ทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีโคลอมเบีย ปธน.ถูกประณาม
โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ กุสตาโว เปโตร ประธานาธิบดีโคลอมเบีย อย่างรุนแรง โดยตราหน้าว่าเป็น “ผู้นำค้ายาเสพติด” และขู่ที่จะขึ้นภาษีสินค้าจากโคลอมเบียเพื่อเป็นการลงโทษ นอกจากนี้ ทรัมป์ยังประกาศว่าจะระงับความช่วยเหลือทั้งหมดที่สหรัฐฯ เคยให้ไว้กับโคลอมเบีย ซึ่งเป็นการยกระดับความตึงเครียดกับหนึ่งในพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดของสหรัฐฯ ในลาตินอเมริกา
ทรัมป์กล่าวหาว่าการค้ายาเสพติดกลายเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ในโคลอมเบีย และโจมตีประธานาธิบดีเปโตรว่าไม่ได้ทำอะไรเพื่อหยุดยั้ง แม้จะได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากสหรัฐฯ มานานหลายปี ทรัมป์ประกาศผ่านโซเชียลมีเดียว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เงินช่วยเหลือเหล่านี้…จะไม่มีอีกต่อไป” และยังกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าโคลอมเบียเป็น “เครื่องจักรผลิตยาเสพติด”
ตลอดศตวรรษที่ 21 โคลอมเบียได้รับความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ ไปแล้วประมาณ 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรวมถึงความช่วยเหลือมูลค่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐตั้งแต่ปี 2560 เพื่อสนับสนุนกองทัพ การเก็บกู้ทุ่นระเบิด และปฏิบัติการต่อต้านยาเสพติด
การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ทรัมป์ตัดสินใจในเดือนกันยายนที่จะถอนการรับรองสถานะของโคลอมเบียในฐานะพันธมิตรต้านยาเสพติด ทำให้โคลอมเบียถูกลดระดับไปอยู่ในกลุ่มเดียวกับเวเนซุเอลา โบลิเวีย อัฟกานิสถาน และเมียนมา ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโคเคนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งส่วนใหญ่มีต้นกำเนิดจากโคลอมเบีย
ประธานาธิบดีเปโตรตอบโต้ผ่านแพลตฟอร์ม X โดยกล่าวว่าทรัมป์กำลังถูกที่ปรึกษาหลอก และยืนยันว่าเขาได้ดำเนินการมากกว่าผู้นำคนใดๆ ในการเปิดโปงความเชื่อมโยงระหว่างผู้ค้ายาเสพติดกับชนชั้นนำทางการเมืองของโคลอมเบีย
ประธานาธิบดีเปโตร ซึ่งไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งใหม่ได้เมื่อวาระการดำรงตำแหน่งสิ้นสุดลงในเดือนสิงหาคมปีหน้า ได้พยายามรวบรวมแนวร่วมฝ่ายซ้ายเพื่อผลักดันวาระของตนเอง โดยสร้างภาพให้ทรัมป์เป็นคู่ขัดแย้ง และวางตำแหน่งตนเองเป็นผู้นำของกลุ่มแนวคิดหัวก้าวหน้าระดับโลก
ความสัมพันธ์ของทั้งสองยิ่งแย่ลงไปอีกในเดือนกันยายน เมื่อประธานาธิบดีเปโตรเรียกร้องให้ทหารสหรัฐฯ ขัดขืนคำสั่งของทรัมป์ ระหว่างการประท้วงสนับสนุนปาเลสไตน์ที่สหประชาชาติ (UN) ซึ่งนำไปสู่การที่สหรัฐฯ ยกเลิกวีซ่าของประธานาธิบดีเปโตร
ทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีโคลอมเบีย ประณามปธน.เปโตร เป็น “ผู้นำค้ายาเสพติด”
สถานการณ์ระหว่างสหรัฐฯ และโคลอมเบียกำลังตึงเครียดอย่างมาก จากการที่ทรัมป์กล่าวหาประธานาธิบดีเปโตรว่าเป็น “ผู้นำค้ายาเสพติด” และขู่ที่จะขึ้นภาษีสินค้าจากโคลอมเบีย มาตรการเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของโคลอมเบียอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และอาจทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศแย่ลงไปอีก
ผลกระทบจากกรณีทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีโคลอมเบีย
การที่ทรัมป์ขู่ที่จะขึ้นภาษีโคลอมเบีย อาจส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วน ซึ่งรวมถึง:
- เศรษฐกิจโคลอมเบีย: ภาษีที่สูงขึ้นจะทำให้สินค้าโคลอมเบียมีราคาสูงขึ้นในตลาดสหรัฐฯ ซึ่งอาจลดความสามารถในการแข่งขันและส่งผลกระทบต่อการส่งออก
- ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ: การกระทำของทรัมป์อาจทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และโคลอมเบียเสื่อมถอยลง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความร่วมมือในด้านอื่นๆ เช่น การต่อต้านยาเสพติด
- การเมืองภายในประเทศของโคลอมเบีย: การถูกโจมตีจากภายนอกอาจส่งผลให้เกิดความไม่มั่นคงทางการเมืองภายในประเทศ
การที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ออกมากล่าวหาประธานาธิบดีเปโตรว่าเป็น “ผู้นำค้ายาเสพติด” และขู่ที่จะขึ้นภาษีโคลอมเบีย เป็นเรื่องที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด เพราะอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการเมืองระหว่างประเทศได้
ในขณะที่สถานการณ์ยังคงพัฒนาต่อไป สิ่งสำคัญคือต้องติดตามข่าวสารและวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการกระทำของทรัมป์ การที่ทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีโคลอมเบีย และกล่าวหาผู้นำว่าเป็นผู้นำค้ายาเสพติด เป็นเรื่องที่สร้างความกังวลให้กับหลายฝ่าย และต้องมีการพิจารณาถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว
สถานการณ์ทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีโคลอมเบียนี้ แสดงให้เห็นถึงความไม่แน่นอนในโลกการเมืองปัจจุบัน และความสำคัญของการมีผู้นำที่สามารถรับมือกับความท้าทายที่ซับซ้อนได้
ที่มา – ทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีโคลอมเบีย ประณามปธน.เปโตร เป็น “ผู้นำค้ายาเสพติด”