‘ปิยะพงษ์’ โว ถ้าไทยตกรอบเอเชียนคัพ ขอลาออก ลั่นผมเป็นลูกผู้ชายพอ ยอมรับเป็นส่วนหนึ่งของการปลด มาซาทาดะ อิชิอิ ออกจากกุนซือทีมชาติไทย

ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน หนึ่งในสภากรรมการ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ออกมาเปิดใจผ่านช่องยูทูบ แตงโมลง ปิยะพงษ์ยิง หลังมีส่วนเกี่ยวข้องในการปลด มาซาทาดะ อิชิอิ ออกจากตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก

ไทม์มิ่งในการเปลี่ยนตัวโค้ชอาจดูไม่ค่อยดี ซึ่งตามหลักแล้วน่าจะปล่อยให้ อิชิอิ คุมให้จบเอเชียนคัพ (อีก 2 เกม) ก่อน

แต่เรามีความรู้สึกว่าเรามีความรู้สึกจะเปลี่ยนแปลงกุนซือ ตั้งแต่ที่เราไม่ได้แชมป์คิงส์คัพแล้ว แต่การตัดสินใจครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่เป็นไปตามวิถีของฟุตบอล ในโลกใบนี้ก็ทำกัน เป็นเรื่องธรรมชาติ แต่สิ่งที่ไม่ธรรมชาติคือประชาชนชาวไทยรู้สึกคลางแคลงใจ

วันนี้ผมมาพูดในฐานะอดีตนักบอลทีมชาติ และเป็นหนึ่งในสภากรรมการ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ว่า จากวันนี้เป็นต้นไป ถ้าทีมชาติไทยตกรอบเอเชียนคัพ ผมขออนุญาตลาออกจากการเป็นสภากรรมการ เพราะผมถือเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงโค้ชในครั้งนี้ ผมเป็นลูกผู้ชายพอ

ในเมื่อผมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงกุนซือ แฟนบอลไทยอาจไม่ประทับใจในส่วนนี้ ก็มาวัดกันที่ผลงานของ แอนโธนี ฮัตสัน ว่า เขาจะทำได้ดีขนาดไหน ผมขออนุญาตปฏิญาณตนวันนี้เลยว่า ถ้าทีมชาติไทย ตกรอบเอเชียนคัพ ผมจะขอลาออกจากสภากรรมการในวันที่ทีมชาติไทยตกรอบเลย

‘ปิยะพงษ์’ ลั่น! ไทยตกรอบเอเชียนคัพ ขอลาออก

จากกรณีการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยอย่างกะทันหัน ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย หนึ่งในบุคคลที่ถูกจับตามองคือ ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ในฐานะสภากรรมการสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ที่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจครั้งนี้

ล่าสุด ปิยะพงษ์ได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบ โดยลั่นวาจาว่า หากทีมชาติไทยตกรอบเอเชียนคัพ เขาจะขอลาออกจากตำแหน่งสภากรรมการทันที คำพูดนี้แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญและความรับผิดชอบต่อการตัดสินใจของตนเอง

การเปลี่ยนแปลงโค้ชก่อนทัวร์นาเมนต์สำคัญเช่นนี้ ถือเป็นความเสี่ยงอย่างมาก แต่ปิยะพงษ์มั่นใจว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิม และพร้อมที่จะรับผิดชอบหากผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง

ความมั่นใจของ ‘ปิยะพงษ์’ หากไทยตกรอบเอเชียนคัพ

คำประกาศของปิยะพงษ์ สร้างความฮือฮาในวงการฟุตบอลไทย หลายคนมองว่าเป็นการเดิมพันที่สูงมาก แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความเชื่อมั่นในทีมชาติไทยชุดใหม่ภายใต้การคุมทีมของ แอนโธนี ฮัตสัน

แฟนบอลชาวไทยต่างก็คาดหวังว่าทีมชาติไทยจะสามารถทำผลงานได้ดีในเอเชียนคัพ และผ่านเข้ารอบลึกๆ ได้ เพื่อพิสูจน์ว่าการเปลี่ยนแปลงโค้ชครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง

การลาออกของปิยะพงษ์ หากทีมชาติไทยตกรอบเอเชียนคัพ จะส่งผลกระทบต่อสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ อย่างแน่นอน แต่ในขณะเดียวกันก็อาจเป็นแรงกระตุ้นให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องหันมาทุ่มเทและทำงานหนักมากยิ่งขึ้น เพื่อพัฒนาวงการฟุตบอลไทยให้ก้าวหน้าต่อไป

สถานการณ์ของทีมชาติไทยในเอเชียนคัพครั้งนี้ จึงเป็นที่จับตามองของแฟนบอลและสื่อมวลชนอย่างใกล้ชิด ทุกคนต่างก็อยากเห็นทีมชาติไทยประสบความสำเร็จ และสร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทยทั้งประเทศ

การตัดสินใจของปิยะพงษ์ที่ออกมาประกาศว่าจะลาออกหากทีมชาติไทยตกรอบเอเชียนคัพนั้น แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบและความกล้าหาญ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสนับสนุนและให้กำลังใจทีมชาติไทย เพื่อให้พวกเขาสามารถทำผลงานได้ดีที่สุดในเอเชียนคัพครั้งนี้

ร่วมส่งกำลังใจให้ทีมชาติไทยในการแข่งขันเอเชียนคัพครั้งนี้ และติดตามผลงานของพวกเขาอย่างใกล้ชิด!

ที่มา – ‘ปิยะพงษ์’ โว ถ้าไทยตกรอบเอเชียนคัพ ขอลาออก ลั่นผมเป็นลูกผู้ชายพอ

จากกรณีที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ประกาศแยกทางกับ มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือทีมชาติไทย ชุดใหญ่ สร้างความตกตะลึงให้กับแฟนบอลชาวไทยเป็นอย่างมาก แม้ว่าเพิ่งจะนำทีมชาติไทยชนะ ไต้หวัน 2 นัดด้วยผล 2-0 (เหย้า) และ 6-1 (เยือน) ในศึกฟุตบอลเอเชียนคัพ 2027 รอบคัดเลือก และยังมีเกมสำคัญรออยู่อีกในเดือนพฤศจิกายน ได้แก่ เกมเปิดบ้านอุ่นเครื่องกับสิงคโปร์ในวันที่ 13 พฤศจิกายน และเกมเยือนศรีลังกาในวันที่ 18 พฤศจิกายน ในศึกเอเชียนคัพ 2027 รอบคัดเลือก นัดที่ 5 ซึ่งเป็นเกมสำคัญในการชี้ชะตาเพื่อผ่านเข้ารอบสุดท้ายที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย

ล่าสุด “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้โพสต์ข้อความแสดงความรู้สึกเกี่ยวกับการตัดสินใจแยกทางกับ อิชิอิ พร้อมทั้งเปิดเผยถึงกุนซือคนใหม่ที่จะเข้ามาทำหน้าที่แทน โดยมาดามแป้งกล่าวว่า เธอและฝ่ายเทคนิคได้พิจารณาร่วมกันแล้ว และเห็นว่าในช่วงเวลาที่สำคัญและเร่งด่วนเช่นนี้ จึงตัดสินใจแต่งตั้ง “แอนโธนี ฮัตสัน” ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาเทคนิคของสมาคมฯ เข้ามาดำรงตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยชุดใหญ่แทนโดยทันที

เหตุผลสำคัญในการแต่งตั้ง แอนโธนี ฮัตสัน คือประสบการณ์และความคุ้นเคยกับฟุตบอลไทยในทุกระดับที่ผ่านมา แอนโธนี ฮัตสัน เปรียบเสมือนบุคคลที่คลุกคลีอยู่กับวงการฟุตบอลไทยมาอย่างยาวนาน ทั้งประสบการณ์ในการคุมทีมสโมสรต่างๆ ในประเทศไทย และการเคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนของทีมชาติถึง 3 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, นิวซีแลนด์ และ บาห์เรน ด้วยประสบการณ์และความเข้าใจในฟุตบอลไทยอย่างลึกซึ้ง มาดามแป้งจึงเชื่อมั่นว่า มาดามแป้งตั้ง ฮัตสัน เป็นบุคคลที่เหมาะสมที่สุดที่จะเข้ามารับหน้าที่หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยในสถานการณ์ปัจจุบัน

มาดามแป้งตั้ง ฮัตสัน เสียบอิชิอิ เหมาะสมสุด!

การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นภายใต้แรงกดดันและความคาดหวังจากแฟนบอลชาวไทยทั่วประเทศ ที่ต้องการเห็นทีมชาติไทยประสบความสำเร็จในการแข่งขันระดับนานาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในศึกเอเชียนคัพ 2027 รอบคัดเลือกที่กำลังจะมาถึง การเปลี่ยนแปลงหัวหน้าผู้ฝึกสอนในช่วงเวลาที่กระชั้นชิดเช่นนี้ ถือเป็นความเสี่ยงที่ต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ แต่ด้วยความเชื่อมั่นในศักยภาพของ แอนโธนี ฮัตสัน และความเข้าใจในสถานการณ์ของทีมชาติไทย มาดามแป้งจึงตัดสินใจมอบหมายหน้าที่สำคัญนี้ให้กับเขา

ทำไมต้อง แอนโธนี ฮัตสัน?

ประสบการณ์และความคุ้นเคยกับฟุตบอลไทย

อย่างที่กล่าวไปข้างต้น แอนโธนี ฮัตสัน มีประสบการณ์และความคุ้นเคยกับฟุตบอลไทยเป็นอย่างดี เขาเคยคุมทีมสโมสรในไทยลีกมาแล้วหลายทีม ทำให้มีความเข้าใจในระบบการเล่น นักเตะ และวัฒนธรรมของฟุตบอลไทยเป็นอย่างดี นอกจากนี้ การที่เขาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาเทคนิคของสมาคมฯ ทำให้เขามีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับนักเตะเยาวชนและระบบการพัฒนาฟุตบอลในประเทศไทยอีกด้วย

ภาวะผู้นำและความสามารถในการสื่อสาร

แม้ว่า แอนโธนี ฮัตสัน จะไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังในระดับโลก แต่เขาก็เป็นผู้ที่มีภาวะผู้นำและความสามารถในการสื่อสารที่ดี เขาเคยนำทีมชาติหลายประเทศประสบความสำเร็จมาแล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารจัดการทีมและสร้างแรงจูงใจให้กับนักเตะ นอกจากนี้ เขายังสามารถสื่อสารภาษาไทยได้ในระดับที่ใช้การได้ ทำให้สามารถสื่อสารกับนักเตะและทีมงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ย่อมมาพร้อมกับความท้าทายและความคาดหวังที่สูงยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ด้วยประสบการณ์ ความสามารถ และความมุ่งมั่นของ แอนโธนี ฮัตสัน รวมถึงการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และแฟนบอลชาวไทย เชื่อว่าทีมชาติไทยจะสามารถก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆ และประสบความสำเร็จในการแข่งขันระดับนานาชาติได้อย่างแน่นอน การที่ มาดามแป้งตั้ง ฮัตสัน ถือเป็นการเดิมพันที่น่าสนใจ และเราหวังว่าจะได้เห็นผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมในอนาคตอันใกล้นี้

การตัดสินใจของ มาดามแป้งตั้ง ฮัตสัน เสียบแทน อิชิอิ แสดงให้เห็นถึงความกล้าในการเปลี่ยนแปลงและความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาทีมชาติไทยให้ก้าวไปข้างหน้า แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงโค้ชในระยะเวลาที่กระชั้นชิดอาจมีความเสี่ยง แต่ด้วยความเชื่อมั่นในตัวของฮัตสันและความคุ้นเคยกับระบบฟุตบอลไทยเชื่อว่าทีมชาติไทยจะสามารถปรับตัวและทำผลงานได้ดีภายใต้การนำทีมของฮัตสัน

ที่มา – มาดามแป้ง ประกาศตั้ง ฮัตสัน เสียบแทน อิชิอิ – เชื่อเหมาะสมสุดเวลานี้

กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในวงการฟุตบอลไทย เมื่อ มาซาทาดะ อิชิอิ อดีตกุนซือทีมชาติไทยชาวญี่ปุ่น ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียถึงการถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย พร้อมทิ้งท้ายประโยคที่สร้างความสงสัยว่า “คนพวกนี้ไม่ซื่อสัตย์”

ก่อนหน้านี้ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ประกาศยุติบทบาทของ มาซาทาดะ อิชิอิ อย่างกะทันหัน โดยให้เหตุผลว่ามีแนวทางการทำงานที่ไม่สอดคล้องกับสมาคมฯ หลังจากการพิจารณาและประเมินผลงานโดยทีมงานฝ่ายเทคนิค

หลังจากประกาศดังกล่าว มาซาทาดะ อิชิอิ ได้ออกมาเคลื่อนไหวผ่านทางอินสตาแกรมส่วนตัว เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยระบุว่าตนเองถูกเรียกเข้าไปพูดคุยที่สมาคมฯ และได้รับการแจ้งว่าจะถูกยกเลิกสัญญา พร้อมทั้งย้ำว่าตนเองไม่ได้เซ็นเอกสารยินยอมใดๆ ทั้งสิ้น ก่อนจะทิ้งท้ายด้วยข้อความว่า “คนพวกนี้ไม่ซื่อสัตย์”

ข้อความที่ มาซาทาดะ อิชิอิ โพสต์มีรายละเอียดดังนี้:

“วันนี้ผมถูกเรียกตัวไปที่สมาคมฟุตบอลไทย ตอน 10.00 น.เพื่อมีการทบทวน 2 เกม ที่พบกับไต้หวัน

หลังการทบทวนเสร็จ ผมได้รับแจ้งทันทีว่า “สัญญาของคุณจะถูกยกเลิกในวันนี้”

เหตุผลคือ “เพราะพวกเขาต้องการเปลี่ยนแปลงทีมงานในแต่ละรุ่น

ผมไม่สามารถจัดการกับความรู้สึกตัวเองได้ ผมจึงไม่ได้ตอบตกลงและไม่ได้เซ็นสัญญา และบอกว่า “ไว้คุยกันใหม่คราวหน้า”

แต่ช่วงบ่ายพวกเขาประกาศไล่ผมออก คนพวกนี้ไม่ซื่อสัตย์เลยจริงๆ

แด่แฟนบอลทุกคนที่เชียร์ทีมชาติไทยของเรามาจนถึงวันนี้ ผมขอบคุณมากๆครับ”

มาซาทาดะ อิชิอิ โพสต์หลังถูกปลดกุนซือช้างศึก พร้อมทิ้งท้าย ‘คนพวกนี้ไม่ซื่อสัตย์’

ประเด็นที่น่าสนใจคือ เหตุผลที่แท้จริงของการแยกทางระหว่างสมาคมฯ กับ มาซาทาดะ อิชิอิ ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันในวงกว้าง แม้ว่าสมาคมฯ จะให้เหตุผลเรื่องแนวทางการทำงานที่ไม่ตรงกัน แต่ข้อความที่อดีตกุนซือช้างศึกโพสต์ ก็ทำให้เกิดคำถามถึงความโปร่งใสและความจริงใจในการดำเนินการครั้งนี้

มาซาทาดะ อิชิอิ เข้ามารับตำแหน่งกุนซือทีมชาติไทยเมื่อปลายปีที่ผ่านมา และพาทีมทำผลงานได้น่าพอใจในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและเหนือความคาดหมาย ทำให้แฟนบอลจำนวนไม่น้อยรู้สึกผิดหวังและตั้งคำถามถึงอนาคตของทีมชาติไทย

สิ่งที่ มาซาทาดะ อิชิอิ ทิ้งไว้หลังถูกปลด

สิ่งที่ มาซาทาดะ อิชิอิ ทิ้งไว้ไม่ใช่แค่ผลงานในสนาม แต่ยังรวมถึงความคาดหวังและความเชื่อมั่นที่เขาสร้างให้กับแฟนบอลชาวไทย การถูกปลดอย่างกะทันหันจึงสร้างความรู้สึกเสียดายและกังวลใจว่าใครจะเข้ามารับช่วงต่อ และจะสามารถสานต่อสิ่งที่เขาได้วางรากฐานไว้ได้หรือไม่

• การวางรากฐานระบบการเล่นใหม่
• การผลักดันนักเตะดาวรุ่งขึ้นมา
• การสร้างขวัญและกำลังใจให้กับทีม

แน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เสมอในวงการฟุตบอล แต่การบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งต่อความเชื่อมั่นของแฟนบอลและอนาคตของทีมชาติไทยในระยะยาว ประเด็นนี้ทำให้เรื่องราวที่ มาซาทาดะ อิชิอิ ถูกปลดนั้นเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวาง

สิ่งที่เราได้เห็นจากกรณีของ มาซาทาดะ อิชิอิ คือ มุมมองที่แตกต่างกันระหว่างผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งอาจนำไปสู่ความขัดแย้งและการตัดสินใจที่สร้างความไม่พอใจให้กับหลายฝ่าย การสื่อสารที่ชัดเจนและตรงไปตรงมาจึงเป็นสิ่งสำคัญในการบริหารจัดการองค์กรให้มีประสิทธิภาพและสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

ที่มา – มาซาทาดะ อิชิอิ โพสต์หลังถูกปลดกุนซือช้างศึก พร้อมทิ้งท้าย ‘คนพวกนี้ไม่ซื่อสัตย์’

เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2568 ที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ฟุตบอลชายทีมชาติไทย รวมตัวกันเตรียมออกเดินทางไปยัง ไต้หวัน เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนทำการแข่งขันฟุตบอล เอเชียน คัพ 2027 รอบคัดเลือก กลุ่มดี นัดที่สี่ พบกับ ไต้หวัน ในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ เวลา 17.30 น.

การเดินทางครั้งนี้นำโดย มาซาทาดะ อิชิอิ หัวหน้าผู้ฝึกสอนชาวญี่ปุ่น พร้อมด้วยทีมงานสต๊าฟโค้ชและนักกีฬาทั้ง 23 คน อาธิเช่น ชนาธิป สรงกระสินธ์, เบนจามิน เดวิส, สุภโชค สารชาติ, นิโคลัส มิคเกลสัน, วีระเทพ ป้อมพันธุ์ ฯลฯ

ก่อนออกเดินทาง “มาซาทาดะ อิชิอิ” หัวหน้าผู้ฝึกสอน กล่าวว่า “หลังจากที่เราแข่งจบแมตช์แรกด้วยความที่ไม่มีเวลามาก เราได้มีการแบ่งผู้เล่นเพื่อฟื้นฟูร่างกายและอีกชุดได้ฝึกซ้อมบ้าง จากนี้ไปเรามีเวลาอีกสองวันในการลงแทคติกอีกครั้ง การที่โค้ชไต้หวัน บอกว่าจะเปิดเกมรุกมากขึ้นผมอยากให้เป็นแบบนั้นด้วย เพราะหากเขาเล่นเกมรุกมากจะเปิดพื้นที่เข้าทำให้เรามากขึ้น” อิชิอิแสดงความหวังว่า ไต้หวันเปิดเกมรุกให้ทีมชาติไทย จะเป็นผลดีต่อทีม

“เหตุผลที่เรียกนักเตะสองคนทั้งสันติภาพ จันทร์หง่อมและทรงวุฒิ ใคร่ครวญเข้ามาเพิ่มเติม เพราะเป็นผู้เล่นที่คุ้นเคยกันอยู่แล้ว และสามารถเรียกเข้ามาได้เลย เพราะนักเตะบางคนไม่สามารถมาได้หรืออยู่ไกลทำให้เราไม่ได้เรียกมาได้ รวมถึงการเรียกสองคนนี้ผมมีความคิดในใจอยู่แล้วว่าจะให้เขาเรียกยังไงบ้าง”

“หลังจากนี้เราต้องการสามแต้มทุกเกม เพราะด้วยเกมกับเติร์กเมนิสถานเราไม่สามารถทำได้ ทำให้เราต้องมาทดแทนในส่วนที่เราไม่สามารถเก็บแต้มจากนัดนั้นมาได้ แม้ศรีลังกาจะชนะเติร์กเมนิสถานมาได้แต่ผมอยากโฟกัสกับทีมเรามากกว่า แน่นอนว่าเกมต่อไปพวกเขายังได้เจอกันอีก เราต้องเน้นที่ทีมเรามากกว่าที่จะต้องเก็บสามแต้มให้ได้”

ด้าน สันติภาพ จันทร์หง่อม กองหลังทีมชาติไทย กล่าวว่า “พวกเราพร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์ ด้วยแทคติกของโค้ชด้วยและนักเตะที่มีอยู่ทุกคนพร้อมเต็มที่แล้ว ผมรู้สึกดีใจทุกครั้งที่ได้ติดทีมชาติ และดีใจที่จะได้รับใช้ชาติในครั้งนี้ ส่วนตัวพร้อมเสมอหากโค้ชเมื่อโค้ชเรียกเข้ามา ทุกอย่างอยู่ที่โค้ชด้วยครับว่าจะเล่นแทคติกแบบแผ่นยังไง ผมมีหน้าที่ทำตามโค้ชครับ จริงๆผมถนัดแบ็คขวาแต่เคยเล่นแบ็คซ้ายมาด้วย แต่อยู่ที่โค้ชว่าจะให้ลงตรงไหนครับ เกมนี้เป็นเกมเยือนเรารู้อยู่แล้วว่าจะต้องไปเก็บสามแต้มให้ได้ครับ”

ขณะที่ ศฤงคาร พรมสุภะ กองหลังทีมชาติไทย กล่าวว่า “หลังจากที่เราได้มีเวลาฟื้นฟูร่างกายและได้ซ้อมในช่วงเช้าที่ผ่านมา ถือว่าทุกคนพร้อมที่จะเดินทางไปเยือนไชนีส ไทเปแล้วครับ เราได้แก้ไขข้อผิดพลาดและเตรียมแผนมาอย่างดี ผมคิดว่าเราจะทำออกมาได้ดีครับ”

“ผมไม่ได้กังวลที่โค้ชไต้หวันบอกว่าจะเปิดเกมรุกมากขึ้น เพราะเราเตรียมตัวมาอย่างดีทั้งเกมรุกและเกมรับ ทีมของเรามีวิธีการที่จะรับมือพวกเขาจากการที่ได้สเกาท์กันมา เป้าหมายในเกมนี้คือต้องเก็บสามแต้ม ทุกคนจะพยายามเล่นกันอย่างเต็มที่ครับ”

สำหรับ ทีมชาติไทย จะทำการแข่งขันฟุตบอล เอเชียน คัพ 2027 รอบคัดเลือก กลุ่มดี นัดที่สี่ พบกับ ไชนีส ไทเป ณ ไทเป มูนิซิปัล สเตเดียม ในวันที่ 14 ตุลาคม 2568 เวลา 17.30 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทาง ไทยรัฐ ทีวี ช่อง 32, YouTube : BG SPORTS และ True Visions Now

อิชิอิ หวังเห็น ไต้หวัน เปิดเกมรุกให้ ทีมชาติไทย มีพื้นที่

ทำไมอิชิอิถึงหวังให้ไต้หวันเปิดเกมรุก?

มาซาทาดะ อิชิอิ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย มองว่าการที่ไต้หวันเปิดเกมรุกมากขึ้น จะทำให้ทีมชาติไทยมีพื้นที่ในการเล่นเกมรุกมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ดีในการทำประตูและเก็บชัยชนะ

แผนการรับมือเกมรุกของไต้หวัน

แม้ว่าอิชิอิจะหวังให้ไต้หวันเปิดเกมรุกให้ทีมชาติไทย แต่ทีมชาติไทยก็ไม่ได้ประมาทและได้เตรียมแผนการรับมือเกมรุกของไต้หวันมาเป็นอย่างดี ทั้งในส่วนของเกมรับและการโต้กลับเร็ว

เป้าหมายของทีมชาติไทย

เป้าหมายหลักของทีมชาติไทยในการแข่งขันครั้งนี้คือการเก็บสามแต้มให้ได้ทุกนัด เพื่อโอกาสในการผ่านเข้ารอบคัดเลือก เอเชียน คัพ 2027

นักเตะทีมชาติไทยทุกคนต่างมุ่งมั่นและพร้อมที่จะทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่ เพื่อนำชัยชนะกลับมาให้แฟนบอลชาวไทย อิชิอิ หวังเห็น ไต้หวัน เปิดเกมรุกให้ ทีมชาติไทย เพื่อช่วยให้ทีมบรรลุเป้าหมายนั้น

การที่อิชิอิออกมาให้สัมภาษณ์ในลักษณะนี้แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในศักยภาพของทีมชาติไทย และความเชื่อมั่นว่าทีมจะสามารถรับมือกับทุกสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี

สิ่งสำคัญที่สุดคือการที่นักเตะทุกคนเล่นด้วยความมุ่งมั่น ทุ่มเท และทำงานเป็นทีม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ร่วมกัน และสร้างความสุขให้กับแฟนบอลชาวไทยทุกคน

ในฐานะแฟนบอลชาวไทย เรามาร่วมส่งกำลังใจเชียร์ทีมชาติไทยให้ประสบความสำเร็จในการแข่งขัน เอเชียน คัพ 2027 รอบคัดเลือก และคว้าชัยชนะกลับมาฝากพวกเราทุกคนกันนะครับ

ที่มา – อิชิอิ หวังเห็น ไต้หวัน เปิดเกมรุกให้ ทีมชาติไทย มีพื้นที่ – ลั่นเก็บ 3 แต้มทุกนัด

“ช้างศึก” ทีมชาติไทย โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม เอาชนะฟิจิ 3-0 ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศฟุตบอลชิงถ้วยพระราขทาน “คิงสคัพ” ครั้งที่ 51 กับอิรัก วันที่ 7 ก.ย. ได้สำเร็จ ซึ่งหลังจากนี้ วันที่ 5-6 ก.ย. จะกลับเข้าสู่โปรแกรมฝึกซ้อม เพื่อเตรียมตัวสำหรับรอบชิงชนะเลิศ

ก่อนหน้านี้ฝ่ายจัดการแข่งขันได้เปิดให้แฟนบอลได้มีโอกาสเข้ามารับชมการฝึกซ้อมของนักเตะทีมชาติไทยอย่างใกล้ชิด ทำให้แฟนบอลจำนวนมากตื่นเต้นที่จะได้เห็นนักเตะขวัญใจแบบใกล้ชิดติดขอบสนามซ้อม อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ล่าสุดได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว

แต่ล่าสุดฝ่ายจัดการแข่งขันได้ประกาศผ่านเพจ 51st King’s Cup 2025 Kanchanaburi ว่า “ประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน ในวันที่ 6 กันยายน 68 ทีมชาติไทย งดเข้าชมการฝึกซ้อม” สร้างความผิดหวังให้กับแฟนบอลจำนวนไม่น้อยที่ตั้งใจจะเดินทางมาชมการฝึกซ้อม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาเหตุที่ฝ่ายจัดการแข่งขันประกาศเช่นนี้ เนื่องจากมีสื่อบางแห่ง เอาแผนการซ้อมของทีมชาติไทย งดเข้าชมซ้อม วันที่ 6 ก.ย. ออกไปเผยแพร่ลงทางโซเชียลมีเดีย เป็นเหตุให้ มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือชาวญี่ปุ่นของทัพช้างศึก เกิดความไม่พอใจ ทำให้แฟนบอลเมืองกาญจน์พลาดชมนักเตะขวัญใจแบบใกล้ชิด

อย่างไรก็ตามการฝึกซ้อม วันนี้ (วันที่ 5 ก.ย.) จะยังเปิดให้แฟนบอลเข้าชมปกติ เนื่องจากเป็นการซ้อมเบาๆ ไม่ได้ใส่แท็กติกอะไรมากมาย เป็นการวอร์มอัพร่างกายและปรับความเข้าใจกันเล็กน้อยก่อนถึงวันสำคัญ

ทีมชาติไทย งดเข้าชมซ้อม วันที่ 6 ก.ย.

การตัดสินใจของทีมงานสตาฟฟ์โค้ชที่ประกาศให้ ทีมชาติไทย งดเข้าชมซ้อม วันที่ 6 ก.ย. นั้น แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในรายละเอียดและความมุ่งมั่นที่จะรักษาความลับของแผนการเล่นเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศกับอิรักที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 7 ก.ย. นี้

การรักษาความลับของแผนการเล่นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในวงการฟุตบอลระดับสูง เพราะเพียงแค่คู่ต่อสู้รู้ถึงแผนการเล่นของเรา พวกเขาก็สามารถวางแผนรับมือและแก้เกมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้โอกาสในการคว้าชัยชนะของเราลดน้อยลง

ทำไมทีมชาติไทยถึงงดเข้าชมซ้อมวันที่ 6 ก.ย.?

• เพราะมีสื่อนำแผนแท็กติกไปเผยแพร่
• มาซาทาดะ อิชิอิ ไม่พอใจ
• ต้องการรักษาความลับของแผนการเล่น

ถึงแม้ว่าการงดให้เข้าชมการฝึกซ้อมจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายสำหรับแฟนบอล แต่ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของทีมชาติไทยในการแข่งขันคิงส์คัพครั้งนี้ เราหวังว่าแฟนบอลจะเข้าใจและสนับสนุนทีมชาติไทยต่อไป

การแข่งขันคิงส์คัพครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับทีมชาติไทย เพราะเป็นการแข่งขันในบ้านต่อหน้าแฟนบอลชาวไทย และเป็นโอกาสที่ดีที่จะสร้างความมั่นใจและแสดงศักยภาพของทีมก่อนที่จะมีการแข่งขันในระดับที่สูงขึ้นต่อไปในอนาคต

ดังนั้นการตัดสินใจของทีมงานสตาฟฟ์โค้ชจึงเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลและเป็นการตัดสินใจที่คำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของทีมชาติไทยอย่างแท้จริง

เราเชื่อว่าทีมชาติไทยจะสามารถเอาชนะอิรักและคว้าแชมป์คิงส์คัพมาครองได้สำเร็จ ด้วยการเตรียมตัวที่ดี การวางแผนที่รอบคอบ และการสนับสนุนจากแฟนบอลชาวไทยทุกคน

มาร่วมส่งกำลังใจให้ทีมชาติไทยคว้าแชมป์คิงส์คัพไปพร้อมๆ กัน!

ที่มา – ทีมชาติไทย ประกาศงดเข้าชมซ้อม วันที่ 6 ก.ย. เหตุมีสื่อนำแผนแท็กติกไปเผยแพร่