สแกมเมอร์

ผู้นำเกาหลีใต้ประชุมอาเซียน ปราบสแกมเมอร์ หนุนสันติภาพ

ประธานาธิบดี อี แจ-มยอง ผู้นำเกาหลีใต้ เตรียมเดินทางเยือนกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ซึ่งนับเป็นการเยือนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา โดยมีวาระสำคัญคือการผลักดันภูมิภาคร่วมปราบสแกมเมอร์และหนุนสันติภาพคาบสมุทรเกาหลี

วี ซองลัก ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ปธน.อีจะออกเดินทางในวันอาทิตย์ (26 ต.ค.) เพื่อเข้าร่วมการประชุมอาเซียน และหารือแนวทางยกระดับความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์แบบรอบด้านระหว่างเกาหลีใต้กับกลุ่มประเทศอาเซียน

ในวันจันทร์ (27 ต.ค.) ปธน.อีจะนำเสนอวิสัยทัศน์เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือกับชาติอาเซียน พร้อมเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนบวกสาม ซึ่งมีญี่ปุ่นและจีนเข้าร่วมด้วย โดยเกาหลีใต้จะผลักดันความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากในภูมิภาค โดยเฉพาะกรณีที่มีชาวเกาหลีใต้ตกเป็นเหยื่อ ดังนั้น การผลักดันภูมิภาคร่วมปราบสแกมเมอร์จึงเป็นวาระที่สำคัญอย่างยิ่ง

ก่อนหน้านี้ ผู้นำเกาหลีใต้ได้ประกาศให้คำมั่นว่าจะผลักดันความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อรับมือกับอาชญากรรมข้ามพรมแดนอย่างจริงจัง หลังเกิดเหตุการณ์นักศึกษาชาวเกาหลีใต้ถูกแก๊งอาชญากรรมในกัมพูชาทรมานจนเสียชีวิตเมื่อเดือนส.ค.

ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของเกาหลีใต้ยังเผยด้วยว่า ปธน.อีมีกำหนดหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ผู้นำกัมพูชา เพื่อกระชับความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ และหารือปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ รวมถึงพบปะกับนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำมาเลเซีย เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การลงทุน โครงสร้างพื้นฐาน และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

ในระดับภูมิภาค ผู้นำเกาหลีใต้มีแผนผลักดันความร่วมมือระหว่างเกาหลีใต้ จีน และญี่ปุ่น ผ่านเวทีอาเซียน เพื่อสร้างวงจรความร่วมมือที่สร้างสรรค์ พร้อมนำเสนอวิสัยทัศน์สันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี และขอเสียงสนับสนุนจากประเทศสมาชิกอาเซียน การที่ผู้นำเกาหลีใต้ประชุมอาเซียนครั้งนี้จึงมีความสำคัญต่อสันติภาพในภูมิภาค

ทั้งนี้ เมื่อเดือนที่ผ่าน ระหว่างการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (UNGA) ปธน.อีได้เสนอแนวทางคลี่คลายความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีภายใต้แผน “END Initiative” ซึ่งประกอบด้วย 3 แนวทางสำคัญ ได้แก่ การแลกเปลี่ยน (Exchange) การปรับความสัมพันธ์สู่ระดับปกติ (Normalization) และการปลดอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ (Denuclearization)

ผู้นำเกาหลีใต้เตรียมบินประชุมอาเซียน ผลักดันภูมิภาคร่วมปราบสแกมเมอร์-หนุนสันติภาพคาบสมุทรเกาหลี

เป้าหมายหลัก: ปราบสแกมเมอร์และหนุนสันติภาพ

เป้าหมายหลักของการเดินทางไปประชุมอาเซียนของผู้นำเกาหลีใต้ในครั้งนี้ นอกเหนือจากการกระชับความสัมพันธ์กับประเทศสมาชิกอาเซียนแล้ว ยังมุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ที่กำลังแพร่หลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาแก๊งสแกมเมอร์ที่หลอกลวงชาวเกาหลีใต้ อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับการผลักดันสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งเป็นประเด็นละเอียดอ่อนที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากนานาชาติ

การที่ผู้นำเกาหลีใต้ประชุมอาเซียน ผลักดันภูมิภาคร่วมปราบสแกมเมอร์-หนุนสันติภาพคาบสมุทรเกาหลี จึงเป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเกาหลีใต้ในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ และการสร้างสันติภาพในภูมิภาค

สิ่งที่น่าจับตามองคือ เกาหลีใต้จะสามารถผลักดันความร่วมมือกับประเทศสมาชิกอาเซียนในการปราบปรามสแกมเมอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ และวิสัยทัศน์สันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลีของผู้นำเกาหลีใต้จะได้รับการสนับสนุนจากประเทศสมาชิกอาเซียนมากน้อยเพียงใด คงต้องติดตามกันต่อไปอย่างใกล้ชิด

การประชุมอาเซียนครั้งนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญที่เกาหลีใต้จะได้แสดงบทบาทนำในการแก้ไขปัญหาสำคัญของภูมิภาค และสร้างความร่วมมือในด้านต่างๆ เพื่อประโยชน์ร่วมกันของทุกฝ่าย

ที่มา – ผู้นำเกาหลีใต้เตรียมบินประชุมอาเซียน ผลักดันภูมิภาคร่วมปราบสแกมเมอร์-หนุนสันติภาพคาบสมุทรเกาหลี

ตำรวจเกาหลีใต้ขอศาลออกหมายจับผู้ต้องสงสัย 58 คน


ตำรวจเกาหลีใต้ขอศาลออกหมายจับผู้ต้องสงสัย 58 คน เอี่ยวสแกมเมอร์กัมพูชา

ตำรวจเกาหลีใต้ได้ขอให้ศาลออกหมายจับผู้ต้องสงสัย 58 คนที่เพิ่งถูกส่งตัวกลับมาจากประเทศกัมพูชา โดยกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงทางออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ คดีนี้เป็นที่สนใจของประชาชนอย่างมาก เนื่องจากเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติและการหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ต

สำนักงานตำรวจแห่งชาติของเกาหลีใต้เปิดเผยในวันนี้ (20 ต.ค.) ว่า เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (18 ต.ค.) ผู้ต้องสงสัยรวม 64 รายได้ถูกส่งตัวกลับจากกัมพูชา โดยมี 1 รายถูกจับกุมทันทีตามหมายจับก่อนหน้านี้ ส่วนอีก 4 รายได้รับการปล่อยตัวไม่นานหลังจากนั้น ขณะที่อีก 1 รายได้รับการปล่อยตัวหลังจากที่อัยการปฏิเสธคำร้องขอหมายจับของตำรวจ สถานการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนในการดำเนินคดีและการพิจารณาหลักฐานของเจ้าหน้าที่

ศาลมีกำหนดพิจารณาหมายจับผู้ต้องสงสัยที่ยังถูกควบคุมตัว 58 ราย และคาดว่าผลการพิจารณาจะออกเร็วที่สุดในช่วงเย็นวันนี้ การพิจารณาของศาลจะเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม และคำตัดสินจะมีผลต่ออนาคตของผู้ต้องสงสัยแต่ละราย

ตำรวจเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมว่า ผู้ต้องสงสัยหลายคนบอกกับเจ้าหน้าที่สอบสวนว่า พวกเขาถูกควบคุมตัวและถูกทำร้ายร่างกายโดยสมาชิกแก๊งสแกมเมอร์ในกัมพูชา ขณะเดียวกัน ทั้ง 64 คนได้รับการตรวจสารเสพติดด้วยความยินยอม และผลตรวจออกมาเป็นลบทั้งหมด ข้อมูลนี้ชี้ให้เห็นถึงความโหดร้ายของการกระทำของแก๊งสแกมเมอร์ และความยากลำบากที่ผู้ต้องสงสัยต้องเผชิญ

ทำไมตำรวจเกาหลีใต้จึงขอศาลออกหมายจับผู้ต้องสงสัย 58 คน?

สาเหตุหลักที่ตำรวจเกาหลีใต้ขอศาลออกหมายจับผู้ต้องสงสัย 58 คนนี้ เนื่องจากมีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าพวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงทางออนไลน์ ซึ่งเป็นอาชญากรรมที่มีผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมาก การจับกุมและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดจึงเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของระบบออนไลน์

การสืบสวนคดีนี้เป็นไปอย่างละเอียดถี่ถ้วน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมหลักฐานต่างๆ ทั้งจากผู้เสียหาย พยาน และข้อมูลทางเทคนิค เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินคดีเป็นไปอย่างถูกต้องและเป็นธรรม กระบวนการนี้ต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมาก แต่มีความจำเป็นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นที่น่าพอใจ

นอกจากนี้ การที่ผู้ต้องสงสัยหลายคนอ้างว่าถูกควบคุมตัวและทำร้ายร่างกายโดยแก๊งสแกมเมอร์ ทำให้คดีนี้มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงในส่วนนี้อย่างละเอียด เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย

ความร่วมมือระหว่างประเทศก็เป็นปัจจัยสำคัญในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ การที่กัมพูชาส่งตัวผู้ต้องสงสัยกลับมายังเกาหลีใต้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทั้งสองประเทศในการต่อต้านอาชญากรรมและการรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชน

คดีนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของความสำคัญของการบังคับใช้กฎหมายและการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมและนำตัวผู้ต้องสงสัย 58 คนมาดำเนินคดีได้ จะช่วยส่งเสริมความเชื่อมั่นของประชาชนต่อระบบยุติธรรม และเป็นสัญญาณเตือนให้กับผู้ที่คิดจะก่ออาชญากรรม

สำหรับประชาชนทั่วไป การตระหนักถึงภัยอันตรายของการฉ้อโกงทางออนไลน์เป็นสิ่งสำคัญ ควรระมัดระวังในการให้ข้อมูลส่วนตัว และตรวจสอบความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์หรือบุคคลที่เราติดต่อด้วย หากพบสิ่งผิดปกติ ควรรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที

การป้องกันตนเองจากการถูกหลอกลวงทางออนไลน์เป็นหน้าที่ของทุกคน การมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับกลโกงต่างๆ จะช่วยให้เราสามารถหลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อของอาชญากรได้

โดยสรุปแล้ว คดีตำรวจเกาหลีใต้ขอศาลออกหมายจับผู้ต้องสงสัย 58 คนที่เอี่ยวสแกมเมอร์กัมพูชา เป็นเรื่องที่สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการบังคับใช้กฎหมาย ความร่วมมือระหว่างประเทศ และการตระหนักรู้ของประชาชนในการป้องกันตนเองจากการถูกหลอกลวงทางออนไลน์

ที่มา – ตำรวจเกาหลีใต้ขอศาลออกหมายจับผู้ต้องสงสัย 58 คนเอี่ยวสแกมเมอร์กัมพูชา

เกาหลีใต้สอบสวน 64 คนกลับจากกัมพูชาพัวพันแก๊งสแกมเมอร์

สถานการณ์ขบวนการหลอกลวงออนไลน์ข้ามชาติกำลังเป็นปัญหาใหญ่ที่หลายประเทศให้ความสนใจ ล่าสุด เกาหลีใต้เตรียมสอบสวนประชาชน 64 คนที่เดินทางกลับจากกัมพูชาพัวพันแก๊งสแกมเมอร์ หลังจากที่พวกเขาถูกควบคุมตัวในกัมพูชาในข้อหามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการหลอกลวงทางออนไลน์ ซึ่งทางการเกาหลีใต้ระบุว่าผู้ที่เดินทางกลับมาส่วนใหญ่จะถูกสอบสวนเพิ่มเติมอย่างละเอียด

การส่งตัวชาวเกาหลีใต้ครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากเกิดเหตุฆาตกรรมนักศึกษามหาวิทยาลัยชาวเกาหลีใต้รายหนึ่ง ซึ่งถูกทรมานในกัมพูชาเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยสื่อเกาหลีใต้รายงานว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเชื่อมโยงกับขบวนการหลอกลวงการหางาน ทำให้ประเด็นเรื่องการหลอกลวงออนไลน์กลับมาเป็นที่สนใจของสาธารณชนอีกครั้ง

ผู้ที่เดินทางกลับมาถึงเกาหลีใต้บางส่วนสวมหมวกและหน้ากากปิดบังใบหน้า และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวทันทีหลังจากเดินทางถึงสนามบินอินชอนในกรุงโซล โดยมีผ้าคลุมข้อมือไว้ ซึ่งคาดว่าเป็นกุญแจมือ แสดงให้เห็นถึงความเข้มงวดในการดำเนินการสอบสวนของทางการ

ในสัปดาห์นี้ เกาหลีใต้ออกคำสั่งห้ามเดินทางระดับสูงสุด (code black) สำหรับบางพื้นที่ของกัมพูชา พร้อมทั้งส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงไปให้ความช่วยเหลือพลเมืองเกาหลีใต้ที่ถูกหลอกให้ไปทำงานในศูนย์หลอกลวงออนไลน์ และเพื่อเจรจาให้ปล่อยตัวผู้ที่ถูกกักขังโดยไม่สมัครใจ มาตรการเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลเกาหลีใต้ในการแก้ไขปัญหาการหลอกลวงออนไลน์

วี ซอง-ลัก ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ เปิดเผยเมื่อวันพุธว่า มีชาวเกาหลีใต้กว่า 1,000 คนที่อาจจะอยู่ในกลุ่มแรงงานประมาณ 200,000 คนจากหลายประเทศ ที่ทำงานอยู่ในศูนย์หลอกลวงออนไลน์ในกัมพูชา ตัวเลขนี้แสดงให้เห็นถึงขนาดของปัญหาและการแพร่หลายของการหลอกลวงออนไลน์ในภูมิภาคนี้

ประธานาธิบดีอี แจ-มยอง ของเกาหลีใต้ ได้มีคำสั่งเมื่อวันศุกร์ ให้ดำเนินการลบโฆษณาหางานผิดกฎหมายทางออนไลน์อย่างเร่งด่วน ไม่เพียงแต่ในกัมพูชาเท่านั้น แต่ให้ครอบคลุมไปถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมด เพื่อป้องกันไม่ให้พลเมืองเกาหลีใต้ตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวง การดำเนินการเชิงรุกเช่นนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการปกป้องประชาชนจากภัยคุกคามทางออนไลน์

เกาหลีใต้สอบสวน 64 คนกลับจากกัมพูชาพัวพันแก๊งสแกมเมอร์

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นเครื่องเตือนใจถึงอันตรายของการหลอกลวงออนไลน์ และความจำเป็นที่ต้องระมัดระวังในการค้นหาโอกาสในการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในต่างประเทศ การตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดและการปรึกษาแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการตกเป็นเหยื่อ

ทำไมต้องสอบสวนคนกลับจากกัมพูชาพัวพันแก๊งสแกมเมอร์?

การสอบสวนประชาชน 64 คนที่เดินทางกลับจากกัมพูชาที่พัวพันกับแก๊งสแกมเมอร์ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเกาหลีใต้ในการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ และปกป้องพลเมืองของตนจากการถูกหลอกลวง เราต้องร่วมมือกันเพื่อสร้างสังคมออนไลน์ที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น

ดังนั้น หากคุณกำลังพิจารณาโอกาสในการทำงานในต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขอให้ตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดถี่ถ้วน ปรึกษาแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ และอย่าหลงเชื่อโฆษณาที่ดูดีเกินจริง เพื่อป้องกันตนเองจากการตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงออนไลน์

การที่ทางการเกาหลีใต้จ่อสอบสวนปชช. 64 คนที่เดินทางกลับจากกัมพูชาพัวพันแก๊งสแกมเมอร์ ถือเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของประชาชนและความมุ่งมั่นในการที่จะจัดการกับปัญหาแก๊งสแกมเมอร์อย่างจริงจัง การที่พลเมืองถูกหลอกให้ไปทำงานผิดกฎหมายในต่างแดนนั้น เป็นเรื่องที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน และต้องมีการป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต

ที่มา – เกาหลีใต้จ่อสอบสวนปชช. 64 คนที่เดินทางกลับจากกัมพูชาพัวพันแก๊งสแกมเมอร์

กัมพูชาจับแก๊งสแกมเมอร์ 3,500 ราย ใน 4 เดือน

กัมพูชาโว! ไม่ถึง 4 เดือนรวบตัวผู้ต้องสงสัยแก๊งสแกมเมอร์ได้เกือบ 3,500 ราย! คณะกรรมการเฉพาะกิจต่อต้านการหลอกลวงทางออนไลน์ของกัมพูชาออกมาประกาศความสำเร็จในการกวาดล้างอาชญากรรมไซเบอร์ครั้งใหญ่

กัมพูชาโว ไม่ถึง 4 เดือนรวบตัวผู้ต้องสงสัยแก๊งสแกมเมอร์ได้เกือบ 3,500 ราย

คณะกรรมการเฉพาะกิจต่อต้านการหลอกลวงทางออนไลน์ของกัมพูชาเปิดเผยว่า สามารถจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยในคดีหลอกลวงออนไลน์ได้ถึง 3,455 ราย นับตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการกวาดล้างเมื่อวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา ปฏิบัติการนี้ครอบคลุมพื้นที่เป้าหมายถึง 92 แห่ง ใน 18 เมืองและจังหวัดทั่วประเทศกัมพูชา

ผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับกุมมีหลากหลายสัญชาติถึง 20 ชาติ! แสดงให้เห็นว่าแก๊งสแกมเมอร์เหล่านี้เป็นเครือข่ายข้ามชาติ โดยมีหัวหน้าแก๊งจำนวนหนึ่งถูกส่งตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนผู้ต้องสงสัยที่เหลือส่วนใหญ่ถูกเนรเทศกลับประเทศบ้านเกิด

รัฐบาลกัมพูชาจริงจังกับการกวาดล้างเครือข่ายหลอกลวงออนไลน์ครั้งใหญ่นี้ โดยมีเป้าหมายที่จะกอบกู้ภาพลักษณ์ของประเทศ หลังจากที่ถูกมองว่าเป็น “ศูนย์กลางการหลอกลวงระดับโลก” เหตุการณ์ล่าสุดที่ส่งผลกระทบอย่างมากคือ กรณีนักศึกษาหนุ่มชาวเกาหลีใต้ที่ถูกแก๊งสแกมเมอร์หลอกไปทำงานในกัมพูชาและถูกทำร้ายจนเสียชีวิต ทำให้รัฐบาลเกาหลีใต้ต้องเข้ามาช่วยเหลือพลเมืองของตนอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งกดดันให้กัมพูชาปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์อย่างจริงจัง

ความพยายามในการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ในกัมพูชา ที่ส่งผลให้สามารถรวบตัวผู้ต้องสงสัยได้เกือบ 3,500 ราย

สถานการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนและขอบเขตของปัญหาการหลอกลวงออนไลน์ที่กัมพูชากำลังเผชิญอยู่ การจับกุมผู้ต้องสงสัยได้จำนวนมากเป็นสัญญาณที่ดี แต่ยังคงต้องจับตาดูว่า ทางการกัมพูชาจะสามารถดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดและป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกในอนาคตได้อย่างไร

การที่กัมพูชาสามารถ รวบตัวผู้ต้องสงสัยแก๊งสแกมเมอร์ได้เกือบ 3,500 ราย ภายในระยะเวลาอันสั้น แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหา แต่ก็เป็นเครื่องเตือนใจว่า การหลอกลวงออนไลน์ยังคงเป็นภัยคุกคามที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้นการป้องกันตัวเองจากภัยการหลอกลวงต่างๆจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ

ที่มา – กัมพูชาโว ไม่ถึง 4 เดือนรวบตัวผู้ต้องสงสัยแก๊งสแกมเมอร์ได้เกือบ 3,500 ราย

รวบหนุ่มโปรตุเกส **โกงคริปโตฯ** เสียหาย 2 หมื่นล้าน!

จับหนุ่มโปรตุเกส สแกมเมอร์ระดับโลก ก่อคดีฉ้อโกงคริปโตฯ บัตรเครดิต มูลค่าความเสียหายเกือบ 2 หมื่นล้าน จนมุมคาห้างดังกลางกรุง

เมื่อวันที่ 3 ต.ค.68 พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. สั่งการให้ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1 พ.ต.ท.สุริยะ พ่วงสมบัติ รอง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1พร้อมชุดทำงานหลัง ทราบว่า มีหนุ่มชาวโปรตุเกส นักต้มตุ๋นระดับพระกาฬ เป็นที่ต้องการตัวในหลายประเทศ ทั้งในยุโรป และเอเชีย

โดยทราบจากข้อมูลจากนักผู้สื่อข่าวต่างประเทศของสำนักพิมพ์ท้องถิ่นโปรตุเกส ว่าชายคนดังกล่าวเข้ามาในกบดานในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย และน่าจะก่อคดีฉ้อโกงทรัพย์ และเป็นบุคคลที่มีหมายจับในประเทศไทยด้วย

โดยจดจำตำหนิรูปพรรณได้ นับเป็นการปรากฏตัวครั้งแรกในรอบ 2 ปี ของนักต้มตุ๋นชื่อดังชาวโปรตุเกส โดยทีมสืบสวนเริ่มต่อจิ๊กซอว์ด้วยการนำภาพใบหน้าของเป้าหมาย ที่สื่อโปรตุเกสตีข่าวอย่างใหญ่โต มาเปรียบเทียบในระบบไบโอเมตริกซ์ จนสามารถยืนยันตัว บุคคลต่างด้าวเป้าหมายได้ว่าคือนายคาร์ลอส ลาโปโซ่ อายุ 39 ปี เกิดที่เมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกส

จากการตรวจสอบข้อมูลด้วยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พบว่าเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรตั้งแต่ปี พ.ศ.2566 ในฐานะนักท่องเที่ยว ก่อนจะก่อคดีฉ้อโกงโดยหลอกลงทุนบิตคอยน์ ในกรุงเทพมหานคร มูลค่าความเสียหายกว่า 1 ล้านบาท

จากการตรวจสอบพบว่าคดีดังกล่าวถอนหมายจับออกจากระบบ ก่อนที่ต่อมานายคาร์ลอส ลาโปโซ่ หนีไปหลบซ่อนตัวที่ภาคใต้และหายตัวไปจากสารบบ ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ไม่มีการขอต่อวีซ่า หรือแจ้งที่พักอาศัย เป็นเวลาเกือบ 2 ปี จนกระทั่งได้รับเบาะแสสำคัญ เวลาประมาณ 15.00 น.เมื่อวันที่ 2 ต.ค. ที่ผ่านมา

มีชาวโปรตุเกส ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวอ้างว่าได้พบตัวนักต้มตุ๋นรายนี้ กลางกรุงเทพมหานคร จึงรีบลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดหลายจุดในบริเวณที่มีการอ้างถึง

โดยจุดสุดท้ายพบบริเวณ ถ.พระราม 1 ใกล้กับห้างสรรพสินค้าชื่อดัง จึงนำกำลังตำรวจชุดสืบสวนกว่า 10 นาย แฝงตัวลงพื้นที่ค้นหาในห้างสรรพสินค้า กว่า 5 ชั่วโมง นับจากได้เบาะแส จนพบชายชาวต่างชาติตำหนิรูปพรรณตรงกับเป้าหมายกำลังยืนโทรศัพท์อยู่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด จึงส่งสัญญาณให้ทีมสืบสวนเข้าแสดงตัว ขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง

พบการตรวจลงตราครั้งสุดท้ายคือเมื่อปี 2566 เบื้องต้นเจ้าตัวรับว่าอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุดจริง เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า “เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด”

จากการตรวจสอบประสานฐานข้อมูลตำรวจสากลพบประวัติ ก่อคดีต้มตุ๋นมาแล้วทั้งในประเทศโปรตุเกสเอง ในยุโรป ก่อนจะหลบหนีมาที่ฟิลิปปินส์ และมาจนมุมที่ประเทศไทย มูลค่าความเสียหายรวมตามที่ผู้สื่อข่าวโปรตุเกสรายงาน ยอดเงินหมุนเวียนในบัญชีธนาคารในสวิสเซอร์แลนด์กว่า 500 ล้านยูโร รูปแบบแผนประทุษกรรมมีทั้งฉ้อโกง

โดยหลอกลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี่ และฉ้อโกงบัตรเครดิต ปลอมแปลงหนังสือเดินทาง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม นายคาร์ลอส ลาโปโซ่ จะถูกดำเนินคดีและบันทึกชื่อเป็นบุคคลต้องห้าม ก่อนจะถูกส่งกลับไปยังประเทศโปรตุเกส ตามกฎหมายคนเข้าเมืองต่อไป

จับหนุ่มโปรตุเกส สแกมเมอร์ระดับพระกาฬ โกงคริปโตฯ-บัตรเครดิต เสียหายเกือบ 2 หมื่นล้าน

เรื่องราวการโกงคริปโตฯ และบัตรเครดิตครั้งใหญ่นี้ เป็นอุทาหรณ์ให้เราต้องระมัดระวังในการลงทุนออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างคริปโตเคอร์เรนซี ที่มีความผันผวนสูงและมีความเสี่ยงในการถูกหลอกลวงได้ง่าย

รูปแบบการโกงคริปโตฯ ที่ต้องระวัง

  • การหลอกให้ลงทุนในแพลตฟอร์มที่ไม่น่าเชื่อถือ
  • การเสนอผลตอบแทนที่สูงเกินจริง
  • การใช้ข้อมูลเท็จเพื่อโน้มน้าวให้ลงทุน

ดังนั้น ก่อนตัดสินใจลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี ควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของแพลตฟอร์ม และอย่าหลงเชื่อผลตอบแทนที่สูงเกินจริง เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของการโกงคริปโตฯ เหมือนกรณีของหนุ่มโปรตุเกสรายนี้

การที่หนุ่มโปรตุเกสรายนี้สามารถโกงคริปโตฯ และบัตรเครดิตไปได้มากมายขนาดนี้ แสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนและช่องโหว่ของระบบการเงินดิจิทัลที่เราต้องตระหนักถึง และหาทางป้องกันต่อไป

ที่มา – จับหนุ่มโปรตุเกส สแกมเมอร์ระดับพระกาฬ โกงคริปโตฯ-บัตรเครดิต เสียหายเกือบ 2 หมื่นล้าน

สหรัฐฯ ทลายแก๊งสแกมเมอร์ในเมียนมา-กัมพูชา

สหรัฐฯ พุ่งเป้าทุบเครือข่ายสแกมเมอร์ในเมียนมา-กัมพูชา ต้นตอหลอกเงินคนอเมริกัน

กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรองค์กร 9 แห่งในเมียนมา ซึ่งถูกระบุว่าอยู่ภายใต้การคุ้มครองของกองกำลังแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Army) และอีก 10 แห่งในกัมพูชา ที่มีการบังคับใช้แรงงานเพื่อหลอกลวงเกี่ยวกับการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล นี่เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของสหรัฐฯ พุ่งเป้าทุบเครือข่ายสแกมเมอร์ในเมียนมา-กัมพูชา

นอกจากนี้ ยังมีบริษัทที่จดทะเบียนธุรกิจในประเทศไทย 1 แห่ง คือ บริษัท หยา ไท่ อินเตอร์เนชันแนล โฮลดิ้ง กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่เลิกกิจการไปแล้ว ตั้งแต่พฤศจิกายน 2566 ที่ถูกคว่ำบาตรในครั้งนี้

สำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างชาติ (OFAC) ชี้ว่า มาตรการคว่ำบาตรนี้ มุ่งเป้าเพิ่มแรงกดดันต่อขบวนการสแกมเมอร์ ซึ่งในปี 2567 สามารถหลอกลวงเงินจากชาวอเมริกันไปกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นถึง 66% จากปีก่อนหน้า การดำเนินการของสหรัฐฯ พุ่งเป้าทุบเครือข่ายสแกมเมอร์ในเมียนมา-กัมพูชา จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง

จอห์น เฮอร์ลีย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรี ระบุว่า อุตสาหกรรมไซเบอร์สแกมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นภัยคุกคามต่อความเป็นอยู่และความมั่นคงทางการเงินของชาวอเมริกัน และยังทำให้ผู้คนหลายพันคนตกเป็นทาสยุคใหม่ กระทรวงการคลังจะใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มีอยู่ เพื่อต่อสู้กับขบวนการอาชญากรรมทางการเงิน และปกป้องชาวอเมริกันจากการถูกหลอกลวง

ความเคลื่อนไหวนี้เป็นมาตรการล่าสุดจากรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มุ่งเป้าจัดการกับเครือข่ายสแกมเมอร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยผู้ที่หางานมักถูกล่อลวงด้วยข้อเสนอที่ดูดี ก่อนจะถูกบังคับหรือขู่ใช้ความรุนแรงให้ทำงานเป็นสแกมเมอร์ หลอกลวงคนผ่านแอปส่งข้อความ หรือส่งข้อความไปยังโทรศัพท์ของเหยื่อโดยตรง

ทำไมสหรัฐฯ พุ่งเป้าทุบเครือข่ายสแกมเมอร์ในเมียนมา-กัมพูชา ถึงสำคัญ?

ขบวนการเหล่านี้กลายเป็นจุดสนใจ หลังมีการกวาดล้างครั้งใหญ่ในภูมิภาค ทำให้มีผู้ถูกควบคุมตัวหลายพันคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังเกิดกรณีการหายตัวของนักแสดงจีน “ซิง ซิง” ที่ถูกหลอกไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมียนมา

สำหรับกัมพูชานั้น นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนวิจารณ์ว่า รัฐบาลกัมพูชายังทำได้ไม่ดีพอ โดยในเดือนมิถุนายน แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวหาว่าทางการกัมพูชา “จงใจเพิกเฉย” ต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับศูนย์สแกมเมอร์เหล่านี้

รายชื่อองค์กรและบุคคลที่ถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตร:

  • CHEN, Al Len (หรือ CHEN, Fuzhou) ชาวจีนสัญชาติกัมพูชา
  • DONG, Lecheng (หรือ HENG, Tong) ชาวจีนสัญชาติกัมพูชา
  • OO, Saw Min Min สัญชาติเมียนมา
  • SHE, Zhijiang (หรือ SHE, Dylan หรือ SHE, Lunkai หรือ SHE, Zhi Jiang หรือ TANG, Kriang Kai) ชาวจีนสัญชาติเมียนมาและกัมพูชา
  • SU, Liangsheng ชาวจีนสัญชาติกัมพูชา
  • WIN, Tin (หรือ WIN, Saw Tin) สัญชาติเมียนมา
  • XU, Aimin ชาวจีนสัญชาติกัมพูชา
  • บริษัท CHIT LINN MYAING MINING AND INDUSTRY COMPANY LIMITED จดทะเบียนในเมียนมา
  • บริษัท CHIT LINN MYAING TOYOTA COMPANY LIMITED จดทะเบียนในเมียนมา
  • บริษัท CHIT LINN MYING CO., LTD. จดทะเบียนในเมียนมา
  • บริษัท HENG HE BAVET PROPERTY CO LTD จดทะเบียนในกัมพูชา
  • บริษัท HH BANK CAMBODIA PLC จดทะเบียนในกัมพูชา
  • บริษัท K B HOTEL CO LTD จดทะเบียนในกัมพูชา
  • บริษัท K B X INVESTMENT CO LTD จดทะเบียนในกัมพูชา
  • บริษัท M D S HENG HE INVESTMENT CO LTD จดทะเบียนในกัมพูชา
  • บริษัท MYANMAR YATAI INTERNATIONAL HOLDING GROUP CO., LTD. จดทะเบียนในเมียนมา
  • บริษัท SHWE MYINT THAUNG YINN INDUSTRY AND MANUFACTURING COMPANY LIMITED จดทะเบียนในเมียนมา
  • บริษัท T C CAPITAL CO LTD จดทะเบียนในกัมพูชา
  • บริษัท YATAI INTERNATIONAL HOLDING GROUP LIMITED จดทะเบียนในฮ่องกงและไทย

การดำเนินการครั้งนี้ของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ และปกป้องพลเมืองจากการถูกหลอกลวง

ที่มา – สหรัฐฯ พุ่งเป้าทุบเครือข่ายสแกมเมอร์ในเมียนมา-กัมพูชา ต้นตอหลอกเงินคนอเมริกัน