อนุทิน ชาญวีรกูล

นายกฯ แถลงการณ์ พระพันปีหลวง สวรรคต

“นายกฯ” แถลงการณ์ พระพันปีหลวง สวรรคต สูญเสียแม่ผู้ยิ่งใหญ่ของแผ่นดินไทย ยัน รัฐบาล จะจัดงานพระบรมศพอย่างสมพระเกียรติ ขอประชาชนร่วมแสดงความอาลัย

เมื่อเวลา 15.15 น. วันที่ 25 ต.ค. 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย แถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต

โดยมีใจความสำคัญว่า พี่น้องประชาชนชาวไทยทุกท่าน วันที่ 24 ตุลาคม 2568 เป็นวันที่ปวงชนชาวไทย ไม่ปรารถนาให้มาถึงเพราะเป็นวันที่สร้างความโทมนัส และความสูญเสียอันยิ่งใหญ่มายังพสกนิกรชาวไทยทุกคน

เมื่อได้ทราบจากแถลงการณ์ของสำนักพระราชวังว่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้เสด็จสวรรคต ด้วยพระอาการสงบ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สิริพระชนมพรรษา 93 พรรษา

ในเวลานี้ มีแต่เสียงสะอื้นไห้ดังก้องอยู่ในหัวใจของปวงชนชาวไทยทั่วทั้งแผ่นดิน ดวงใจของพสกนิกรถูกปกคลุมด้วยม่านหมอกแห่งความโศกเศร้า ความอาดูรที่ไม่อาจหาคำใดมาทดแทนได้ เพราะพระองค์ท่านทรงเป็นทั้งแรงบันดาลใจ ความรัก และความเมตตาอันเป็นนิรันดร์

การเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ถือได้ว่าเป็นการสูญเสีย “แม่ผู้ยิ่งใหญ่ของแผ่นดินไทย” ที่ประชาชนทุกคนต่างรักและเทิดทูนไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเป็นมิ่งขวัญ เป็นที่เทิดทูนสักการะของปวงชนชาวไทย ทั้งยังทรงเป็นสมเด็จพระบรมราชชนนีของพระมหากษัตริย์ที่สุดแสนประเสิรฐ เป็นหลักชัยของปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า สมดั่งพระราชอิสริยยศที่สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นหาที่สุดมิได้

ทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการ ด้วยพระปรีชาและพระวิริยอุตสาหะมาตลอดรัชสมัยแห่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โครงการในพระราชดำริ ทั้งด้านศิลปาชีพ ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ด้านการสาธารณสุข ล้วนก่อให้เกิดประโยชน์สุขแก่พสกนิกรทุกหมู่เหล่า

ทรงเป็นสมเด็จพระราชินีของราชอาณาจักรไทยที่เป็นความภาคภูมิใจของพสกนิกรชาวไทย และเป็นที่ยอมรับ ชื่นชมในพระปรีชาสามารถจากนานาอารยประเทศ

ในการนี้ รัฐบาล จะดำเนินการจัดงานพระบรมศพอย่างสมพระเกียรติ และขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน ร่วมใจแสดงความอาลัยและน้อมรำลึกจิตอันเป็นบุญกุศล ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

พร้อมทั้งใช้พลังความรัก ความสามัคคี และความจงรักภักดีของพวกเราชาวไทย ถวายเป็นกำลังพระทัยแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงค์ทุกพระองค์ ในห้วงเวลาแห่งความโศกเศร้านี้ โดยพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ

กระผม ในนามรัฐบาล และพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า ขอน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ และขอตั้งจิตอธิษฐาน ขอส่งเสด็จสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ให้ทรงสถิตสถาพรในทิพยวิมาน และขอให้ได้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณปกเกล้าปกกระหม่อมให้ราชอาณาจักรไทย และปวงชนชาวไทย ผู้เป็นพสกนิกรของพระองค์ท่านให้มีความผาสุขร่มเย็นภายใต้ร่มพระบารมีแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ดังที่เคยเป็นตลอดมา

ท้ายที่สุดนี้ ในนามของพสกนิกรชาวไทย ขอถวายพระพรชัยมงคลแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี และพระบรมราชจักรีวงศ์ทุกพระองค์ ให้ทรงมีพระราชหฤทัยที่เข้มแข็ง สถิตย์เป็นมิ่งขวัญ ปกเกล้าปกกระหม่อมอาณาประชาราษฎร์ และราชอาณาจักรไทย ให้มีความสุขสวัสดิ์สถาพรตลอดกาลนาน

นายกฯ แถลงการณ์ พระพันปีหลวง สวรรคต

ความโศกเศร้าจากการเสด็จสวรรคตของพระพันปีหลวง

การสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่นี้ นับเป็นการสูญเสียครั้งสำคัญของประเทศไทย การที่ นายกฯ แถลงการณ์ พระพันปีหลวง สวรรคต ทำให้พสกนิกรชาวไทยทั่วประเทศต่างรู้สึกเศร้าโศกเสียใจอย่างสุดซึ้ง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ทรงเป็นที่รักและเคารพอย่างสูงของคนไทยทุกคน พระองค์ทรงเป็นแม่ของแผ่นดินอย่างแท้จริง

รัฐบาลจะจัดงานพระบรมศพอย่างสมพระเกียรติเพื่อแสดงความอาลัยต่อการเสด็จสวรรคตของพระองค์ท่าน และขอเชิญชวนประชาชนชาวไทยทุกคนร่วมกันแสดงความอาลัยและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์

ขอให้พวกเราทุกคนร่วมกันส่งกำลังใจให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ในช่วงเวลาแห่งความโศกเศร้านี้

การนายกฯ แถลงการณ์ พระพันปีหลวง สวรรคต เป็นการแจ้งข่าวที่สร้างความเสียใจให้กับคนไทยทั้งประเทศ แต่ก็เป็นโอกาสให้เราได้รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและคุณงามความดีที่พระองค์ท่านได้ทรงสร้างไว้ให้กับประเทศชาติและประชาชน

การที่ นายกฯ แถลงการณ์ พระพันปีหลวง สวรรคต ทำให้เราชาวไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญของการมีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในชาติ และเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าสืบไป

ที่มา – นายกฯ แถลงการณ์ พระพันปีหลวง สวรรคต ขอประชาชนร่วมแสดงความอาลัย

ด่วน! นายกฯ ยกเลิกบินมาเลเซีย เรียกประชุมครม.

อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยกเลิกภารกิจเดินทางไปมาเลเซียวันนี้ เรียกประชุมครม.ด่วน 10 โมงเช้า

วันที่ 25 ต.ค.2568 ตามที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีกำหนดการเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 25 ต.ค.2568 และเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 26-28 ต.ค.2568 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ตามคำเชิญของดาโต๊ะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า นายอนุทิน ได้ยกเลิกการเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 ต.ค.นี้แล้ว ขณะที่ การประชุมสุดยอดอาเซียน และ การประชุมร่วม 4 ฝ่ายระหว่างผู้นำไทย และกัมพูชา โดยมี นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกฯมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ร่วมด้วยนั้น ยังคงต้องรอความชัดเจน

อย่างไรก็ตาม นายกฯ ได้เรียกประชุม คณะรัฐมนตรีในเวลา 10.00 น. เพื่อวางกรอบการจัดพระราชพิธีและแต่งตั้งคณะกรรมการชุดต่าง ๆ ภายหลังสำนักพระราชวังมีประกาศการสวรรคตของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

นายกฯ ยกเลิกบินมาเลเซีย เรียกประชุมครม.ด่วน 10 โมงเช้า

สถานการณ์ล่าสุดเกี่ยวกับการ นายกฯ ยกเลิกบินมาเลเซีย เรียกประชุมครม.ด่วน 10 โมงเช้า ได้สร้างความสนใจและติดตามจากประชาชนอย่างใกล้ชิด การตัดสินใจยกเลิกภารกิจสำคัญเช่นนี้ ย่อมมีเหตุผลเบื้องหลังที่สำคัญอย่างแน่นอน การประชุมคณะรัฐมนตรีที่ถูกเรียกอย่างเร่งด่วนในเวลา 10.00 น. วันนี้ ยิ่งเน้นย้ำถึงความสำคัญของสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น

การยกเลิกกำหนดการเดินทางเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล มีขึ้นท่ามกลางความคาดหวังว่าจะมีการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนที่กำลังจะมาถึง การยกเลิกในครั้งนี้จึงเป็นที่จับตามองว่าจะมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและต่อประเด็นความร่วมมือในภูมิภาคหรือไม่

ผลกระทบต่อการประชุมสุดยอดอาเซียน

ทำไมนายกฯ ยกเลิกบินมาเลเซีย เรียกประชุมครม.ด่วน?

การประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 47 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง เป็นเวทีสำคัญที่ผู้นำจากประเทศสมาชิกจะได้หารือและกำหนดแนวทางความร่วมมือในด้านต่างๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง การที่นายกรัฐมนตรีไทยยกเลิกการเข้าร่วม อาจส่งผลต่อการหารือในบางประเด็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยโดยตรง

การวางกรอบจัดพระราชพิธีสำคัญ

เหตุผลสำคัญอีกประการหนึ่งของการเรียกประชุมครม.ด่วน คือการวางกรอบการจัดพระราชพิธีและแต่งตั้งคณะกรรมการชุดต่างๆ ภายหลังการประกาศการสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง การเตรียมงานพระราชพิธีเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องดำเนินการอย่างสมพระเกียรติและเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

การตัดสินใจ นายกฯ ยกเลิกบินมาเลเซีย เรียกประชุมครม.ด่วน 10 โมงเช้า สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของสถานการณ์ภายในประเทศที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก การติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวต่างๆ อย่างใกล้ชิดจึงเป็นสิ่งที่ประชาชนควรให้ความสนใจ เพื่อรับทราบข้อมูลที่ถูกต้องและทันต่อเหตุการณ์

สรุปแล้ว การที่ นายกฯ ยกเลิกบินมาเลเซีย เรียกประชุมครม.ด่วน 10 โมงเช้า นั้น มีเหตุผลที่สำคัญอยู่เบื้องหลัง ซึ่งประชาชนควรติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด เพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

ที่มา – นายกฯ ยกเลิกบินมาเลเซีย เรียกประชุมครม.ด่วน 10 โมงเช้าวันนี้

นายกฯ เล็งมาตรการใหม่! ไทยผู้นำเศรษฐกิจอาเซียน

นายกฯ เตรียมมาตรการเศรษฐกิจเฟสถัดไป ตั้งเป้าไทยกลับมาเป็นผู้นำเศรษฐกิจอาเซียน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย กล่าวถึงการเดินหน้ามาตรการทางเศรษฐกิจ หลังรัฐบาลออกนโยบาย “คนละครึ่ง พลัส” ว่า รัฐบาลจะเร่งวางรากฐานให้เศรษฐกิจมั่นคงและแข็งแกร่งมากขึ้น โดยเน้นการกระจายรายได้สู่ประชาชน โดยเฉพาะช่วงปลายปีนี้ ซึ่งจะมีมาตรการ เฟส 1 และเฟส 2 รวมถึงมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวเตรียมไว้แล้ว และพร้อมใช้เวลา 4 เดือนที่เหลือของรัฐบาลทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อวางแนวทางและรากฐานที่มั่นคงให้รัฐบาลชุดต่อไปสามารถเดินหน้าต่อยอดได้ทันที

นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับวินัยการเงินการคลัง โดยไม่ใช่การนำเงินไปแจกประชาชนเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน ขณะเดียวกัน รัฐยังสามารถนำงบประมาณกว่า 3 หมื่นล้านบาท ไปชำระหนี้ให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้ ซึ่งเป็นหลักฐานชัดเจนว่ารัฐบาลรักษาวินัยการคลังไว้ได้ และสร้างความเชื่อมั่นต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ

นายอนุทิน ยังกล่าวถึงการผลักดันให้ประเทศไทยกลับมาเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียนว่า ที่ผ่านมาไทยอาจติดข้อจำกัดจากกฎระเบียบเดิมที่ไม่ทันต่อโลก จึงต้องตั้งเป้าหมายใหม่ และใช้จุดแข็งด้านภูมิรัฐศาสตร์ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมเสริมว่า “ไม่เสียหายอะไรที่เราจะตั้งเป้าว่า ไทยจะกลับมาเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ได้ในระยะเวลารวดเร็ว

ความท้าทายในการพาไทยกลับมาเป็นผู้นำเศรษฐกิจอาเซียน

อย่างไรก็ตาม แม้ไทยจะได้เปรียบด้านภูมิรัฐศาสตร์ แต่ปัญหาใหญ่ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจ คือ ความต่อเนื่องทางการเมืองซึ่งถือเป็นจุดอ่อน เพราะการเปลี่ยนตัวรัฐบาล หรือ เปลี่ยนผู้นำบ่อย ๆ จะส่งผลต่อนักลงทุนที่เข้ามาลงทุน นายกรัฐมนตรี ระบุว่า หากใครจะไปจะมาไม่สำคัญกับใครวางระบบที่ดี ปัญหาหลักไม่ใช่การเมือง แต่คือ การคอร์รัปชัน พร้อมระบุว่ารัฐบาลจะพัฒนาระบบสังคมดิจิทัลและเทคโนโลยี AI เพื่อเพิ่มความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และลดโอกาสการทุจริตในระบบราชการ

การที่นายกฯ เตรียมมาตรการเศรษฐกิจเฟสถัดไป ตั้งเป้าไทยกลับมาเป็นผู้นำเศรษฐกิจอาเซียน ถือเป็นสัญญาณบวกต่อการพัฒนาประเทศ แต่สิ่งที่ต้องพิจารณาคือ การสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติ และการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันอย่างจริงจัง เพื่อให้การพัฒนาเศรษฐกิจเป็นไปอย่างยั่งยืน

รัฐบาลชุดปัจจุบันกำลังเร่งเครื่องผลักดันเศรษฐกิจไทยให้กลับมาผงาดในเวทีอาเซียนอีกครั้ง โดยเน้นการกระจายรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างความโปร่งใสในการบริหารประเทศ แม้ว่าจะมีอุปสรรคและความท้าทายมากมาย แต่ด้วยความมุ่งมั่นและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เราเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะสามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำเศรษฐกิจในภูมิภาคได้อีกครั้ง

เพื่อให้ประเทศไทยกลับมาเป็นผู้นำเศรษฐกิจอาเซียนอย่างแท้จริงนั้น สิ่งสำคัญคือการสร้างความเข้มแข็งจากภายใน เริ่มจากการพัฒนาระบบการศึกษา การส่งเสริมเทคโนโลยีและนวัตกรรม การสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุนและการทำธุรกิจ

นอกจากนี้ ภาครัฐและเอกชนต้องร่วมมือกันในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย การเชื่อมโยงระบบขนส่งและโลจิสติกส์ การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ และการสร้างความเชื่อมั่นในระบบยุติธรรมและกฎหมาย

การที่จะทำให้นายกฯ เตรียมมาตรการเศรษฐกิจเฟสถัดไป ตั้งเป้าไทยกลับมาเป็นผู้นำเศรษฐกิจอาเซียนให้สำเร็จนั้น ประชาชนทุกคนมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า เริ่มจากการพัฒนาตนเอง เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ และพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ต.ค. 68)

ที่มา – นายกฯ เตรียมมาตรการเศรษฐกิจเฟสถัดไป ตั้งเป้าไทยกลับมาเป็นผู้นำเศรษฐกิจอาเซียน

อนุทินชี้! **สน.สามเสน ต้องทุบสร้างใหม่**

อนุทิน ชี้ สน.สามเสน ต้องทุบสร้างใหม่ หลังพบเสาเข็มหัก-หลุดจากศูนย์ ลั่น ผู้รับเหมาต้องรับผิดชอบ ยัน ไม่ปล่อยให้คนเข้าไปทำงานในอาคารแน่นอน

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 4 ต.ค. 2568 ที่กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีลงพื้นที่ติดตามการแก้ไขปัญหาถนนทรุดตัวที่ถนนสามเสน ได้รับรายงานเกี่ยวกับการทุบ **สน.สามเสน ต้องทุบสร้างใหม่** บ้างหรือไม่ว่า ถ้าตัวอาคารไม่มีความปลอดภัยอย่างไรก็ต้องรื้อออกไปและสร้างขึ้นใหม่ ซึ่งต้องเป็นความรับผิดชอบของเจ้าของงาน เดี๋ยวกรมโยธาธิการและผังเมืองและองค์กรวิชาชีพจะไปตรวจโครงสร้าง เพราะตอนนี้มีเสาเข็มที่ขาดด้วย

ตนมองด้วยสายตาเห็นว่าน่ากลัวตำรวจสามเสนคงจะมีที่ทำงานใหม่แน่นอน เพราะดูแล้วมันเริ่มหลุดจากศูนย์ เราคงไม่ปล่อยให้คนเข้าไปทำงานในอาคารหลังนั้นแน่นอน

โดยได้คุยเบื้องต้นกับผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และผู้รับจ้าง น่าจะเป็นเอกฉันท์ว่าต้องรื้ออาคารนั้นแล้วสร้างใหม่ขึ้นมาในความรับผิดชอบของผู้รับจ้าง ส่วนจะดำเนินการทุบเมื่อไหร่นั้น ก็คงจะเริ่มทุบแล้ว แต่รายละเอียดคงต้องไปถามคนที่ดำเนินงาน

ด้าน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า จากการประเมินของผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรมมีความเห็นตรงกันว่ารอยร้าวที่เกิดขึ้นและโครงสร้างที่เกิดความเสียหายเป็นอันตรายต่อผู้ที่จะใช้งานในอนาคต

ฉะนั้น การสร้างใหม่จึงเป็นแนวทางที่เห็นสมควรมากที่สุด และยังไม่พบข้อบ่งชี้ของแฟลตตำรวจหลัง สน. ว่าจะต้องมีการทุบและสร้างใหม่ เบื้องต้นประเมินว่าอาคารที่ต้องได้รับการแก้ไขเร่งด่วน คือ อาคาร สน.เท่านั้น

สน.สามเสน ต้องทุบสร้างใหม่

จากกรณีที่อาคารสถานีตำรวจนครบาลสามเสน (สน.สามเสน) ประสบปัญหาโครงสร้าง ทำให้ต้องมีการพิจารณาถึงความปลอดภัยในการใช้งาน ล่าสุดนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้ออกมาแสดงความเห็นอย่างชัดเจนว่า **สน.สามเสน ต้องทุบสร้างใหม่** อย่างแน่นอน เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชนที่มาติดต่อราชการ

เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดคำถามและความกังวลเกี่ยวกับคุณภาพของการก่อสร้างอาคารภาครัฐ และความรับผิดชอบของผู้รับเหมาที่เกี่ยวข้อง ทางรัฐบาลยืนยันว่าจะดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อให้มั่นใจว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกในอนาคต และจะมีการดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องหากพบว่ามีการทุจริตหรือประมาทเลินเล่อ

ผลกระทบต่อการบริการประชาชน

การที่ **สน.สามเสน ต้องทุบสร้างใหม่** นั้น ย่อมส่งผลกระทบต่อการให้บริการประชาชนในพื้นที่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สถานีตำรวจจะต้องย้ายที่ทำการชั่วคราว ซึ่งอาจทำให้ประชาชนไม่สะดวกในการติดต่อราชการ อย่างไรก็ตาม ทางสถานีตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้การบริการเป็นไปอย่างราบรื่นและต่อเนื่องที่สุด

ทางสถานีตำรวจได้เตรียมแผนสำรองในการให้บริการประชาชน โดยอาจมีการจัดตั้งจุดบริการชั่วคราว หรือใช้สถานที่ราชการอื่น ๆ ในพื้นที่ใกล้เคียงเป็นที่ทำการชั่วคราว นอกจากนี้ ยังมีการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนทราบอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น

ถึงแม้ว่าจะมีความไม่สะดวกเกิดขึ้นบ้าง แต่ความปลอดภัยของประชาชนและเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด การตัดสินใจทุบและสร้างใหม่จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในสถานการณ์นี้

การสร้างใหม่ของ สน.สามเสน จะเป็นโอกาสในการปรับปรุงและพัฒนาระบบการให้บริการประชาชนให้ดียิ่งขึ้น อาจมีการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ในการบริหารจัดการ เพื่อให้การบริการเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการออกแบบอาคารให้มีความทันสมัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

เหตุการณ์นี้เป็นบทเรียนสำคัญที่ทำให้เราต้องตระหนักถึงความสำคัญของการตรวจสอบและควบคุมคุณภาพการก่อสร้างอาคารภาครัฐอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต

ที่มา – อนุทิน ชี้ สน.สามเสน ต้องทุบสร้างใหม่ หลังเสาเข็มหัก-หลุดจากศูนย์ ลั่นผู้รับเหมาต้องรับผิดชอบ

“อันวาร์” ชวน “อนุทิน” เยือนมาเลเซีย หนุนแก้ชายแดน

นายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซีย ได้เชิญนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทย เดินทางเยือนมาเลเซียหลังจากเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการแล้ว ถือเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย
อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย (ภาพ: thaigov.go.th)

นายอันวาร์ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเมื่อวานนี้ (18 ก.ย.) ว่า เขาได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายอนุทิน และได้ถือโอกาสนี้เชิญนายกฯ คนใหม่ของไทยเดินทางเยือนมาเลเซีย เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ผู้นำทั้งสองยังได้หารือกันถึงสถานการณ์ล่าสุดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยนายอันวาร์ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการรักษาสันติภาพ และหลีกเลี่ยงไม่ให้ความเห็นที่แตกต่างนำไปสู่ความตึงเครียดที่ไม่จำเป็น พร้อมเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยการเจรจาผ่านการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC)

“มาเลเซียเชื่อว่า การพูดคุย การทูต และความเข้าใจร่วมกัน คือหนทางที่ดีที่สุดที่จะสร้างสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค” นายกฯ มาเลเซียระบุ

“อันวาร์” ต่อสายคุย “อนุทิน” เชิญเยือนมาเลเซีย พร้อมหนุนแก้ปัญหาชายแดนผ่าน JBC

การเชื้อเชิญของนายอันวาร์ในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงที่จะสานต่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยและมาเลเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นความมั่นคงชายแดน ซึ่งเป็นเรื่องที่ทั้งสองประเทศให้ความสำคัญมาโดยตลอด การพูดคุยและการเจรจาผ่านกลไก JBC จะช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างสันติวิธีและสร้างสรรค์

ความสำคัญของการแก้ปัญหาชายแดนผ่าน JBC

การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ถือเป็นกลไกสำคัญในการแก้ไขปัญหาชายแดนระหว่างประเทศ โดยเปิดโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายได้หารือและทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน เพื่อหาทางออกที่เหมาะสมและเป็นที่ยอมรับร่วมกัน การใช้แนวทางการทูตและการเจรจาจะช่วยลดความตึงเครียดและสร้างความไว้วางใจระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน

อนาคตความสัมพันธ์ไทย-มาเลเซีย: การที่นายอันวาร์ อิบราฮิม เชิญนายอนุทิน ชาญวีรกูล เยือนมาเลเซีย แสดงให้เห็นถึงความกระตือรือร้นที่จะเสริมสร้างความร่วมมือในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน หรือความมั่นคง การเดินทางเยือนมาเลเซียของนายอนุทิน จะเป็นโอกาสอันดีที่จะได้หารือถึงแนวทางในการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น และสร้างประโยชน์ร่วมกันให้กับประชาชนของทั้งสองประเทศ

ความร่วมมือระหว่างไทยและมาเลเซียมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาและความมั่นคงของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การส่งเสริมความเข้าใจและความร่วมมือในทุกระดับ จะช่วยให้ทั้งสองประเทศสามารถเผชิญกับความท้าทายต่างๆ ร่วมกัน และสร้างอนาคตที่สดใสสำหรับภูมิภาคของเรา

ในสถานการณ์โลกที่ผันผวน การรักษาความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้านจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง การที่ “อันวาร์” ต่อสายคุย “อนุทิน” เชิญเยือนมาเลเซีย พร้อมหนุนแก้ปัญหาชายแดนผ่าน JBC จึงเป็นสัญญาณที่ดีที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทั้งสองประเทศที่จะทำงานร่วมกันเพื่อสร้างสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค

ที่มา – “อันวาร์” ต่อสายคุย “อนุทิน” เชิญเยือนมาเลเซีย พร้อมหนุนแก้ปัญหาชายแดนผ่าน JBC

มาแล้ว! โผ ครม.อนุทิน 1: ใครได้เก้าอี้?

มาแล้ว โผ​ ครม.อนุทิน​ 1 ภูมิใจไทย 12 เก้าอี้ แบ่งโควตา คนนอก 5 ตำแหน่ง อดีตผู้ว่าแบงก์ชาติ จ่อคุมคลัง “ธรรมนัส” ชิง “พลังประชารัฐ” คุมกระทรวงกลาโหม

วันที่ 5 ก.ย.2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก นายอนุทิน​ ชาญวีรกูล​ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้รับความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี​ จากสภาผู้แทนราษฎร ความเคลื่อนไหวการจัดตั้ง “ครม.อนุทิน 1” ก็ขยับทันที​ โดยมีการจัดสรรโควต้าตามจำนวนเสียงที่ประกาศจัดตั้งรัฐบาลเสียง​ข้างน้อย​ ร่วมกัน​ 146 เสียง ประกอบด้วย

  • พรรคภูมิใจไทย​ 12 เก้าอี้
  • พรรคกล้าธรรม 7 เก้าอี้ แบ่งเป็น 4 รัฐมนตรีว่าการ​ และ 3 รัฐมนตรีช่วยว่าการ
  • พรรคพลังประชารัฐ​ 4 เก้าอี้
  • กลุ่มนายสุชาติ​ ชมกลิ่น​ 4 เก้าอี้
  • กลุ่มนายศักดา วิเชียรศิลป์​ สส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย 2 เก้าอี้
  • กลุ่ม​นายนิพนธ์​ บุญญามณี​ 1 เก้าอี้

และโควตาคนนอก 5 เก้าอี้

สำหรับพรรคภูมิใจไทย อาทิ

  • นายอนุทิน ชาญวีรกูล นั่งนายกรัฐมนตรี ควบ รมว.มหาดไทย
  • รมช.มหาดไทย มีชื่อ น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์
  • นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค จะได้รับโอกาสเป็นรัฐมนตรีป้ายแดง รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
  • นางศุภมาส อิศรภักดี นั่งรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
  • นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ นั่งเจ้ากระทรวงคมนาคม
  • นายภราดร ปริศนานันทกุล มีชื่อเป็นรัฐมนตรีป้ายแดง นั่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

สำหรับ โควตาคนนอก 5 เก้าอี้​ เริ่มมีการเสนอชื่อบุคคลเข้ารับตำแหน่งแล้ว อาทิ​

  • รมว.คลัง มีชื่อ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ​ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
  • รมว.พลังงาน มีชื่อ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์
  • รมว.ต่างประเทศ​ มีชื่อของ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว​ อดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศ​
  • กระทรวงพาณิชย์ มีกระแสข่าวว่ายังเป็น นายจตุพร บุรุษพัฒน์ และกระทรวงยุติธรรม ยังรอการทาบทาม​

ขณะที่ พรรคกล้าธรรม​ 7 เก้าอี้​

  • เสนอชื่อ ร.อ.ธรรมนัส​ พรหมเผ่า​ ดำรงตำแหน่งรมว.กลาโหม​ แต่ตำแหน่งนี้ก็มีความต้องการจากพรรคพลังประชารัฐ​ด้วย​
  • รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็น นายอรรถกร ศิริลัทธยากร
  • รมว.ศึกษา​ธิการ​ เป็น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์​
  • รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็น นายอัครา พรหมเผ่า​ ขณะที่รัฐมนตรีช่วย​ ยังไม่ได้ลงในรายละเอียด แต่มีชื่อของ นายองอาจ วงษ์ประยูร​ สส.สระบุรี​ และ นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ เข้ามาชิง​

ส่วนพรรคพลังประชารัฐ​ ได้​ 4 เก้าอี้​

  • นายสันติ​ พร้อมพัฒน์ ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข​
  • อีก 1 เก้าอี้​ ที่เสนอขอ​ ​คือ ตำแหน่งรมว.กลาโหม​ โดย พล.อ.ประวิตร​ วงษ์สุวรรณ​ ไม่ได้นั่งเอง แต่จะส่ง พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ​ เข้ามาดำรงตำแหน่ง​
  • ส่วนอีก 2 ตำแหน่ง มีรายชื่อแล้วเป็น นางตรีนุช​ เทียนทอง​ กับ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์​ แต่ยังไม่ได้ลงรายละเอียดว่าจะนั่งกระทรวงใด​

สำหรับกลุ่ม นายสุชาติ​ ชมกลิ่น​ ชัดเจนแล้วว่าเจ้าตัวได้นั่ง รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม​ และอีก 1 กระทรวงที่ได้โควตา คือ​ รมว.อุตสาหกรรม​ มีชื่อ จ่าเอก ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ คนสนิทนายสุชาติ ชมกลิ่น อย่างไรก็ตาม​ จะมีการพูดคุยเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรี​อีกครั้งช่วงค่ำนี้

มาแล้ว! โผ ครม.อนุทิน 1: ใครได้เก้าอี้?

การจัดตั้ง ครม.อนุทิน 1 ถือเป็นก้าวสำคัญในการบริหารประเทศหลังจากนี้ รายชื่อที่ออกมานั้นเป็นเพียงการคาดการณ์เบื้องต้น ต้องติดตามกันต่อไปว่าสุดท้ายแล้วใครจะได้รับตำแหน่งใดและจะสามารถนำพาประเทศไปในทิศทางใดได้บ้าง

จับตาโผ ครม.อนุทิน 1 กับทิศทางการเมืองไทย

การเปลี่ยนแปลงในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่นี้ น่าจะเป็นประเด็นที่ประชาชนให้ความสนใจอย่างใกล้ชิด เพราะนั่นหมายถึงนโยบายและการดำเนินงานต่างๆ ของภาครัฐที่จะส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนโดยตรง การจับตาดูรายชื่อและตำแหน่งต่างๆ ใน โผ ครม.อนุทิน 1 จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น เพื่อให้เราสามารถวิเคราะห์และคาดการณ์ถึงทิศทางการเมืองและเศรษฐกิจของประเทศในอนาคตได้

การเมืองไทยยังคงมีความไม่แน่นอนสูง การจัดตั้งรัฐบาลผสมและการเปลี่ยนแปลงในคณะรัฐมนตรีเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เสมอ การติดตามข่าวสารและข้อมูลที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้เราเข้าใจสถานการณ์และสามารถตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผล

ที่มา – มาแล้ว โผ​ ครม.อนุทิน​ 1 ดึง 5 คนนอก เศรษฐพุฒิ คุมคลัง ธรรมนัส-บิ๊กป้อม ชิงกลาโหม

เช็กเลย! เสี่ยหนู รอนั่งนายกฯ ภูมิใจไทย เฝ้าเพื่อไทย

เปิดตัวเลขล่าสุด ส.ส. หนุน “เสี่ยหนู” รอนั่งนายกฯ ภูมิใจไทย 283 เสียง! ภูมิใจไทยรอเพื่อไทยไหลมาเติมอีก ลั่นไม่กังวลหากชิงยุบสภา บอกเพื่อไทยน่าจะไม่พร้อมเลือกตั้งที่สุด มาเช็กตัวเลขล่าสุด เสี่ยหนู รอนั่งนายกฯ ภูมิใจไทย เฝ้าเพื่อไทยกัน

เมื่อวันที่ 30 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคภูมิใจไทยว่า การเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกิจที่สนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรี ขณะนี้ทุกอย่างนิ่งแล้ว รอเพียงการลงนามข้อตกลง และเงื่อนไข ร่วมกันกับพรรคประชาชนเป็นลายลักษณ์อักษร หลังจากที่พรรคภูมิใจไทยรับหลักการแล้ว

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้รอทางพรรคประชาชนนัดวันที่จะลงนามร่วมกันว่าจะเป็นเมื่อใด ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงสัปดาห์หน้า ส่วนจะได้โหวตนายกฯ ในวันที่ 3 หรือ 4 กันยายนนี้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่จะบรรจุระเบียบวาระ

ส่วนเสียงที่สนับสนุนนายอนุทินเป็นนายกฯ ขณะนี้กว่า 90 เปอร์เซ็นต์ นิ่งแล้ว ประกอบด้วย พรรคภูมิใจไทย 68 เสียง เนื่องจากตัด น.ส.ประภา เฮงไพบูลย์ ส.ส.กาฬสินธุ์ พรรคประชาชน 143 เสียง พรรคกล้าธรรม 25 เสียง พรรคพลังประชารัฐ 18 เสียง กลุ่มสุชาติ ชมกลิ่น 16 เสียง พรรคไทยสร้างไทย 6 เสียง พรรคเล็ก 4 เสียง พรรคประชาธิปัตย์ 2 เสียง คือ นายสรรเพชร บุญญามณี ส.ส.สงขลา และนายสมยศ พลายด้วง ส.ส.สงขลา และพรรคเป็นธรรม 1 เสียง รวม 283 เสียง

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยกำลังแตกรัง มีส.ส.ติดต่อเข้ามาร่วมรัฐบาล ทั้งจากฝั่งพรรคกล้าธรรม และติดต่อผ่านมาโดยตรงผ่านกลุ่มของนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ ส.ส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย ที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ว่ามีเสียงสนับสนุน 10 กว่าเสียงแล้ว ทำให้ขณะนี้พรรคภูมิใจไทยอยู่ระหว่างการรอการเข้ามาเติมเสียง

แหล่งข่าวจากพรรคภูมิใจไทย ระบุว่า ส่วนเรื่องการยุบสภาโดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดปัจจุบัน พรรคภูมิใจไทยไม่กังวล เพราะเชื่อว่าพรรคที่ไม่พร้อมเลือกตั้งมากที่สุดคือพรรคเพื่อไทย เนื่องจาก ขณะนี้กำลังประสบปัญหาเรื่องคะแนนนิยม และการขาดความเชื่อมั่นจากพี่น้องประชาชน

เช็กตัวเลขล่าสุด เสี่ยหนู รอนั่งนายกฯ ภูมิใจไทย เฝ้าเพื่อไทย

สถานการณ์การเมืองไทยยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจับขั้วจัดตั้งรัฐบาลที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่ายๆ หนึ่งในประเด็นที่น่าจับตามองคือการที่พรรคภูมิใจไทยสนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี และกำลังรอเสียงสนับสนุนเพิ่มเติมจากพรรคเพื่อไทย

สถานการณ์ล่าสุด: เช็กตัวเลขล่าสุด เสี่ยหนู รอนั่งนายกฯ ภูมิใจไทย

จากรายงานล่าสุด พบว่าพรรคภูมิใจไทยมีเสียงสนับสนุนจาก ส.ส. จำนวน 283 เสียง ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อการจัดตั้งรัฐบาลได้ ทำให้ต้องรอเสียงสนับสนุนเพิ่มเติม โดยเฉพาะจากพรรคเพื่อไทยที่มี ส.ส. บางส่วนแสดงความสนใจที่จะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทย

พรรคภูมิใจไทยมั่นใจว่า จะสามารถรวบรวมเสียงสนับสนุนได้เพียงพอต่อการจัดตั้งรัฐบาล และพร้อมที่จะดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป นอกจากนี้ พรรคภูมิใจไทยยังแสดงความไม่กังวลต่อกระแสข่าวการยุบสภา เพราะเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยยังไม่พร้อมสำหรับการเลือกตั้งในขณะนี้

การเมืองไทยเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เราทำได้คือการติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด และทำความเข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อที่จะสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องในอนาคต

อย่าลืมติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่พลาดทุกข้อมูลสำคัญ!

เช็กตัวเลขล่าสุด เสี่ยหนู รอนั่งนายกฯ ภูมิใจไทย เฝ้าเพื่อไทย: การเมืองไทยยังคงต้องจับตาดูกันต่อไป ว่าสุดท้ายแล้วใครจะเป็นผู้ที่ได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี และพรรคใดจะได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล

ที่มา – เช็กตัวเลขล่าสุด เสี่ยหนู รอนั่งนายกฯ ภูมิใจไทย เฝ้าเพื่อไทยไหลเติม