราวของ คดีเขากระโดง ยังคงเป็นประเด็นที่น่าติดตามอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีความคืบหน้าจากกรณีที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ประสานงานกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการครอบครองที่ดินบริเวณเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ แต่กลับมีเหตุให้ต้องเลื่อนการแจ้งความออกไปอย่างไม่มีกำหนด

การเลื่อนแจ้งความใน คดีเขากระโดง ครั้งนี้ สร้างความสงสัยให้กับหลายฝ่าย เนื่องจากก่อนหน้านี้ DSI ได้ทำการสืบสวนและพบว่ามีกลุ่มบุคคลและเจ้าหน้าที่ของการรถไฟฯ เองเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการครอบครองที่ดินดังกล่าว ซึ่งทำให้การรถไฟฯ ตกอยู่ในสถานะผู้เสียหาย และ DSI ได้ประสานให้ รฟท. มาแจ้งความดำเนินคดี

ทำไม รฟท. ถึงเลื่อนแจ้งความ คดีเขากระโดง?

ถึงแม้จะยังไม่มีการเปิดเผยเหตุผลที่ชัดเจนว่าทำไม รฟท. ถึงตัดสินใจเลื่อนการแจ้งความใน คดีเขากระโดง ออกไป แต่การกระทำดังกล่าวก็อาจส่งผลกระทบต่อกระบวนการยุติธรรมในคดีนี้ได้ หาก รฟท. เพิกเฉยไม่ดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ DSI อาจพิจารณาดำเนินการทางกฎหมายกับผู้บริหารของการรถไฟฯ รวมถึงเรียกสอบผู้ที่เกี่ยวข้องในฐานะผู้สนับสนุน เพื่อให้การดำเนินการทางกฎหมายใน คดีเขากระโดง เป็นไปอย่างถูกต้องและโปร่งใส

การที่ รฟท. เลื่อนแจ้งความเอาผิดในคดีนี้ ทำให้เกิดคำถามตามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความโปร่งใสในการดำเนินการ หรือความตั้งใจจริงในการแก้ไขปัญหาที่ดินบริเวณเขากระโดง การดำเนินการหลังจากนี้ของทั้ง รฟท. และ DSI จึงเป็นสิ่งที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ความเป็นธรรมเกิดขึ้นกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

คดีนี้มีความซับซ้อน และเกี่ยวข้องกับหลายฝ่าย การเลื่อนแจ้งความจึงอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าการแก้ไขปัญหาที่ดินเขากระโดงอาจต้องใช้เวลาและความพยายามอีกมาก

ที่มา – ด่วน รฟท.ประสานดีเอสไอ เลื่อนแจ้งความเอาผิด คดีเขากระโดง อย่างไม่มีกำหนด

ดีเอสไอเปิดโปง ‘นิติกรรมอำพรางที่ดินเขากระโดง’

ดีเอสไอ เปิดนิติกรรมอำพรางที่ดิน ‘เขากระโดง’ ภาพถ่ายยันทับลำคลองสาธารณะ ปกครองท้องที่ได้แก่ จังหวัด อำเภอ และเทศบาล ต้องดำเนินการตามกฎหมาย

วันที่ 31 ส.ค. 2568 กรณี กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มอบหมายให้ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผอ.กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินการสืบสวนเรื่องข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการครอบครองและการออกเอกสารสิทธิในที่ดินบริเวณเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ อันอาจเป็นที่ดินของรัฐและเกี่ยวข้องกับกลุ่มคณะบุคคลหลายฝ่าย เป็นเรื่องสืบสวนที่ 97/2568

พร้อมให้ดำเนินการสอบสวนปากคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง รวบรวมและตรวจสอบพยานหลักฐาน ประสานเอกสารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมที่ดิน สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ การรถไฟแห่งประเทศไทย แขวงการทางรถไฟลำปลายมาศ สำนักงานธนารักษ์พื้นที่บุรีรัมย์ และศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดบุรีรัมย์

รายงานภายในกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เปิดเผยถึงข้อเท็จจริงที่ปกปิดอำพรางของพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ที่ดินการรถไฟเขากระโดง และสนามแข่งรถ เนื่องด้วยภายหลังศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์ภาค 3 และศาลปกครองกลาง

มีคำวินิจฉัยว่า ที่ดินรถไฟตามแผนที่แสดงเขตที่ดินของการรถไฟ ตอนแยกไปยังที่ย่อยศิลาเขากระโดงเป็นที่ดินของรัฐ (มีการจัดทำแผนที่ รว.9 หลังศาลปกครองสั่งให้ทำและรับรองร่วมกันระหว่างกรมที่ดินกับ รฟท.แล้ว เมื่อปลายปี พ.ศ. 2567)

อันเป็นที่การชัดเจนในส่วนของขอบเขตที่ดิน ซึ่งการที่ศาลต่างได้วินิจฉัยว่า เป็นที่ดินของรัฐ จึงต้องด้วยประมวลกฎหมายที่ดิน ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 ลงโทษตาม มาตรา 108 ทวิ กรณีบุกรุกยึดถือครอบครองสนามฟุตบอลเนื้อที่รวมกันมากกว่า 50 ไร่

ทั้งที่มีโฉนดและที่ครอบครองไม่มีโฉนด รวมสนามฟุตบอลมากกว่า 50 ไร่ เป็นความผิดทางอาญาที่เป็นคดีพิเศษที่เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลและมีความสลับซับซ้อนอีกทั้งมูลค่าความเสียหายจำนวนมากและเมื่อศาลจะพิพากษาให้ผู้กระทำผิดออกจากที่ดินด้วยเป็นผลดีต่อ รฟท. ไม่ต้องฟ้องคดีแพ่งขับไล่เอง

อีกทั้งไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ดินเลขที่ 3477 เนื้อที่ 37 ไร่ นั้น ครอบครัวนักการเมืองดัง มีการยกให้ต่อกันมาหลายทอดจนถึงรุ่นหลาน ต่อมาได้สร้างเป็นสนามฟุตบอล โดยหลานที่ได้รับต่อมามีการจดทะเบียนให้บริษัทแห่งหนึ่งเช่าเป็นเวลา 30 ปี

จึงมีรายได้จากการให้เช่า แต่ในปี พ.ศ.2565 ก่อนมีการเลือกตั้งใหญ่ พ.ศ. 2566 หลานได้ยกกลับไปให้บิดา ซึ่งผิดปกติวิสัยการที่ลูกยกให้บิดา ทั้งนี้ เป็นการอำพรางที่ดินดังกล่าวซึ่งยังมีรายได้จากการให้เช่าที่ดินอีกด้วย

รายงานของดีเอสไอ ยังพบอีกด้วยว่า บริเวณสนามแข่งรถ นอกพื้นที่ที่ดินการรถไฟเขากระโดง สร้างทับลำคลองสาธารณะ ทั้งที่กรมที่ดินได้ออกโฉนดกันคลองออกแล้วก็ตาม อันเป็นความผิดบุกรุก ยึดถือ ครอบครองที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งในส่วนนี้ ผู้ปกครองท้องที่ได้แก่ จังหวัด อำเภอ และเทศบาล ต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ส่วนการจะรับเป็นคดีพิเศษ จะต้องให้การรถไฟฯ เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ

ดีเอสไอ เปิดนิติกรรมอำพรางที่ดิน ‘เขากระโดง’ ภาพถ่ายยันทับลำคลองสาธารณะ

ดีเอสไอ เปิดนิติกรรมอำพรางที่ดิน ‘เขากระโดง’ ภาพถ่ายยันทับลำคลองสาธารณะ

ดีเอสไอ เปิดนิติกรรมอำพรางที่ดิน ‘เขากระโดง’

การตรวจสอบเรื่อง ดีเอสไอ เปิดนิติกรรมอำพรางที่ดิน ‘เขากระโดง’ ยังคงดำเนินต่อไป ซึ่งผลสรุปจะออกมาเป็นอย่างไรนั้น ต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด เพราะเกี่ยวข้องกับที่ดินของรัฐและผลประโยชน์ของหลายฝ่าย

ความคืบหน้าล่าสุดคดีดีเอสไอ เปิดนิติกรรมอำพรางที่ดิน ‘เขากระโดง’

ขณะนี้ ดีเอสไอ กำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม และยังไม่ได้มีการสรุปสำนวนคดี ดีเอสไอ เปิดนิติกรรมอำพรางที่ดิน ‘เขากระโดง’ แต่อย่างใด หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติม จะแจ้งให้ทราบต่อไป

การเปิดโปง ดีเอสไอ เปิดนิติกรรมอำพรางที่ดิน ‘เขากระโดง’ ครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ความมุ่งมั่นของกรมสอบสวนคดีพิเศษในการรักษาผลประโยชน์ของชาติและประชาชน ซึ่งต้องชื่นชมการทำงานอย่างตรงไปตรงมา

ที่มา – ดีเอสไอ เปิดนิติกรรมอำพรางที่ดิน ‘เขากระโดง’ ภาพถ่ายยันทับลำคลองสาธารณะ

ภูมิธรรมแจง คดีเขากระโดง เป็นอำนาจดีเอสไอ?

ภูมิธรรม แจงอธิบดีดีเอสไอ แจ้งความคืบหน้าคดีเขากระโดง ชี้เป็นอำนาจดีเอสไอยกเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ย้ำให้ยึดกม. ไม่กลั่นแกล้งใคร

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 27 ส.ค. ที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกฯ กล่าวกรณี พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้ารายงานเรื่องเขากระโดงเมื่อวันที่ 26 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล จะมีการรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ว่า

ขึ้นอยู่กับอธิบดีดีเอสไอ ถ้าเข้าเงื่อนไขก็สามารถพิจารณา และถ้าอยู่ในอำนาจของดีเอสไอก็ดำเนินการได้ แต่หากต้องการความชัดเจน หรือต้องการการอนุมัติจากคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) อันนี้ค่อยนัดอีกที แต่อธิบดีดีเอสไอยังไม่เสนออะไร

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ส่วนเมื่อวานนี้ตนเพียงอยากฟังว่าอะไรเป็นอะไร จึงให้มารายงานให้ทราบ และได้กำชับว่าให้ยืนยันในหลักของกฎหมาย อย่าไปคิดกลั่นแกล้งใคร ให้ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงและความเป็นจริง ถ้าผิดกฎหมายก็ดำเนินการ แต่ถ้าไม่ผิดก็ไม่มีอะไรที่ต้องทำ

เมื่อถามว่าในส่วนของกรมที่ดินดำเนินการเรื่องเพิกถอนที่ดินเขากระโดงแล้วหรือยัง นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังไม่ทราบเลย แต่ขณะนี้เขาทำหน้าที่อยู่ ถ้าชัดเจนคงประกาศ

เมื่อถามว่าตั้งแต่วันที่นายภูมิธรรมประกาศจะเพิกถอนที่ดินเขากระโดงจนถึงวันนี้มีความคืบหน้าแล้วหรือยัง นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็ทำไปเยอะแล้ว เดี๋ยวถ้าชัดเจนเขาคงจะบอก ตอนนี้เป็นหน้าที่ของเขา ตนไม่ได้แทรกแซง

คดีเขากระโดง กับอำนาจของดีเอสไอ

ความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับ คดีเขากระโดง ที่กำลังเป็นที่จับตามองของสังคม เมื่อวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นนี้ โดยระบุว่าการพิจารณาว่า คดีเขากระโดง จะถูกยกเป็นคดีพิเศษหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นสำคัญ

นายภูมิธรรมเน้นย้ำว่า หาก คดีเขากระโดง เข้าข่ายเงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด ดีเอสไอสามารถดำเนินการได้ทันที แต่หากต้องการความชัดเจนหรือจำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ก็จะมีการนัดหารือกันอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ อธิบดีดีเอสไอยังไม่ได้มีการเสนอเรื่องใด ๆ เพิ่มเติมเข้ามา

นอกจากนี้ นายภูมิธรรมยังกล่าวถึงการรายงานความคืบหน้าของ คดีเขากระโดง ที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า เป็นเพียงการรับฟังข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น โดยได้กำชับให้อธิบดีดีเอสไอยึดมั่นในหลักกฎหมาย และดำเนินการตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ โดยปราศจากการกลั่นแกล้งใด ๆ หากพบว่ามีการกระทำผิดกฎหมายก็ให้ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม แต่หากไม่พบความผิด ก็ไม่มีความจำเป็นต้องดำเนินการใด ๆ

สถานะปัจจุบันของการเพิกถอนที่ดินเขากระโดง

ในส่วนของการดำเนินการเพิกถอนที่ดินเขากระโดงนั้น นายภูมิธรรมระบุว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดในขณะนี้ แต่กรมที่ดินกำลังดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องอยู่ และจะมีการประกาศให้ทราบเมื่อมีความชัดเจนมากขึ้น เขายังกล่าวเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่ที่มีการประกาศว่าจะมีการเพิกถอนที่ดินเขากระโดง ก็มีความคืบหน้าไปมากแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ในขณะนี้ โดยย้ำว่าเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของกรมที่ดินโดยตรง และตนเองจะไม่เข้าไปแทรกแซงการทำงาน

ประเด็นสำคัญที่น่าสนใจเกี่ยวกับคดีเขากระโดง

  • อำนาจการพิจารณาคดีพิเศษอยู่ที่อธิบดีดีเอสไอ
  • การดำเนินการต้องเป็นไปตามหลักกฎหมายและข้อเท็จจริง
  • กรมที่ดินกำลังดำเนินการเพิกถอนที่ดิน

ความเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมมองว่าการที่นายภูมิธรรมออกมาให้ความกระจ่างเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะจะช่วยลดความคลุมเครือและความเข้าใจผิดที่อาจเกิดขึ้นได้ การที่ย้ำถึงความสำคัญของการยึดมั่นในหลักกฎหมายและความเป็นธรรม ก็เป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมเป็นไปอย่างโปร่งใสและเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าติดตามต่อไปคือ ความคืบหน้าในการเพิกถอนที่ดินเขากระโดง และผลการพิจารณาของดีเอสไอว่าจะรับ คดีเขากระโดง เป็นคดีพิเศษหรือไม่ ซึ่งคงต้องรอติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดต่อไป

ที่มา – ภูมิธรรม แจงคดีเขากระโดง เป็นอำนาจดีเอสไอยกเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ย้ำยึดกม. ไม่กลั่นแกล้งใคร