พลังงานนิวเคลียร์

อังกฤษ-สหรัฐฯ ร่วมมือพลังงานนิวเคลียร์ สัปดาห์นี้

รัฐบาลอังกฤษประกาศข่าวสำคัญ! เตรียมลงนามความร่วมมือด้านพลังงานนิวเคลียร์กับสหรัฐอเมริกา ในสัปดาห์ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เดินทางเยือนอังกฤษ ความร่วมมือครั้งนี้มุ่งเน้นการลงทุนเพื่อสร้างโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ในประเทศ ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาพลังงานสะอาดและมั่นคงของอังกฤษ

อังกฤษ-สหรัฐฯ เตรียมลงนามร่วมมือพลังงานนิวเคลียร์ ระหว่างทรัมป์เดินทางเยือนสัปดาห์นี้

ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลอังกฤษได้ผลักดันการขยายพลังงานนิวเคลียร์อย่างจริงจัง โดยให้คำมั่นสัญญาว่าจะลงทุนถึง 1.4 หมื่นล้านปอนด์ (ประมาณ 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่ Sizewell C ในเทศมณฑลซัฟฟอล์ก นอกจากนี้ ยังมีแผนสนับสนุนบริษัทโรลส์-รอยซ์ (Rolls-Royce Plc) ในการพัฒนาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) อีกด้วย

ประธานาธิบดีทรัมป์มีกำหนดการเดินทางถึงอังกฤษในวันอังคารที่ 16 กันยายน เพื่อเริ่มภารกิจเยือนเป็นเวลาสองวัน ในระหว่างการเยือนครั้งนี้ เขาและนายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ จะร่วมกันประกาศความร่วมมือด้านพลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งมีเป้าหมายหลักในการยกระดับโครงการและการลงทุนใหม่ ๆ รวมถึงแผนการลงทุนของบริษัทเอ็กซ์-เอ็นเนอร์จี (X-Energy) จากสหรัฐอเมริกา และบริษัทเซนตริกา (Centrica) จากอังกฤษ เพื่อสร้างโรงไฟฟ้าแบบ SMR จำนวนมากถึง 12 โรงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอังกฤษ

รายละเอียดเพิ่มเติมในแถลงการณ์ระบุว่า แผนการลงทุนนี้ยังรวมถึงโครงการพัฒนาศูนย์ข้อมูลขั้นสูง มูลค่า 1.1 หมื่นล้านปอนด์ (ประมาณ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งจะใช้พลังงานไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้า SMR ที่จะสร้างขึ้นใหม่ แทนที่โรงไฟฟ้าถ่านหินเดิมในภาคกลางของอังกฤษ โครงการนี้เป็นการร่วมมือระหว่างบริษัทโฮลเทค อินเตอร์เนชันแนล (Holtec International) จากสหรัฐอเมริกา, อีดีเอฟ (EDF) จากฝรั่งเศส และไตรแท็กซ์ (Tritax) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์

ความพิเศษของข้อตกลงความร่วมมืออังกฤษ-สหรัฐฯ เตรียมลงนามร่วมมือพลังงานนิวเคลียร์ ระหว่างทรัมป์เดินทางเยือนสัปดาห์นี้ ในครั้งนี้ยังครอบคลุมถึงกฎระเบียบด้านนิวเคลียร์อีกด้วย นั่นหมายความว่า หากโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยในประเทศใดประเทศหนึ่ง อีกประเทศหนึ่งก็สามารถนำผลการตรวจสอบนั้นมาใช้เพื่อสนับสนุนการตรวจสอบของตนเองได้ ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาการออกใบอนุญาตจากเดิม 3-4 ปี เหลือเพียง 2 ปีเท่านั้น

ทำไมความร่วมมือด้านพลังงานนิวเคลียร์ครั้งนี้ถึงสำคัญ?

ก่อนหน้านี้ในเดือนกรกฎาคม ประธานาธิบดีทรัมป์และนายกรัฐมนตรีสตาร์เมอร์ได้หารือกันเกี่ยวกับการกระชับความร่วมมือด้าน SMR ในระหว่างที่ผู้นำทั้งสองได้พบกันระหว่างที่ทรัมป์เดินทางไปพักผ่อนและตีกอล์ฟที่รีสอร์ตของเขาในสกอตแลนด์ การหารือในครั้งนั้นนำมาสู่ข้อตกลงที่เป็นรูปธรรมในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทั้งสองประเทศในการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์

พลังงานนิวเคลียร์ถือเป็นแหล่งพลังงานที่สะอาดและมีความเสถียรสูง ซึ่งสามารถช่วยลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน การลงทุนในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่และขนาดเล็กจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจที่ยั่งยืน

  • ส่งเสริมการลงทุนในเทคโนโลยีนิวเคลียร์
  • สร้างงานและกระตุ้นเศรษฐกิจ
  • สร้างความมั่นคงทางพลังงาน

ความร่วมมืออังกฤษ-สหรัฐฯ เตรียมลงนามร่วมมือพลังงานนิวเคลียร์ ระหว่างทรัมป์เดินทางเยือนสัปดาห์นี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ข้อตกลงทางการเมือง แต่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับคนรุ่นหลัง

สรุปแล้ว ความร่วมมือนี้จะนำมาซึ่งการลงทุนจำนวนมหาศาล เทคโนโลยีที่ทันสมัย และความเชี่ยวชาญที่จะช่วยให้ทั้งสองประเทศบรรลุเป้าหมายด้านพลังงานสะอาดได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนไปยังทั่วโลกว่า พลังงานนิวเคลียร์ยังมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ

สำหรับประเทศไทย การติดตามความคืบหน้าของความร่วมมือครั้งนี้เป็นสิ่งสำคัญ เพราะอาจมีโอกาสในการเรียนรู้และนำเทคโนโลยีบางอย่างมาปรับใช้เพื่อพัฒนาพลังงานของประเทศได้ในอนาคต

ที่มา – อังกฤษ-สหรัฐฯ เตรียมลงนามร่วมมือพลังงานนิวเคลียร์ ระหว่างทรัมป์เดินทางเยือนสัปดาห์นี้

รัสเซียหนุน! จีนขึ้นแท่นผู้ผลิตพลังงานนิวเคลียร์รายใหญ่

รัสเซียโว พร้อมหนุนจีนขึ้นแท่นผู้ผลิตพลังงานนิวเคลียร์รายใหญ่สุดของโลก แทนที่สหรัฐฯ

รัสเซียประกาศพร้อมสนับสนุนจีนในการก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตพลังงานนิวเคลียร์รายใหญ่ที่สุดของโลก โดย อเล็กเซย์ ลิคาเชฟ ผู้อำนวยการโรซาตอม (Rosatom) บริษัทนิวเคลียร์ของรัฐบาลรัสเซีย เปิดเผยหลังการเจรจาที่กรุงปักกิ่งว่า จีนมีแผนพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ขนาดใหญ่ โดยตั้งเป้าที่จะไล่ตามและแซงหน้าสหรัฐฯ ด้วยกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์มากกว่า 100 กิกะวัตต์ (GW)

ปัจจุบัน สหรัฐฯ ครองตำแหน่งประเทศที่มีเครือข่ายโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยกำลังการผลิตเกือบ 97 GW ขณะที่ข้อมูลจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ ระบุว่า จีนเร่งสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหม่หลายสิบแห่ง โดยมีกำลังการผลิตที่เปิดดำเนินการแล้ว 53.2 GW ณ เดือนเม.ย. 2567 การที่รัสเซียโว พร้อมหนุนจีนขึ้นแท่นผู้ผลิตพลังงานนิวเคลียร์รายใหญ่สุดของโลก แทนที่สหรัฐฯ นั้น ถือเป็นก้าวสำคัญในการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์พลังงานโลก

ลิคาเชฟยืนยันว่า รัสเซียกำลังมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนจีน โดยได้ช่วยก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แล้ว 4 แห่ง และกำลังดำเนินการสร้างเพิ่มเติมอีก 4 แห่ง ทั้งนี้ จีนยังมีความต้องการยูเรเนียมและเชื้อเพลิงนิวเคลียร์จำนวนมหาศาลเพื่อรองรับแผนการขยายตัวดังกล่าว

ลิคาเชฟระบุเพิ่มเติมว่า จีนจำเป็นต้องพัฒนาเครื่องปฏิกรณ์พลังงานนิวเคลียร์แบบรอบเชื้อเพลิงปิด (closed nuclear fuel cycle reactors) รุ่นใหม่ ซึ่งจะอาศัยเทคโนโลยีของรัสเซีย ขณะที่เจ้าตัวย้ำว่ารัสเซียพร้อมช่วยเหลือและได้เริ่มดำเนินการแล้ว การที่รัสเซียโว พร้อมหนุนจีนขึ้นแท่นผู้ผลิตพลังงานนิวเคลียร์รายใหญ่สุดของโลก แทนที่สหรัฐฯ นี้ มีนัยยะสำคัญต่อความมั่นคงทางพลังงานและเศรษฐกิจโลก

ทำไมรัสเซียถึงสนับสนุนจีนในการเป็นผู้ผลิตพลังงานนิวเคลียร์รายใหญ่?

การที่รัสเซียให้ความสำคัญกับการสนับสนุนจีนให้ขึ้นแท่นเป็นผู้นำด้านพลังงานนิวเคลียร์นั้น มีเหตุผลหลายประการ:

  • ความสัมพันธ์ทางยุทธศาสตร์: รัสเซียและจีนมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นในด้านต่างๆ ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และความมั่นคง การสนับสนุนด้านพลังงานนิวเคลียร์เป็นการกระชับความสัมพันธ์และสร้างความร่วมมือที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
  • ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ: รัสเซียเป็นผู้ส่งออกเทคโนโลยีนิวเคลียร์และเชื้อเพลิงนิวเคลียร์รายใหญ่ การขยายตัวของอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ในจีนจะสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับรัสเซียอย่างมาก
  • การถ่วงดุลอำนาจ: การที่จีนก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านพลังงานนิวเคลียร์ จะเป็นการถ่วงดุลอำนาจกับสหรัฐฯ และประเทศตะวันตกอื่นๆ ในเวทีโลก

นอกจากนี้ การที่รัสเซียโว พร้อมหนุนจีนขึ้นแท่นผู้ผลิตพลังงานนิวเคลียร์รายใหญ่สุดของโลก แทนที่สหรัฐฯ ยังสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของรัสเซียในเทคโนโลยีและศักยภาพของตนเองในด้านพลังงานนิวเคลียร์

ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลต่อหลายด้าน ทั้งด้านพลังงาน ความมั่นคง และเศรษฐกิจ การที่จีนกลายเป็นผู้นำด้านพลังงานนิวเคลียร์อาจนำไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ และการลดต้นทุนพลังงาน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ ทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม การขยายตัวของพลังงานนิวเคลียร์ก็มาพร้อมกับความท้าทาย เช่น ความปลอดภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ การจัดการกากกัมมันตรังสี และความเสี่ยงของการแพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งจำเป็นต้องมีการบริหารจัดการอย่างรอบคอบและมีความรับผิดชอบ

โดยสรุป การที่รัสเซียโว พร้อมหนุนจีนขึ้นแท่นผู้ผลิตพลังงานนิวเคลียร์รายใหญ่สุดของโลก แทนที่สหรัฐฯ เป็นเหตุการณ์ที่น่าจับตามองอย่างใกล้ชิด เพราะอาจนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในภูมิทัศน์พลังงานโลกในอนาคตอันใกล้นี้

ที่มา – รัสเซียโว พร้อมหนุนจีนขึ้นแท่นผู้ผลิตพลังงานนิวเคลียร์รายใหญ่สุดของโลก แทนที่สหรัฐฯ