สนามบิน

FAA เผยเที่ยวบินดีเลย์อื้อ เหตุขาดแคลนจนท.ควบคุมจราจรทางอากาศ

สถานการณ์เที่ยวบินดีเลย์อื้อ เหตุขาดแคลนจนท.ควบคุมจราจรทางอากาศ กำลังส่งผลกระทบต่อผู้โดยสารจำนวนมาก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา องค์การบริหารการบินแห่งชาติของสหรัฐฯ (FAA) ได้ออกมาเปิดเผยถึงสาเหตุสำคัญที่ทำให้เที่ยวบินจำนวนมากต้องล่าช้า นั่นก็คือปัญหาการขาดแคลนบุคลากรในส่วนควบคุมการจราจรทางอากาศ ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นจากผลกระทบของการชัตดาวน์ของรัฐบาลที่ยืดเยื้อ

FAA ระบุว่าปัญหาการขาดแคลนบุคลากรนี้ส่งผลกระทบต่อสนามบินหลายแห่ง โดยเฉพาะในเมืองใหญ่อย่างดัลลัส ชิคาโก แอตแลนตา และนวร์ก นอกจากนี้ ยังมีรายงานเกี่ยวกับการขาดแคลนบุคลากรในช่วงกะเย็น ซึ่งอาจส่งผลให้เที่ยวบินที่สนามบินในลาสเวกัสและฟีนิกซ์ต้องล่าช้าอีกด้วย

เว็บไซต์ติดตามเที่ยวบินอย่างไฟลท์อะแวร์ (FlightAware) รายงานว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีเที่ยวบินมากกว่า 5,800 เที่ยวบินที่ต้องล่าช้า อย่างไรก็ตาม ปัจจัยอื่นๆ เช่น สภาพอากาศ และการแข่งขันฟอร์มูล่าวันในเมืองออสติน ก็มีส่วนทำให้สถานการณ์แย่ลงด้วยเช่นกัน ข้อมูลจากไฟลท์อะแวร์ยังระบุว่า เที่ยวบินของสายการบินอเมริกันแอร์ไลน์ส และเซาท์เวสต์แอร์ไลน์ส มีอัตราการดีเลย์สูงถึง 20% ในวันดังกล่าว

เที่ยวบินดีเลย์อื้อ เหตุขาดแคลนจนท.ควบคุมจราจรทางอากาศ

สถานการณ์นี้มีต้นตอมาจากการที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางจำนวนมากต้องทำงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง โดยมีเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศประมาณ 13,000 คน และเจ้าหน้าที่สำนักงานความมั่นคงด้านการขนส่ง (TSA) อีกราว 50,000 คน ที่ยังคงต้องปฏิบัติหน้าที่ในช่วงที่รัฐบาลชัตดาวน์ การทำงานภายใต้ความกดดันและความไม่แน่นอนทางการเงิน ส่งผลให้เจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งตัดสินใจลาป่วยหรือขาดงาน ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อประสิทธิภาพในการทำงาน

ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา มีรายงานว่ามีเที่ยวบินล่าช้ากว่า 23,000 เที่ยวบินภายในหนึ่งสัปดาห์ ฌอน ดัฟฟี รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า 53% ของความล่าช้าของเที่ยวบินมีสาเหตุมาจากปัญหาการขาดแคลนบุคลากร ซึ่งสูงกว่าภาวะปกติที่อยู่ที่เพียง 5% อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีคมนาคมกล่าวว่า ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรได้คลี่คลายลงอย่างมากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

ปัญหาการควบคุมการจราจรทางอากาศกลายเป็นประเด็นสำคัญในการโต้เถียงทางการเมืองเกี่ยวกับการชัตดาวน์รัฐบาล พรรคการเมืองทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวโทษกันไปมา ขณะที่สหภาพแรงงานและสายการบินต่างๆ ต่างออกมาเรียกร้องให้ยุติภาวะชะงักงันนี้โดยเร็ว เนื่องจากส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน

ผลกระทบจากการเที่ยวบินดีเลย์อื้อ เหตุขาดแคลนจนท.ควบคุมจราจรทางอากาศ

ในปี 2562 ระหว่างการชัตดาวน์รัฐบาลเป็นเวลา 35 วัน การขาดงานของเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศและเจ้าหน้าที่ TSA เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากเนื่องจากไม่ได้รับค่าจ้าง ทำให้ผู้โดยสารต้องรอคิวนานขึ้นในสนามบินบางแห่ง ส่งผลให้ทางการต้องสั่งชะลอการจราจรทางอากาศในนครนิวยอร์กและกรุงวอชิงตัน ซึ่งเป็นการสร้างแรงกดดันต่อฝ่ายนิติบัญญัติให้ยุติความขัดแย้งโดยเร็ว เหตุการณ์ในครั้งนั้นเป็นบทเรียนสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงผลกระทบที่รุนแรงของการชัตดาวน์รัฐบาลต่อระบบขนส่งทางอากาศ

สถานการณ์เที่ยวบินดีเลย์อื้อ เหตุขาดแคลนจนท.ควบคุมจราจรทางอากาศนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการลงทุนในบุคลากรด้านการบินและการรักษาเสถียรภาพของระบบราชการ การแก้ไขปัญหาการขาดแคลนบุคลากรและการป้องกันการชัตดาวน์รัฐบาลในอนาคต เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการสร้างความมั่นใจว่าระบบขนส่งทางอากาศจะสามารถให้บริการได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ

ดังนั้น การแก้ไขปัญหาโครงสร้างและสวัสดิการเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศ จึงเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องให้ความสำคัญ เพื่อป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ในอนาคต

ที่มา – FAA เผยเที่ยวบินดีเลย์อื้อ เหตุขาดแคลนจนท.ควบคุมจราจรทางอากาศ เซ่นพิษชัตดาวน์ยืดเยื้อ

ยุโรปป่วน! **การเดินทางในยุโรปจ่อสะดุด** เหตุไซเบอร์

**การเดินทางในยุโรปจ่อสะดุดต่อเนื่องในวันนี้ หลังสนามบินใหญ่ถูกโจมตีทางไซเบอร์**

สถานการณ์การ**เดินทางในยุโรปจ่อสะดุด**ยังคงดำเนินต่อไปในวันนี้ (22 ก.ย.) เนื่องจากสนามบินหลายแห่งยังไม่สามารถกลับสู่สภาวะปกติ หลังจากการโจมตีทางไซเบอร์ครั้งใหญ่ส่งผลกระทบต่อระบบเช็คอินของสายการบินหลัก

สนามบินในกรุงเบอร์ลินของเยอรมนี, สนามบินในกรุงลอนดอนของอังกฤษ และสนามบินในกรุงบรัสเซลส์ของเบลเยียม กำลังเผชิญกับความล่าช้าอย่างต่อเนื่อง และมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ต่อไปอีก เนื่องจากการโจมตีทางไซเบอร์ทำให้พนักงานต้องหันมาใช้ระบบการจัดการด้วยมือ

สาเหตุหลักของปัญหาระบบล่มนี้มาจากการโจมตีซอฟต์แวร์ MUSE ของบริษัท คอลลินส์ แอโรสเปซ (Collins Aerospace) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการระบบแก่สายการบินต่างๆ ทั่วโลก เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นวันศุกร์ที่ผ่านมา (19 ก.ย.) แพลตฟอร์ม MUSE ถือเป็นหัวใจสำคัญของระบบเช็คอิน, การขึ้นเครื่อง และการจัดการสัมภาระ เมื่อระบบอัตโนมัติใช้งานไม่ได้ สนามบินจึงจำเป็นต้องพึ่งพาวิธีการแบบดั้งเดิม ซึ่งส่งผลให้การเคลื่อนที่ของผู้โดยสารเป็นไปอย่างล่าช้า

สนามบินเบอร์ลิน บรันเดนบูร์กรายงานว่ายังคงประสบปัญหาความล่าช้าอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สนามบินฮีทโธรว์แจ้งว่า แม้เที่ยวบินส่วนใหญ่จะยังคงให้บริการตามปกติ แต่แนะนำให้ผู้โดยสารตรวจสอบสถานะเที่ยวบินของตนก่อนเดินทางมาถึงสนามบิน นอกจากนี้ ยังแนะนำว่าผู้โดยสารไม่ควรเดินทางมาถึงสนามบินเร็วกว่า 3 ชั่วโมงสำหรับเที่ยวบินระยะไกล และ 2 ชั่วโมงสำหรับเที่ยวบินระยะสั้น

สนามบินบรัสเซลส์ได้ออกมาตรการที่เข้มงวดที่สุด โดยร้องขอให้สายการบินยกเลิกเที่ยวบินบางส่วนเพื่อลดภาระให้กับพนักงาน มีการยกเลิก 25 เที่ยวบินในวันเสาร์ (20 ก.ย.) และอีก 50 เที่ยวบินในวันอาทิตย์ ผู้บริหารสนามบินเตือนว่า การยกเลิกเที่ยวบินและความล่าช้าจะยังคงเกิดขึ้นต่อไป ตราบใดที่พนักงานยังคงต้องดำเนินการเช็คอินด้วยตนเอง

แม้ว่าความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในขณะนี้จะยังคงจำกัด เมื่อเทียบกับปริมาณการจราจรทางอากาศทั้งหมดในยุโรป แต่เหตุการณ์นี้ได้ตอกย้ำถึงความเปราะบางของสายการบินและสนามบิน เมื่อซัพพลายเออร์เทคโนโลยีที่สำคัญหยุดชะงัก คาดการณ์ว่าการฟื้นตัวจะไม่เป็นไปอย่างราบรื่น จนกว่าบริษัทคอลลินส์ แอโรสเปซ จะสามารถกู้คืนระบบได้อย่างสมบูรณ์

ภัยคุกคามทางไซเบอร์กับการ**เดินทางในยุโรปจ่อสะดุด**

ภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่มีต่อโครงสร้างพื้นฐานและการบินเพิ่มขึ้นอย่างมากในปีนี้ รายงานเมื่อเดือนมิถุนายนโดย Thales SA บริษัทด้านยุทโธปกรณ์ของฝรั่งเศส แสดงให้เห็นว่าการโจมตีด้วย Ransomware ในอุตสาหกรรมการบินเพิ่มขึ้นถึง 600% เมื่อเทียบเป็นรายปี มีเหตุการณ์หลายสิบครั้งที่ส่งผลกระทบต่อสายการบิน, สนามบิน, ระบบนำทาง และบริการต่างๆ ซึ่งสถานการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อ**การเดินทางในยุโรปจ่อสะดุด**

การโจมตีทางไซเบอร์ครั้งนี้เป็นสัญญาณเตือนภัยที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมการบิน แสดงให้เห็นว่าโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่สำคัญมีความเสี่ยงเพียงใด สนามบินและสายการบินจำเป็นต้องลงทุนในมาตรการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่แข็งแกร่ง เพื่อป้องกันการโจมตีในอนาคต และเพื่อให้มั่นใจว่าผู้โดยสารสามารถเดินทางได้อย่างปลอดภัยและตรงเวลา ท้ายที่สุดแล้ว ความปลอดภัยของข้อมูลและการดำเนินงานควรเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด

ที่มา – การเดินทางในยุโรปจ่อสะดุดต่อเนื่องในวันนี้ หลังสนามบินใหญ่ถูกโจมตีทางไซเบอร์

สนามบินยุโรปสะดุด! หลังถูกโจมตีทางไซเบอร์

จากเหตุการณ์สนามบินใหญ่ในยุโรปยังสะดุด หลังถูกโจมตีทางไซเบอร์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (20 ส.ค.) ซึ่งมุ่งเป้าไปที่ระบบเช็คอินและขึ้นเครื่อง ทำให้เที่ยวบินจำนวนมากต้องล่าช้าและถูกยกเลิก สถานการณ์ปัจจุบันยังไม่กลับสู่สภาวะปกติ และการสอบสวนหาสาเหตุยังคงดำเนินต่อไป

การโจมตีทางไซเบอร์ครั้งนี้พุ่งเป้าไปยังซอฟต์แวร์ MUSE ของบริษัท คอลลินส์ แอโรสเปซ (Collins Aerospace) ผู้ให้บริการระบบแก่สายการบินต่างๆ ทั่วโลก

อาร์ทีเอ็กซ์ (RTX) บริษัทแม่ของคอลลินส์ แอโรสเปซ ยืนยันว่ารับทราบถึงเหตุขัดข้องทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้นกับซอฟต์แวร์ในสนามบินบางแห่ง แต่ไม่ได้ระบุชื่อสนามบินที่ได้รับผลกระทบ

อาร์ทีเอ็กซ์กล่าวในแถลงการณ์ว่า ผลกระทบจำกัดอยู่แค่การเช็คอินและโหลดสัมภาระผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยการเช็คอินแบบแมนนวล และบริษัทกำลังเร่งแก้ไขปัญหาโดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการเปิดเผยว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้

รายงานข่าวระบุว่า สนามบินที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สนามบินใหญ่ในยุโรปยังสะดุด ได้แก่ สนามบินฮีทโธรว์ในกรุงลอนดอน สนามบินบรัสเซลส์ในเบลเยียม สนามบินเบอร์ลินในเยอรมนี รวมถึงสนามบินดับลินและสนามบินคอร์กในไอร์แลนด์

สนามบินบรัสเซลส์ประกาศว่าได้ขอให้สายการบินต่างๆ ยกเลิกเที่ยวบินขาออกประมาณครึ่งหนึ่งในวันนี้ (21 ก.ย.) เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการรอคิวยาวและการยกเลิกเที่ยวบินในภายหลัง ซึ่งเป็นสัญญาณว่าสถานการณ์ยังไม่กลับสู่ปกติ

โฆษกของคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อบ่งชี้ถึง “การโจมตีที่รุนแรงหรือกินวงกว้าง” และกำลังเร่งสืบสวนต้นตอของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ในช่วงหลัง การโจมตีทางไซเบอร์ต่อหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก ส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วน เช่น สาธารณสุข กลาโหม ยานยนต์ การค้าปลีก และสายการบิน

สนามบินใหญ่ในยุโรปยังสะดุด

ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์สนามบินใหญ่ในยุโรปยังสะดุด ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ความล่าช้าในการเดินทางเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้โดยสาร และอาจทำให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจเนื่องจากการยกเลิกเที่ยวบินและการหยุดชะงักของการขนส่งสินค้าทางอากาศ

ผลกระทบต่อผู้โดยสารและสายการบิน

  • ความล่าช้าของเที่ยวบิน: ผู้โดยสารจำนวนมากต้องเผชิญกับความล่าช้าในการเดินทาง ทำให้พลาดการเชื่อมต่อเที่ยวบิน หรือเสียเวลาอันมีค่าในการทำธุรกิจและการพักผ่อน
  • การยกเลิกเที่ยวบิน: สายการบินบางแห่งจำเป็นต้องยกเลิกเที่ยวบินเพื่อลดความแออัดในสนามบิน ซึ่งสร้างความไม่สะดวกและค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมให้กับผู้โดยสาร
  • ความเสียหายต่อชื่อเสียง: เหตุการณ์นี้อาจส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของสนามบินและสายการบิน ทำให้ผู้โดยสารบางส่วนลังเลที่จะใช้บริการในอนาคต

การรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ในอนาคต

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสนามบินใหญ่ในยุโรปยังสะดุด เป็นเครื่องเตือนใจว่าภัยคุกคามทางไซเบอร์มีความรุนแรงและซับซ้อนมากขึ้น องค์กรต่างๆ จำเป็นต้องลงทุนในระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ทันสมัย เพื่อป้องกันการโจมตีและลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ การฝึกอบรมพนักงานให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์ก็เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สามารถระบุและตอบสนองต่อภัยคุกคามได้อย่างทันท่วงที

การที่สนามบินและสายการบินต่างๆ ประสบปัญหาจาก Cyber Attack แสดงให้เห็นว่าทุกภาคส่วนต้องให้ความสำคัญกับการป้องกันและรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์อย่างจริงจัง เพื่อลดความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

ที่มา – สนามบินใหญ่ในยุโรปยังสะดุด หลังถูกโจมตีทางไซเบอร์เมื่อวานนี้

สนามบินยุโรปปั่นป่วน! ไซเบอร์โจมตีระบบเช็กอิน

สนามบินใหญ่ในยุโรปปั่นป่วน หลังไซเบอร์โจมตีระบบเช็กอิน ทำเที่ยวบินสะดุด

การโจมตีทางไซเบอร์ครั้งใหญ่ส่งผลกระทบต่อระบบเช็กอินและขึ้นเครื่องของหลายสนามบินสำคัญในยุโรป ทำให้ สนามบินใหญ่ในยุโรปปั่นป่วน หลังไซเบอร์โจมตีระบบเช็กอิน ทำเที่ยวบินสะดุด เกิดความโกลาหลและความล่าช้าไปทั่ว

สนามบินที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ สนามบินฮีทโธรว์ในลอนดอน สนามบินบรัสเซลส์ และสนามบินเบอร์ลิน เหตุการณ์นี้ส่งผลให้เที่ยวบินจำนวนมากต้องดีเลย์หรือถูกยกเลิก สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้โดยสารเป็นจำนวนมากที่กำลังเดินทาง

ทางสนามบินฮีทโธรว์ได้ออกแถลงการณ์ว่า ความล่าช้าที่เกิดขึ้นมีสาเหตุมาจากปัญหาทางเทคนิคที่เกิดจากผู้ให้บริการภายนอก ซึ่งกำลังเร่งแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ ในขณะที่สนามบินเบอร์ลินได้ประกาศผ่านเว็บไซต์ว่า ปัญหาจากผู้ให้บริการระบบที่ดูแลทั่วยุโรปส่งผลให้ขั้นตอนการเช็กอินต้องใช้เวลานานกว่าปกติ และกำลังเร่งหาทางแก้ไขโดยด่วน

ด้านสนามบินบรัสเซลส์เปิดเผยว่า การโจมตีทางไซเบอร์ทำให้ระบบอัตโนมัติไม่สามารถใช้งานได้ ทำให้จำเป็นต้องดำเนินการเช็กอินและขึ้นเครื่องด้วยระบบแมนนวล ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อตารางการบิน และทำให้เที่ยวบินหลายเที่ยวต้องล่าช้าหรือถูกยกเลิก ผู้ให้บริการกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อกู้คืนระบบให้กลับมาใช้งานได้โดยเร็วที่สุด

คำแนะนำสำหรับผู้โดยสาร

สำหรับผู้โดยสารที่มีตารางการเดินทางในวันนี้ (20 ก.ย.) ขอแนะนำให้ตรวจสอบและยืนยันสถานะเที่ยวบินกับสายการบินของท่านก่อนที่จะเดินทางไปยังสนามบิน เพื่อหลีกเลี่ยงความไม่สะดวกที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ ควรเผื่อเวลาในการเดินทางมาถึงสนามบินมากกว่าปกติ เนื่องจากกระบวนการเช็กอินอาจใช้เวลานานกว่าที่คาดไว้

โฆษกสนามบินแฟรงก์เฟิร์ตของเยอรมนีได้ยืนยันว่า ทางสนามบินยังไม่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีทางไซเบอร์ในครั้งนี้ แต่ยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

เหตุการณ์ สนามบินใหญ่ในยุโรปปั่นป่วน หลังไซเบอร์โจมตีระบบเช็กอิน ทำเที่ยวบินสะดุด ครั้งนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์สำหรับโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เช่น สนามบิน การลงทุนในมาตรการป้องกันและการกู้คืนระบบเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อลดผลกระทบจากการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

ความปลอดภัยทางไซเบอร์ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่ยังรวมถึงการฝึกอบรมบุคลากรและการสร้างความตระหนักให้กับผู้ใช้งานทุกคน การเตรียมความพร้อมและการตอบสนองต่อเหตุการณ์อย่างรวดเร็วเป็นกุญแจสำคัญในการลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการโจมตีทางไซเบอร์

สถานการณ์ สนามบินใหญ่ในยุโรปปั่นป่วน หลังไซเบอร์โจมตีระบบเช็กอิน ทำเที่ยวบินสะดุด เป็นเครื่องเตือนใจว่าภัยคุกคามทางไซเบอร์สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และการเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม

ที่มา – สนามบินใหญ่ในยุโรปปั่นป่วน หลังไซเบอร์โจมตีระบบเช็กอิน ทำเที่ยวบินสะดุด

รวบหนุ่มเกาหลี ฟอกคริปโตเป็นทอง 1,650 ล้าน!

ตำรวจไซเบอร์รวบหนุ่มเกาหลีใต้ มือฟอกคริปโตรายใหญ่ แปลงเป็นทองคำแท่ง มูลค่ากว่า 1,650 ล้านบาท! ปฏิบัติการครั้งนี้เกิดขึ้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ หลังพบความเชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์

รวบหนุ่มเกาหลี เปิดประวัติมือฟอกคริปโต แปลงเป็นทอง แค่ 3 เดือนรับโอน 1,650 ล้าน

พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท. สั่งการให้ พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.2 บก.ปอท. นำกำลังจับกุม MR. HAN อายุ 33 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, นำเข้าข้อมูลเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์, ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันเป็นอั้งยี่ ได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ

คดีนี้เริ่มต้นจากผู้เสียหายที่ต้องการหารายได้พิเศษจากการทำงานออนไลน์ กดไลค์ เพิ่มยอดติดตาม แต่กลับถูกชักชวนให้ลงทุน โดยอ้างผลตอบแทนสูงถึง 30-50% ในช่วงแรกได้ผลตอบแทนจริง แต่ภายหลังไม่สามารถถอนเงินออกจากระบบได้ ทำให้รู้ตัวว่าถูกหลอกและเข้าแจ้งความ

จากการสืบสวนขยายผล ทำให้สามารถจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องได้ 10 ราย ทั้งผู้ทำหน้าที่ฟอกเงิน และเจ้าของบัญชีม้า

การจับกุม หนุ่มเกาหลี ผู้ต้องหา ฟอกคริปโต 1,650 ล้าน

กก.2 บก.ปอท. ร่วมกับ บก.ตม. สืบทราบว่า MR. HAN จะเดินทางเข้าประเทศไทย จึงวางแผนจับกุมขณะผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง พร้อมยึดของกลางเป็นโทรศัพท์มือถือ ซึ่งมีข้อมูลบัญชีคริปโตจำนวนมาก ที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน

ถึงแม้ผู้ต้องหาจะให้การปฏิเสธ แต่ยอมรับว่าเคยศึกษาที่ประเทศจีน 6 ปี และทำงานในบริษัทที่เกาหลีใต้ ซึ่งรับฟอกเงินดิจิทัลสกุลต่างๆ เป็นทองคำแท่ง ให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยทำหน้าที่เปิดบัญชีคริปโต เพื่อรับเงินจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จากนั้นบริษัทจะจัดหาซื้อทองคำแท่งจากต่างประเทศ และส่งกลับไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์

จากการตรวจสอบพบว่า การฟอกคริปโตเป็นทองคำแท่งแต่ละครั้ง มีน้ำหนักทองไม่ต่ำกว่า 10 กิโลกรัม (ประมาณ 33 ล้านบาท) และในระยะเวลาเพียง 3 เดือน (มกราคม-มีนาคม 2567) บัญชีคริปโตของผู้ต้องหารายนี้ มีการรับเงินดิจิทัลสกุลต่างๆ มูลค่าประมาณ 1,650 ล้านบาท! ซึ่งเชื่อว่าเป็นเงินที่ถูกนำไปฟอกเป็นทองคำแท่งให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์

หลังจากนี้ ผู้ต้องหาจะถูกนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

คดีนี้เป็นอุทาหรณ์ให้เห็นถึงกลโกงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่มีการพัฒนาวิธีการหลอกลวงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการใช้คริปโตเคอร์เรนซีในการฟอกเงิน ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก การตระหนักรู้ถึงกลโกงเหล่านี้ และการตรวจสอบข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

ที่มา – รวบหนุ่มเกาหลี เปิดประวัติมือฟอกคริปโต แปลงเป็นทอง แค่ 3 เดือนรับโอน 1,650 ล้าน