อิรัก

ซาอุฯ จบเจ๊าแต่เพียงพอ! กาตาร์ลิ่ว ฟุตบอลโลก 2026

ซาอุฯ จบเจ๊าแต่ก็เพียงพอ – กาตาร์เฉือนยูเออีคว้าตั๋วไป ฟุตบอลโลก 2026

การแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสี่ เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม กลุ่มบี ซาอุดีอาระเบียผู้เป็นเจ้าภาพประจำกลุ่ม เสมอกับอิรัก 0-0 ส่งผลให้ซาอุดีอาระเบียได้ไปฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย

อันดับของกลุ่มนี้หลังจบ 2 นัด 1. ซาอุดีอาระเบีย (4 คะแนน), 2. อิรัก (4 คะแนน), 3. อินโดนีเซีย (0 คะแนน)

แม้ซาอุดีอาระเบียกับอิรักจะมีคะแนนเท่ากัน แถมผลต่างประตูได้เสียยัง +1 เท่ากันด้วย แต่ซาอุดีอาระเบียมีจำนวนประตูได้มากกว่า จึงคว้าแชมป์กลุ่มและได้ไปฟุตบอลโลก 2026 รอบสุดท้ายอย่างสวยงาม ในขณะที่อิรักต้องไปเล่นต่อในรอบห้า ส่วนอินโดนีเซียต้องอกหักตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย

(AP Photo/Hussein Sayed)

ในส่วนของกลุ่มเอ กาตาร์ที่เป็นเจ้าภาพประจำกลุ่ม ก็ไม่น้อยหน้า สามารถเอาชนะสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ไปได้ด้วยสกอร์ 2-1 ทำให้กาตาร์ได้ผ่านเข้าไปเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้เช่นกัน

อันดับของกลุ่มนี้หลังจบ 2 นัด 1. กาตาร์ (4 คะแนน), 2. ยูเออี (3 คะแนน), 2. โอมาน (1 คะแนน)

ผลจากชัยชนะครั้งนี้ ทำให้กาตาร์ได้ผ่านเข้าสู่ฟุตบอลโลก 2026 รอบสุดท้าย ในขณะที่ยูเออีจะต้องไปเตะต่อในรอบห้าเพื่อลุ้นพื้นที่ต่อไป โดยจะต้องเจอกับอิรัก ส่วนโอมานก็ต้องยุติเส้นทางในรอบคัดเลือกไป

สรุปทีมเอเชียที่ได้ไปฟุตบอลโลก 2026

ณ ตอนนี้ มีทีมจากเอเชียที่การันตีการเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกแล้วทั้งหมด 8 ทีม ได้แก่ ออสเตรเลีย, อิหร่าน, ญี่ปุ่น, จอร์แดน, เกาหลีใต้, อุซเบกิสถาน, กาตาร์ และล่าสุด ซาอุดีอาระเบีย

สำหรับการแข่งขันในรอบห้า จะเป็นการแข่งขันแบบเหย้า-เยือน โดยนัดแรกจะเล่นที่บ้านของยูเออีในวันที่ 13 พฤศจิกายน และนัดที่สองจะเล่นที่บ้านของอิรักในวันที่ 18 พฤศจิกายน ทีมที่ชนะในรอบนี้ จะได้สิทธิ์ไปเล่นในรอบเพลย์ออฟระหว่างทวีปต่อไป ส่วนทีมที่แพ้จะต้องตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย

การที่ซาอุดีอาระเบียและกาตาร์สามารถคว้าตั๋วไปฟุตบอลโลก 2026 ได้สำเร็จ แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาของฟุตบอลในภูมิภาคตะวันออกกลางที่กำลังก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง และน่าจับตามองว่าพวกเขาจะสามารถสร้างผลงานได้ดีเพียงใดในการแข่งขันระดับโลกครั้งนี้

ที่มา – ซาอุฯ จบเจ๊าแต่ก็เพียงพอ – กาตาร์เฉือนยูเออีคว้าตั๋วไป ฟุตบอลโลก 2026

อินโดนีเซีย ชวดตั๋วบอลโลก 2026 หลังพ่ายอิรัก

อินโดนีเซีย ชวดตั๋วลุยฟุตบอลโลก 2026 อย่างน่าเสียดาย หลังพ่ายให้กับอิรักที่เหลือผู้เล่น 10 คน ด้วยสกอร์ 0-1 ในรอบคัดเลือกโซนเอเชีย รอบสี่

การแข่งขันฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสี่ กลุ่มบี เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม จัดขึ้นที่สนามคิง อับดุลลาห์ สปอร์ตส์ ซิตี้ สเตเดียม เมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย อิรัก ลงสนามเป็นนัดแรก พบกับ อินโดนีเซีย ที่ลงเล่นไปแล้ว 1 นัดและยังไม่มีแต้ม หลังจากพ่ายให้กับซาอุดีอาระเบีย 2-3 มาก่อนหน้านี้

Soccer Football – FIFA World Cup – AFC Qualifiers – Group B – Iraq v Indonesia – King Abdullah Sport City, Jeddah, Saudi Arabia – October 11, 2025 Indonesia’s Maarten Paes in action with Iraq’s Munaf Younus REUTERS/Stringer

 

ผลการแข่งขันจบลงด้วยชัยชนะของอิรัก แม้ว่าพวกเขาจะต้องเหลือผู้เล่นเพียง 10 คน หลังจากที่ ซาอิด ทาซีน ได้รับใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ นาทีที่ 90+9 แต่ก็สามารถเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 0-1 จากประตูชัยของ ซีดาน อิกบาล อดีตดาวเตะจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในนาทีที่ 76

Soccer Football – FIFA World Cup – AFC Qualifiers – Group B – Iraq v Indonesia – King Abdullah Sport City, Jeddah, Saudi Arabia – October 11, 2025 Indonesia coach Patrick Kluivert REUTERS/Stringer

 

จากความพ่ายแพ้นี้ ทำให้อินโดนีเซียหยุดอยู่ที่ 0 คะแนน จาก 2 นัด ทำให้ความหวังในการไปเล่นฟุตบอลโลก 2026 รอบสุดท้ายริบหรี่ลงทันที ส่วนอิรักมี 3 คะแนน จาก 1 นัด ต้องไปลุ้นต่อในนัดสุดท้ายกับซาอุดีอาระเบีย ในวันที่ 14 ตุลาคม เพื่อตัดสินว่าใครจะได้ตั๋วเข้ารอบสุดท้ายโดยอัตโนมัติ หรือต้องไปเล่นในรอบเพลย์ออฟ

ในส่วนของผลการแข่งขันอีกคู่ในกลุ่มเอ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เอาชนะ โอมาน ไปด้วยสกอร์ 2-1

อินโดนีเซีย ฝันสลายพ่าย อิรัก ชวดตั๋วลุย ฟุตบอลโลก 2026 รอบสุดท้าย

ความพ่ายแพ้ของอินโดนีเซียในครั้งนี้ ถือเป็นความผิดหวังครั้งใหญ่ของแฟนบอลชาวอินโดนีเซีย ที่ต่างตั้งความหวังไว้สูงกับการแข่งขันฟุตบอลโลกในครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม ฟุตบอลก็เป็นเช่นนี้ มีทั้งผู้ชนะและผู้แพ้ อินโดนีเซียยังคงต้องพัฒนาทีมต่อไป เพื่อโอกาสในอนาคต

อะไรคือสาเหตุที่ทำให้อินโดนีเซีย ชวดตั๋วลุยฟุตบอลโลก 2026?

มีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อความพ่ายแพ้ของอินโดนีเซีย ปัญหาหลักๆ อาจมาจากประสบการณ์ของผู้เล่นที่ยังน้อยเมื่อเทียบกับทีมชาติอื่นๆ ในระดับเอเชีย การประสานงานในทีมยังไม่ลงตัวเท่าที่ควร และการจบสกอร์ที่ไม่เฉียบคมพอ นอกจากนี้ การเสียประตูจากความผิดพลาดส่วนบุคคลก็เป็นสิ่งที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน

ถึงแม้ อินโดนีเซีย ชวดตั๋วลุยฟุตบอลโลก 2026 รอบสุดท้าย แต่พวกเขายังมีโอกาสพัฒนาทีมและกลับมาแข็งแกร่งได้อีกครั้ง การเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ และนำไปปรับปรุงแก้ไข จะเป็นก้าวสำคัญในการสร้างทีมชาติอินโดนีเซียที่แข็งแกร่งในอนาคต

การที่ อินโดนีเซีย ชวดตั๋วลุยฟุตบอลโลก 2026 ครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่าการแข่งขันในระดับนานาชาติมีความเข้มข้นสูง และทุกทีมต้องเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ ทั้งในด้านร่างกาย จิตใจ และแท็คติก หวังว่าเราจะได้เห็นการพัฒนาของพวกเขาในการแข่งขันครั้งต่อๆไป

ที่มา – อินโดนีเซีย ฝันสลายพ่าย อิรัก ชวดตั๋วลุย ฟุตบอลโลก 2026 รอบสุดท้าย

อิรักตั้งเป้า! ลดการพึ่งพาน้ำมันภายใน 25 ปี

อิรักประกาศวิสัยทัศน์ใหม่! มุ่งมั่นลดการพึ่งพาน้ำมันภายใน 25 ปีข้างหน้า หันมาพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและหลากหลายมากขึ้น นี่คือข่าวใหญ่ที่น่าจับตามองสำหรับคนทั่วโลก!

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (20 กันยายน 2568) มุฮัมมัด ชิยาอ์ อัลซูดานี นายกรัฐมนตรีอิรัก ได้ประกาศวิสัยทัศน์แห่งชาติที่สำคัญ โดยเน้นย้ำว่าอิรัก “ไม่สามารถพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลเพียงอย่างเดียวในฐานะรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจได้อีกต่อไป” นี่เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าอิรักกำลังมองหาอนาคตที่แตกต่าง

ในพิธีเปิดตัววิสัยทัศน์ “Iraq Vision 2050 for Development and the Future” มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล นักการทูต และตัวแทนจากภาคเอกชนเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนวิสัยทัศน์นี้ไปข้างหน้า

สาระสำคัญของวิสัยทัศน์นี้คือการสร้างความหลากหลายทางเศรษฐกิจ ลดการพึ่งพาน้ำมัน ซึ่งเป็นเป้าหมายหลัก และส่งเสริมให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศมากยิ่งขึ้น ผ่านการปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่สำคัญ

อิรักประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ ตั้งเป้าลดการพึ่งพาน้ำมันภายใน 25 ปี

ตัวอย่างโครงการที่น่าสนใจภายใต้วิสัยทัศน์นี้ ได้แก่ การผลักดันให้อิรักก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการขนส่งที่สำคัญ โดยตั้งเป้าที่จะรองรับ 20% ของการค้าระหว่างเอเชียและยุโรป ผ่านทางท่าเรืออัลฟาว (Al-Faw Grand Port) ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังมีโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน “Development Road” ซึ่งคาดว่าจะสร้างงานได้มากถึง 1.5 ล้านตำแหน่ง

วิสัยทัศน์ใหม่นี้ยังให้ความสำคัญกับโครงการด้านความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม โดยมีเป้าหมายที่จะพึ่งพาตนเองด้านอาหาร น้ำ และพลังงานให้ได้ถึง 70% ซึ่งเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ แต่ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับอนาคตของอิรัก หลังจากนี้ จะมีการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนา และนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติ

เป้าหมายหลัก: ลดการพึ่งพาน้ำมันภายใน 25 ปี

นายกรัฐมนตรีอิรักกล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์กำลังเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจโลกอย่างรวดเร็ว และ “อิรักปรารถนาที่จะเป็นอิสระจากการพึ่งพาน้ำมันในอนาคต ด้วยเศรษฐกิจที่มั่นคงและมีความหลากหลายมากขึ้น”

วิสัยทัศน์ Iraq Vision 2050 นี้ ถือเป็น “แนวทางระดับชาติที่มุ่งสร้างเอกภาพ โดยเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม ทั้งหน่วยงานของรัฐ ภาคเอกชน มหาวิทยาลัย ภาคประชาสังคม และเยาวชน”

ทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญ? การที่อิรักซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ ประกาศเป้าหมายที่จะลดการพึ่งพาน้ำมันอย่างจริงจังภายใน 25 ปี แสดงให้เห็นถึงความตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน และความจำเป็นในการปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลก นอกจากนี้ยังเป็นการส่งสัญญาณไปยังประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ให้หันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจที่หลากหลาย และลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล

อะไรคือความท้าทาย? การเปลี่ยนผ่านจากเศรษฐกิจที่พึ่งพาน้ำมันไปสู่เศรษฐกิจที่หลากหลายนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย อิรักจะต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การดึงดูดการลงทุน การพัฒนาทักษะของแรงงาน และการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำธุรกิจ นอกจากนี้ ยังต้องเผชิญกับความท้าทายทางการเมืองและความมั่นคงภายในประเทศ

อนาคตจะเป็นอย่างไร? การที่อิรัก ตั้งเป้าลดการพึ่งพาน้ำมันภายใน 25 ปี ถือเป็นก้าวที่สำคัญในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและมั่นคงสำหรับประเทศ การที่ทุกภาคส่วนร่วมมือกัน และมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนวิสัยทัศน์นี้ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เป้าหมายนี้สำเร็จได้

การประกาศวิสัยทัศน์นี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น สิ่งที่สำคัญกว่าคือการนำวิสัยทัศน์นี้ไปสู่การปฏิบัติจริง และการติดตามความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าอิรักจะสามารถบรรลุเป้าหมายในการลดการพึ่งพาน้ำมัน และสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและหลากหลายได้ในที่สุด

ที่มา – อิรักประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ ตั้งเป้าลดการพึ่งพาน้ำมันภายใน 25 ปี

รถทัวร์ทำงาน! แฟนบอลไทย แห่จองกฐิน โมฮานาด

ศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ครั้งที่ 51 จบลงด้วยชัยชนะของอิรักที่เฉือนเอาชนะทีมชาติไทยไป 1-0 ที่สนามกีฬากลาง จ.กาญจนบุรี ท่ามกลางความผิดหวังของแฟนบอลชาวไทย

แต่สิ่งที่กลายเป็นประเด็นร้อนแรงหลังเกมคือเหตุการณ์ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เมื่อ โมฮานาด อาลี ชามารี แข้งเบอร์ 10 ของอิรัก เข้าตัดเกมใส่ ชนาธิป สรงกระสินธ์ เพลย์เมกเกอร์คนสำคัญของทีมชาติไทย อย่างน่ากังขา จนได้รับใบแดงไล่ออกจากสนามไป เหตุการณ์นี้จุดประกายความไม่พอใจให้กับแฟนบอลไทยเป็นอย่างมาก

หลังจบเกม รถทัวร์ทำงาน! แฟนบอลไทย จำนวนมากแห่กันไปที่เฟซบุ๊กของ โมฮานาด อาลี โดยใช้ชื่อว่า Mohanad Ali โดยต่างเข้าไปแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับจังหวะดังกล่าว พร้อมทั้งวิพากษ์วิจารณ์การกระทำที่ดูรุนแรงและไม่จำเป็น

รถทัวร์ทำงาน! แฟนบอลไทย แห่จองกฐิน โมฮานาด

กระแส รถทัวร์ทำงาน! แฟนบอลไทย ครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความรักและหวงแหนในนักเตะขวัญใจของพวกเขา อย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์ และความไม่พอใจต่อการกระทำที่มองว่าไม่สมควรในสนามฟุตบอล

ทำไมแฟนบอลไทยถึงไม่พอใจ โมฮานาด อาลี?

ความไม่พอใจของแฟนบอลไทยที่มีต่อ โมฮานาด อาลี มาจากหลายปัจจัยประกอบกัน:

  • จังหวะฟาวล์รุนแรง: แฟนบอลมองว่าจังหวะที่ โมฮานาด อาลี เข้าสกัด ชนาธิป นั้นมีความรุนแรงเกินความจำเป็น และอาจเป็นอันตรายต่อนักเตะ
  • ผลกระทบต่อทีมชาติ: การบาดเจ็บของ ชนาธิป อาจส่งผลเสียต่อทีมชาติไทยในการแข่งขันรายการสำคัญอื่นๆ ในอนาคต
  • ความรักใน ชนาธิป: ชนาธิปเป็นนักเตะที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย แฟนบอลจึงรู้สึกหวงแหนและปกป้องเขาเป็นพิเศษ

เหตุการณ์นี้เป็นอุทาหรณ์ให้นักกีฬาและแฟนบอลตระหนักถึงความสำคัญของน้ำใจนักกีฬา และการเคารพซึ่งกันและกัน แม้ในการแข่งขันที่ดุเดือด

รถทัวร์ทำงาน! แฟนบอลไทย แห่จองกฐิน โมฮานาด กลายเป็นปรากฏการณ์ที่สะท้อนให้เห็นถึงพลังของ Social Media ในการแสดงออกถึงความรู้สึกและความคิดเห็นของคนในสังคม แม้ว่าการแสดงออกนั้นควรอยู่ในขอบเขตของความเหมาะสมและไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น

ที่มา – รถทัวร์ทำงาน! แฟนบอลไทย แห่จองกฐิน โมฮานาด แข้งอิรักตัวเตะชนาธิป (มีวาร์ป)

อิรักถล่มโจมตีทางอากาศใส่แหล่งกบดานไอเอส สังหารกลุ่มก่อการร้าย

กองบัญชาการปฏิบัติการร่วมอิรัก (JOC) เปิดเผยว่า กองกำลังรักษาความปลอดภัยอิรักดำเนินปฏิบัติการอิรักถล่มโจมตีทางอากาศใส่แหล่งกบดานไอเอส สังหารกลุ่มก่อการร้ายในช่วงเช้าตรู่วันเสาร์ (23 ส.ค.) ใส่แหล่งกบดานของกลุ่มรัฐอิสลามหรือไอเอส (IS) ในจังหวัดซาลาฮุดดิน ส่งผลให้ผู้ก่อการร้ายที่อยู่ภายในฐานที่มั่นเสียชีวิต

JOC ระบุในแถลงการณ์ว่า การโจมตีทางอากาศโดยอาศัยข้อมูลข่าวกรองและการเฝ้าจับตาเป็นเวลาหลายวัน ใส่แหล่งกบดานทางตะวันออกของกลุ่มไอเอส เปิดฉากขึ้นเมื่อเวลา 2.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น

การโจมตีทางอากาศดังกล่าวส่งผลให้แหล่งกบดานถูกทำลายและปลิดชีพผู้ก่อการร้ายภายในลงได้ อย่างไรก็ตาม กองกำลังอิรักจะเดินหน้าจัดการผู้ก่อการร้ายที่เหลือรอดต่อไป

แหล่งข่าวด้านความมั่นคงเปิดเผยกับสำนักข่าวซินหัวว่า มีสมาชิกกลุ่มไอเอสอย่างน้อย 3 รายเสียชีวิตจากการโจมตีครั้งนี้ รวมถึงผู้นำกลุ่มระดับสูงด้วย

แม้ว่าอิรักจะประกาศชัยชนะเหนือกลุ่มไอเอสไปแล้วในปี 2560 แต่กลุ่มที่เหลือยังคงก่อเหตุโจมตีกองกำลังรักษาความปลอดภัยและพลเรือนในเขตเมือง ทะเลทราย และพื้นที่ห่างไกล การอิรักถล่มโจมตีทางอากาศใส่แหล่งกบดานไอเอส สังหารกลุ่มก่อการร้ายครั้งนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลอิรักในการกำจัดภัยคุกคามจากกลุ่มไอเอสอย่างต่อเนื่อง

อิรักถล่มโจมตีทางอากาศใส่แหล่งกบดานไอเอส สังหารกลุ่มก่อการร้าย

สถานการณ์ในอิรักยังคงมีความตึงเครียด แม้ว่ากลุ่มไอเอสจะสูญเสียพื้นที่ยึดครองไปมาก แต่พวกเขายังคงมีความสามารถในการก่อเหตุร้ายต่างๆ การที่กองกำลังอิรักสามารถดำเนินการโจมตีทางอากาศได้อย่างแม่นยำและสังหารกลุ่มก่อการร้ายได้จำนวนมาก แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการทำงานของหน่วยข่าวกรองและการประสานงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ

ความสำคัญของการโจมตีต่อกลุ่มไอเอส

การอิรักถล่มโจมตีทางอากาศใส่แหล่งกบดานไอเอส สังหารกลุ่มก่อการร้ายครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาความมั่นคงในอิรัก เนื่องจากเป็นการตัดกำลังและทำลายขีดความสามารถในการปฏิบัติการของกลุ่มไอเอส นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งสัญญาณไปยังกลุ่มก่อการร้ายอื่นๆ ว่ารัฐบาลอิรักจะไม่ยอมให้พวกเขามีที่ยืนในประเทศ

รัฐบาลอิรักยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายอีกมากมายในการกำจัดกลุ่มไอเอสให้หมดสิ้นไป การสนับสนุนจากนานาชาติและการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับกองกำลังรักษาความปลอดภัยของอิรักเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้สามารถรับมือกับภัยคุกคามจากกลุ่มก่อการร้ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ความร่วมมือระหว่างประเทศในการต่อต้านกลุ่มไอเอสยังคงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวกรองและการสนับสนุนด้านการฝึกอบรมและอุปกรณ์ จะช่วยให้กองกำลังอิรักและพันธมิตรสามารถต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นอกจากการปฏิบัติการทางทหารแล้ว การแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุของการก่อการร้าย เช่น ความยากจน ความไม่เท่าเทียมกัน และความขัดแย้งทางชาติพันธุ์ ก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อสร้างสังคมที่แข็งแกร่งและสามารถต้านทานอิทธิพลของกลุ่มก่อการร้ายได้

การพัฒนาเศรษฐกิจและการสร้างโอกาสทางอาชีพให้กับประชาชน จะช่วยลดความสิ้นหวังและความไม่พอใจ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้กลุ่มก่อการร้ายสามารถดึงดูดสมาชิกใหม่ได้ นอกจากนี้ การส่งเสริมการศึกษาและการสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างวัฒนธรรมต่างๆ ก็จะช่วยลดความขัดแย้งและความเกลียดชัง

การสร้างความเข้มแข็งให้กับสถาบันทางประชาธิปไตยและการส่งเสริมหลักนิติธรรม จะช่วยสร้างสังคมที่ยุติธรรมและเสมอภาค ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญของการต่อต้านการก่อการร้าย การเคารพสิทธิมนุษยชนและการปกป้องเสรีภาพขั้นพื้นฐาน จะช่วยสร้างความไว้วางใจระหว่างรัฐบาลและประชาชน

ผมมองว่า การโจมตีครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญในการต่อสู้กับกลุ่มไอเอสในอิรัก แต่ยังคงมีงานอีกมากที่ต้องทำเพื่อสร้างสันติภาพและความมั่นคงอย่างยั่งยืนในภูมิภาค การสนับสนุนและความร่วมมือจากประชาคมระหว่างประเทศยังคงมีความสำคัญอย่างยิ่ง

ที่มา – อิรักถล่มการโจมตีทางอากาศใส่แหล่งกบดานไอเอส-สังหารกลุ่มก่อการร้าย