ลิซา คุก

ทรัมป์อุทธรณ์! ปมผู้พิพากษาระงับปลด “ลิซา คุก”

การต่อสู้ทางกฎหมายยังไม่จบ! ฝ่ายบริหารของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ยื่นอุทธรณ์คำตัดสินของผู้พิพากษาเจีย ค็อบบ์ แห่งศาลแขวงในวอชิงตัน ที่สั่งระงับคำสั่งปลด ลิซา คุก พ้นจากตำแหน่งสมาชิกคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ความพยายามนี้มีเป้าหมายเพื่อขัดขวางไม่ให้ ลิซา คุก เข้าร่วมการประชุมกำหนดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในสัปดาห์หน้า

กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ ได้ยื่นอุทธรณ์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (10 ก.ย.) เพียงหนึ่งวันหลังจากที่ผู้พิพากษาค็อบบ์มีคำวินิจฉัยให้ระงับคำสั่งดังกล่าวของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ และอนุมัติคำร้องของ คุก ที่ต้องการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป คำตัดสินนี้เปิดทางให้เธอสามารถเข้าร่วมการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 16-17 ก.ย. เพื่อลงคะแนนเสียงว่าเธอเห็นสมควรให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้หรือไม่ ซึ่งถือเป็นชัยชนะเบื้องต้นสำหรับ คุก

เรื่องราวเริ่มต้นเมื่ออดีตประธานาธิบดีทรัมป์สั่งปลด คุก ออกจากตำแหน่ง หลังจากที่ บิล พูลที ผู้อำนวยการสำนักงานการเงินเพื่อการเคหะของรัฐบาลสหรัฐ (FHFA) เปิดเผยว่า คุก ได้กู้เงินจาก FHFA เพื่อซื้อบ้านในรัฐมิชิแกน โดยระบุว่าเป็นที่อยู่อาศัยหลัก แต่ต่อมา คุก ได้กู้เงินอีกครั้งเพื่อซื้อคอนโดมิเนียมในแอตแลนตา และแจ้งว่าเป็นที่อยู่อาศัยหลักเช่นกัน พูลทีระบุว่า คุก ให้ข้อมูลเท็จเพื่อแสวงหาประโยชน์จากสิทธิพิเศษจากอัตราดอกเบี้ยที่ FHFA มอบให้สำหรับที่อยู่อาศัยหลักเพียงแห่งเดียวเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ผู้พิพากษาค็อบบ์มีคำวินิจฉัยว่า การประพฤติมิชอบเกี่ยวกับการจำนองตามที่ถูกกล่าวหานั้น ไม่น่าจะเป็นเหตุอันควรในการปลดเธอออกจากตำแหน่งได้ภายใต้กฎหมาย Federal Reserve Act และวิธีการที่เธอถูกปลดออกจากตำแหน่งนั้นน่าจะเป็นการละเมิดสิทธิของเธอในกระบวนการยุติธรรมอันชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ

คดีความดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะยืดเยื้อต่อไปจนถึงศาลสูงสุดของสหรัฐฯ นี่เป็นประเด็นที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะเกี่ยวข้องกับอำนาจของประธานาธิบดีในการแต่งตั้งและถอดถอนเจ้าหน้าที่ รวมถึงความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)

ทรัมป์อุทธรณ์คำสั่งระงับปลด “ลิซา คุก” พ้นผู้ว่าเฟด

การอุทธรณ์ครั้งนี้ถือเป็นความพยายามครั้งล่าสุดของฝ่ายบริหารของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ในการควบคุมเฟด ซึ่งเป็นสถาบันที่มีอำนาจในการกำหนดนโยบายการเงินของประเทศ บทบาทของเฟดมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และทั่วโลก การต่อสู้ทางกฎหมายเกี่ยวกับตำแหน่งของ ลิซา คุก จึงไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ

เกิดอะไรขึ้นกับการอุทธรณ์คำสั่งปลด “ลิซา คุก”?

ผลของการอุทธรณ์ครั้งนี้ยังไม่แน่นอน แต่มีความเป็นไปได้หลายทาง หากศาลอุทธรณ์ยืนตามคำตัดสินของผู้พิพากษาค็อบบ์ ลิซา คุก ก็จะสามารถปฏิบัติหน้าที่ในเฟดต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม หากศาลอุทธรณ์กลับคำตัดสิน เรื่องนี้ก็อาจถูกส่งต่อไปยังศาลสูงสุด ซึ่งอาจมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่ออนาคตของเฟดและความเป็นอิสระของสถาบัน

  • การตัดสินใจของศาลจะมีผลต่อความเป็นอิสระของเฟด
  • อนาคตของ ลิซา คุก ในฐานะผู้ว่าการเฟด
  • ผลกระทบต่อตลาดการเงิน

การติดตามความคืบหน้าของคดีนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุน ผู้กำหนดนโยบาย และประชาชนทั่วไป

สถานการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนในการเมืองและการบริหารประเทศ การแต่งตั้งและถอดถอนเจ้าหน้าที่ระดับสูงมักเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางความคิดและผลประโยชน์ การต่อสู้ทางกฎหมายเช่นนี้จึงเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจในระบอบประชาธิปไตย การติดตามข่าวสารและทำความเข้าใจบริบทของเหตุการณ์เหล่านี้จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพลเมืองที่ต้องการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจที่สำคัญของประเทศ

ที่มา – รัฐบาลทรัมป์ยื่นอุทธรณ์ หลังผู้พิพากษาระงับคำสั่งปลด “ลิซา คุก” พ้นผู้ว่าเฟด

ศาลสั่งระงับ! ปลด “ลิซา คุก” พ้นผู้ว่าเฟด

เจีย ค็อบบ์ ผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐฯ ในวอชิงตัน มีคำตัดสินให้ระงับคำสั่งของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะถอดถอนลิซา คุก ออกจากตำแหน่งสมาชิกคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คำสั่งนี้เปิดทางให้ลิซา คุกสามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ในขณะที่เธอกำลังต่อสู้ทางกฎหมายเพื่อขัดขวางความพยายามของทรัมป์ที่สั่งปลดเธอในข้อกล่าวหาฉ้อโกง

ผู้พิพากษาระงับคำสั่ง “ทรัมป์” ปลด “ลิซา คุก” พ้นผู้ว่าเฟด

ผู้พิพากษาค็อบบ์ได้อนุมัติคำร้องของลิซา คุก ที่ต้องการปฏิบัติหน้าที่ต่อไปในตอนนี้ ซึ่งคำตัดสินนี้หมายความว่าเธอจะสามารถเข้าร่วมการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 16-17 ก.ย. เพื่อลงคะแนนเสียงว่าเธอเห็นสมควรที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้หรือไม่ และถือเป็นชัยชนะเบื้องต้นสำหรับคุก

เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อทรัมป์ได้สั่งปลดลิซา คุกออกจากตำแหน่ง หลังจากบิล พูลที ผู้อำนวยการสำนักงานการเงินเพื่อการเคหะของรัฐบาลสหรัฐ (FHFA) เปิดเผยว่า คุกได้กู้เงินจาก FHFA เพื่อซื้อบ้านในรัฐมิชิแกน โดยระบุว่าเป็นที่อยู่อาศัยหลัก แต่ต่อมาคุกได้กู้เงินอีกครั้งหนึ่งเพื่อซื้อคอนโดมิเนียมในแอตแลนตา และแจ้งว่าเป็นที่อยู่อาศัยหลักเช่นกัน ซึ่งพูลทีระบุว่า คุกให้ข้อมูลเท็จเพื่อแสวงหาประโยชน์จากสิทธิพิเศษจากอัตราดอกเบี้ยที่ FHFA มอบให้สำหรับที่อยู่อาศัยหลักเพียงแห่งเดียวเท่านั้น

อย่างไรก็ดี ผู้พิพากษาค็อบบ์มีคำวินิจฉัยว่า การประพฤติมิชอบเกี่ยวกับการจำนองตามที่ถูกกล่าวหานั้น ไม่น่าจะเป็นเหตุอันควรในการปลดเธอออกจากตำแหน่งได้ภายใต้กฎหมาย Federal Reserve Act และวิธีที่เธอถูกปลดออกจากตำแหน่งนั้นน่าจะเป็นการละเมิดสิทธิของเธอในกระบวนการยุติธรรมอันชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ

แอ็บบี โลเวลล์ ทนายความของคุก กล่าวในแถลงการณ์ว่า คำตัดสินของผู้พิพากษาค็อบบ์ถือเป็นการยืนยันว่า เฟดควรมีความเป็นอิสระจากการถูกแทรกแซงทางการเมือง

“การปล่อยให้ประธานาธิบดีถอดถอนผู้ว่าการคุกอย่างไม่ชอบด้วยกฎหมาย ด้วยข้อกล่าวหาที่ไม่มีหลักฐานและคลุมเครือ จะเป็นอันตรายต่อเสถียรภาพของระบบการเงินและบ่อนทำลายหลักนิติธรรมของเรา” โลเวลล์กล่าว

โฆษกเฟดได้ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นในเรื่องนี้ ขณะที่กระทรวงยุติธรรมระบุว่า ทางกระทรวงจะไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคดีความที่กำลังดำเนินอยู่หรือที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงเรื่องที่อาจอยู่ระหว่างการสอบสวน

อย่างไรก็ดี มีการคาดการณ์ว่ากระทรวงยุติธรรมจะยื่นอุทธรณ์คำตัดสินของผู้พิพากษาค็อบบ์ในไม่ช้านี้ และท้ายที่สุดศาลสูงสุดของสหรัฐฯ อาจเป็นผู้ตัดสินขั้นสุดท้าย

เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อ “ลิซา คุก” และเฟดอย่างไร?

คำสั่งระงับการปลด “ลิซา คุก” พ้นผู้ว่าเฟดนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นการรักษาสถานะของเธอในคณะกรรมการเฟด และเป็นการยืนยันถึงความเป็นอิสระของเฟดจากการแทรกแซงทางการเมือง ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากต่อความน่าเชื่อถือของระบบการเงิน

การที่ศาลตัดสินให้ระงับคำสั่งปลดลิซา คุก นั้นแสดงให้เห็นว่ากระบวนการทางกฎหมายยังคงมีความศักดิ์สิทธิ์และสามารถตรวจสอบการใช้อำนาจของฝ่ายบริหารได้ แม้ว่ากระทรวงยุติธรรมอาจยื่นอุทธรณ์ แต่คำตัดสินนี้ก็เป็นชัยชนะเบื้องต้นที่สำคัญสำหรับลิซา คุก และสำหรับหลักการความเป็นอิสระของธนาคารกลาง

ในขณะที่อนาคตของคดีนี้ยังไม่แน่นอน สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นเครื่องเตือนใจว่าความเป็นอิสระของธนาคารกลางเป็นสิ่งสำคัญและต้องได้รับการปกป้อง

ที่มา – ผู้พิพากษาระงับคำสั่ง “ทรัมป์” ปลด “ลิซา คุก” พ้นผู้ว่าเฟด เปิดทางทำหน้าที่ต่อตามคำร้อง

“ลิซา คุก” กร้าว “ทรัมป์” ไม่มีสิทธิปลดกรรมการเฟด

ลิซา คุก สมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้ออกมาเคลื่อนไหวหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้โพสต์ข้อความบนทรูธ โซเชียล ในวันจันทร์ (25 ส.ค.) ว่า เขาได้สั่งปลดคุกออกจากตำแหน่งแล้ว โดยมีผลในทันที ซึ่งถือเป็นการดำเนินการที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และสะท้อนให้เห็นว่าปธน.ทรัมป์กำลังยกระดับการโจมตีความเป็นอิสระของเฟด หลังจากที่เฟดปฏิเสธที่จะลดอัตราดอกเบี้ยตามความต้องการของเขา

“ประชาชนชาวอเมริกันต้องสามารถเชื่อมั่นได้อย่างเต็มที่เกี่ยวกับความซื่อสัตย์ของสมาชิกที่ได้รับมอบหมายให้กำหนดนโยบายและกำกับดูแลธนาคารกลางสหรัฐฯ” ปธน.ทรัมป์ระบุในจดหมายที่เขาโพสต์ลงบนทรูธโซเชียล และเสริมว่า “เมื่อพิจารณาถึงพฤติกรรมที่หลอกลวงและอาจเป็นอาชญากรรมของคุณในเรื่องการเงินแล้ว ชาวอเมริกันและตัวผมเองไม่สามารถเชื่อมั่นในความซื่อสัตย์ของคุณได้”

คุกได้ออกแถลงการณ์หลังจากนั้นไม่นานว่า “ปธน.ทรัมป์อ้างว่าได้ปลดดิฉัน ‘เพราะมีเหตุผล’ ทั้งที่ไม่มีเหตุอันควรตามกฎหมาย และท่านไม่มีอำนาจที่จะทำเช่นนั้น … ดิฉันจะไม่ลาออก ดิฉันจะทำหน้าที่ต่อไปเพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจอเมริกันอย่างที่ได้ทำมาตั้งแต่ปี 2565”

คุก ซึ่งเป็นสตรีผิวสีคนแรกที่ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการเฟดและได้รับการแต่งตั้งโดยอดีตปธน.โจ ไบเดน ได้ว่าจ้าง แอบบี โลเวลล์ ทนายความชื่อดังมาเป็นตัวแทนในการต่อสู้กับเรื่องนี้ โดยนับจนถึงขณะนี้เธอยังไม่ถูกตั้งข้อหาใด ๆ ในคดีอาญา

โลเวลล์กล่าวในแถลงการณ์ว่า “ปธน.ทรัมป์ใช้โซเชียลมีเดียเพื่อ ‘ไล่เจ้าหน้าที่ออกผ่านการทวีตข้อความ’ อีกครั้ง และอีกครั้งที่ปฏิกิริยาการข่มขู่ของท่านมีข้อบกพร่อง และข้อเรียกร้องของท่านขาดกระบวนการที่เหมาะสม พื้นฐาน หรืออำนาจทางกฎหมาย … เราจะดำเนินการทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อป้องกันการกระทำผิดกฎหมายที่ท่านพยายามจะทำ”

ทั้งนี้ สภาคองเกรสได้จำกัดอำนาจของประธานาธิบดีในการสั่งปลดผู้ว่าการเฟดเพียงฝ่ายเดียว โดยกฎหมาย Federal Reserve Act ค.ศ. 1913 ระบุว่าประธานาธิบดีสามารถทำการดังกล่าวได้ก็ต่อเมื่อ “มีเหตุอันควร” เท่านั้น แม้ว่ากฎหมายจะไม่ได้ให้รายละเอียดว่า “เหตุอันควร” คืออะไร แต่โดยปกติแล้วจะหมายถึงการประพฤติมิชอบหรือการละเลยการปฏิบัติหน้าที่

การที่ปธน.ทรัมป์ปลดคุกนั้น อาจเผชิญกับความท้าทายในศาลรัฐบาลกลาง และศาลสูงสุดอาจตัดสินในท้ายที่สุดว่าการปลดเธอออกจากตำแหน่งนั้นถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ หากศาลยืนยันการปลดดังกล่าว ปธน.ทรัมป์จะสามารถแต่งตั้งผู้ว่าการเฟดที่เขาเลือกได้และสร้างเสียงข้างมากในคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด ซึ่งโดยปกติแล้วผู้ว่าการเฟดจะมีวาระการทำหน้าที่ 14 ปี

“ลิซา คุก” กร้าว “ทรัมป์” ไม่มีสิทธิปลดกรรมการเฟด

ทำไมเรื่อง “ลิซา คุก” กร้าว “ทรัมป์” ไม่มีสิทธิปลดกรรมการเฟด ถึงเป็นประเด็นสำคัญ

ประเด็นเรื่องที่ “ลิซา คุก” กร้าว “ทรัมป์” ไม่มีสิทธิปลดกรรมการเฟดกำลังเป็นที่จับตามองอย่างใกล้ชิดจากนักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย เนื่องจากอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และความน่าเชื่อถือของระบบการเงินของประเทศ หากประธานาธิบดีสามารถปลดผู้ว่าการเฟดได้ตามอำเภอใจ อาจนำไปสู่การแทรกแซงทางการเมืองในการดำเนินนโยบายการเงิน ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจในระยะยาว

สถานการณ์นี้ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของหลักการแบ่งแยกอำนาจและการตรวจสอบและถ่วงดุลในระบบการปกครองของสหรัฐฯ การที่สภาคองเกรสจำกัดอำนาจของประธานาธิบดีในการปลดผู้ว่าการเฟด แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะรักษาสถาบันที่มีความสำคัญต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจให้เป็นอิสระจากอิทธิพลทางการเมือง

การต่อสู้ทางกฎหมายของลิซา คุกกับอดีตประธานาธิบดีทรัมป์จึงไม่ได้เป็นเพียงเรื่องส่วนตัว แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหลักการพื้นฐานของการปกครองและความเป็นอิสระของสถาบันที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ ผู้คนทั่วโลกกำลังเฝ้าดูอย่างใกล้ชิดเพื่อดูว่าศาลจะตัดสินใจอย่างไร และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับระบบการเงินโลก

การที่ “ลิซา คุก” กร้าว “ทรัมป์” ไม่มีสิทธิปลดกรรมการเฟด กลายเป็นประเด็นร้อนแรงที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

ที่มา – “ลิซา คุก” กร้าว “ทรัมป์” ไม่มีสิทธิปลดกรรมการเฟด เดินหน้าจ้างทนายต่อสู้

ทรัมป์ปลด ลิซา คุก พ้นเฟด ฐานฉ้อโกง

ทรัมป์ปลด ลิซา คุก พ้นกรรมการเฟด ฐานฉ้อโกงกู้เงินซื้อบ้าน กลายเป็นข่าวใหญ่ที่สะเทือนวงการการเงินของสหรัฐฯ เมื่ออดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้สั่งปลด ลิซา คุก ออกจากตำแหน่งกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อย่างกะทันหัน โดยให้เหตุผลเรื่องความซื่อสัตย์และความน่าเชื่อถือ

ปธน.ทรัมป์ ได้กล่าวถึงเหตุผลในการตัดสินใจครั้งนี้ว่า “ประชาชนชาวอเมริกันต้องสามารถเชื่อมั่นได้อย่างเต็มที่เกี่ยวกับความซื่อสัตย์ของสมาชิกที่ได้รับมอบหมายให้กำหนดนโยบายและกำกับดูแลธนาคารกลางสหรัฐฯ” เขายังเสริมอีกว่า “เมื่อพิจารณาถึงพฤติกรรมที่หลอกลวงและอาจเป็นอาชญากรรมของคุณในเรื่องการเงินแล้ว ชาวอเมริกันและตัวผมเองไม่สามารถเชื่อมั่นในความซื่อสัตย์ของคุณได้” ข้อความเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความกังวลอย่างมากของทรัมป์ต่อความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือของเฟด

ทรัมป์ปลด “ลิซา คุก” พ้นกรรมการเฟด มีผลทันที ฐานฉ้อโกงกู้เงินซื้อบ้าน

การปลด ลิซา คุก เกิดขึ้นหลังจากที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ประกาศว่าจะทำการสอบสวนเธอ สืบเนื่องจากการที่ บิล พูลที ผู้อำนวยการสำนักงานการเงินเพื่อการเคหะของรัฐบาลสหรัฐ (FHFA) ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า คุกได้ทำการกู้เงินจาก FHFA เพื่อซื้อบ้านในรัฐมิชิแกน โดยระบุว่าเป็นที่อยู่อาศัยหลัก แต่ต่อมาเธอกลับไปกู้เงินอีกครั้งเพื่อซื้อคอนโดมิเนียมในแอตแลนตา และแจ้งว่าเป็นที่อยู่อาศัยหลักเช่นกัน

พูลที กล่าวหาว่า คุก ได้ให้ข้อมูลที่เป็นเท็จเพื่อหวังที่จะได้รับสิทธิพิเศษจากอัตราดอกเบี้ยที่ FHFA มอบให้สำหรับที่อยู่อาศัยหลักเพียงแห่งเดียวเท่านั้น ซึ่งถือเป็นการกระทำที่เข้าข่ายการฉ้อโกง

ข้อกล่าวหาเรื่องการฉ้อโกงส่งผลให้ ทรัมป์ปลด ลิซา คุก

เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดคำถามมากมายเกี่ยวกับจริยธรรมและความโปร่งใสของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล การที่รัฐบาลทรัมป์ตัดสินใจดำเนินการอย่างรวดเร็วเช่นนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะรักษาความน่าเชื่อถือของการดำเนินงานของรัฐบาล แม้ว่าการตัดสินใจนี้อาจจะถูกมองว่าเป็นการกระทำทางการเมืองก็ตาม

ก่อนหน้านี้ แพม บอนดี รัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐฯ ได้รับการเรียกร้องจากผู้อำนวยการ FHFA ให้ทำการสอบสวนเรื่องนี้ในเบื้องต้น ซึ่งนำไปสู่การที่ คุก ออกมาเปิดเผยเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม ว่าเธอจะไม่ยอมถูกกดดันให้ลาออกจากตำแหน่งจากคำถามที่เกิดขึ้นในทวีตเดียว เธอยังกล่าวด้วยว่า “ดิฉันตั้งใจที่จะนำคำถามต่าง ๆ มาพิจารณาเกี่ยวกับประวัติทางการเงินของดิฉันอย่างจริงจังในฐานะสมาชิกเฟด และดิฉันกำลังรวบรวมข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อตอบคำถามที่ชอบด้วยกฎหมายและให้ข้อเท็จจริง”

การที่ ทรัมป์ปลด ลิซา คุก พ้นกรรมการเฟด ฐานฉ้อโกงกู้เงินซื้อบ้าน เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะไม่ยอมให้มีการประพฤติมิชอบเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหน่วยงานที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศเช่นธนาคารกลาง การตัดสินใจครั้งนี้อาจจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในนโยบายและแนวทางการกำกับดูแลของเฟดในอนาคต

เหตุการณ์นี้ยังเป็นเครื่องเตือนใจให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกคนว่า พวกเขาต้องมีความซื่อสัตย์และโปร่งใสในการดำเนินงานทุกขั้นตอน เพื่อรักษาความเชื่อมั่นของประชาชนและการทำงานของรัฐบาลให้เป็นไปอย่างราบรื่น

ที่มา – “ทรัมป์” ปลด “ลิซา คุก” พ้นกรรมการเฟด มีผลทันที ฐานฉ้อโกงกู้เงินซื้อบ้าน

“ลิซา คุก” เมินทรัมป์ ยันไม่ลาออกกรรมการเฟด

ลิซา คุก สมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า เธอมีความตั้งใจที่จะอยู่ในตำแหน่งต่อไป โดยไม่ทำตามข้อเรียกร้องของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการให้เธอลาออก ด้วยข้อกล่าวหาว่าเธอกระทำการฉ้อโกงด้วยการให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับการกู้เงินเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย

กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในแวดวงการเมืองและเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เมื่ออดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาเรียกร้องให้ ลิซา คุก ลาออกจากตำแหน่งกรรมการเฟด เรื่องราวความขัดแย้งนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร และอนาคตของลิซา คุกจะเป็นเช่นไร เราจะมาเจาะลึกรายละเอียดในบทความนี้กัน

คุกได้แถลงผ่านทางอีเมลที่ส่งผ่านโฆษกของเฟดว่า “ดิฉันจะไม่ยอมให้ตัวเองถูกรังแกให้ลาออกจากตำแหน่งเพราะคำถามบางอย่างที่เกิดขึ้นในทวีตเดียว … ดิฉันตั้งใจที่จะนำคำถามใด ๆ มาพิจารณาเกี่ยวกับประวัติทางการเงินของดิฉันอย่างจริงจังในฐานะสมาชิกเฟด และขณะนี้ก็กำลังรวบรวมข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อตอบคำถามที่สมเหตุสมผลและให้ข้อเท็จจริง”

ปธน.ทรัมป์เรียกร้องให้คุกลาออกจากตำแหน่ง หลังจากบิล พูลที ผู้อำนวยการสำนักงานการเงินเพื่อการเคหะของรัฐบาลสหรัฐ (FHFA) โพสต์ข้อความบน X ระบุว่า คุกได้กู้เงินจาก FHFA เพื่อซื้อบ้านในรัฐมิชิแกน โดยระบุว่าเป็นที่อยู่อาศัยหลัก แต่ต่อมา นางคุกได้กู้เงินอีกครั้งหนึ่งเพื่อซื้อคอนโดมิเนียมในแอตแลนตา และแจ้งว่าเป็นที่อยู่อาศัยหลักเช่นกัน

ทั้งนี้ พูลทีระบุว่า คุกให้ข้อมูลเท็จดังกล่าวเพื่อแสวงหาประโยชน์จากสิทธิพิเศษจากอัตราดอกเบี้ยที่ FHFA มอบให้สำหรับที่อยู่อาศัยหลักเพียงแห่งเดียวเท่านั้น

นอกจากนี้ พูลทียังได้ส่งจดหมายถึงแพม บอนดี รัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐ โดยระบุว่า FHFA ได้รับเอกสารการกู้เงิน 2 ครั้งของคุกในเดือนมิ.ย.และก.ค.2564 และระบุว่า “เธอต้องลาออก เพราะสิ่งที่เธอทำถือเป็นเหตุผลเพียงพอสำหรับการถูกปลดออกจากตำแหน่ง”

หลังจากพูลทีออกมาเปิดโปงเรื่องดังกล่าว ปธน.ทรัมป์ได้โพสต์ข้อความบนทรูธ โซเชียลในช่วงเย็นวันพุธ (20 ส.ค.) เพื่อเรียกร้องให้“ลิซา คุก” ลาออกจากตำแหน่งสมาชิกคณะผู้ว่าการเฟด

ทั้งนี้ หากคุกลาออก ก็จะเปิดโอกาสให้ปธน.ทรัมป์เข้ามาแทรกแซงด้วยการสรรหาผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งที่ว่างอยู่ หลังจากก่อนหน้านี้ปธน.ทรัมป์ได้แต่งตั้งสตีเฟน มิแรน ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกคณะผู้ว่าการเฟดแทนเอเดรียนา คูเกลอร์ที่ประกาศลาออกก่อนครบวาระ นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังพยายามแทรกแซงเฟดด้วยการกดดันให้เจอโรม พาวเวล ประธานเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย และยังพยายามบีบให้พาวเวลลาออกจากตำแหน่งด้วย

“ลิซา คุก” เมินทรัมป์จี้ลาออก ยันไม่ทิ้งเก้าอี้กรรมการเฟด

แล้วทำไม “ลิซา คุก” ถึงยืนกรานที่จะไม่ลาออกจากตำแหน่ง? การตัดสินใจของเธอส่งผลกระทบต่ออนาคตของเฟดอย่างไร? นี่คือคำถามสำคัญที่หลายคนกำลังจับตามอง

ผลกระทบต่อเฟด หาก “ลิซา คุก” ลาออก

หาก “ลิซา คุก” ตัดสินใจลาออกจริง จะส่งผลให้ประธานาธิบดีทรัมป์สามารถแต่งตั้งบุคคลที่สนับสนุนนโยบายของตนเองเข้ามาดำรงตำแหน่งแทนได้ ซึ่งอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเงินของเฟดอย่างมีนัยสำคัญ และอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม จากท่าทีที่แข็งกร้าวของลิซา คุก แสดงให้เห็นว่าเธอจะไม่ยอมจำนนต่อแรงกดดัน และพร้อมที่จะต่อสู้เพื่อรักษาตำแหน่งของตนเองต่อไป สถานการณ์นี้จึงยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

การยืนหยัดอยู่ในตำแหน่งของ “ลิซา คุก” ท่ามกลางแรงกดดันทางการเมือง สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของความเป็นอิสระของธนาคารกลางในการดำเนินนโยบายทางการเงิน การรักษาความเป็นกลางและความน่าเชื่อถือของเฟดจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ

ที่มา – “ลิซา คุก” เมินทรัมป์จี้ลาออก ยันไม่ทิ้งเก้าอี้กรรมการเฟด-พร้อมตอบทุกคำถาม