บอลไทย

ฟุตบอลหญิงไทย ยู-17 ถล่มเติร์กฯ ประเดิมศึกเอเชีย

การแข่งขันฟุตบอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี รอบคัดเลือก กลุ่มเอฟ ที่ชลบุรี สเตเดียม ฟุตบอลหญิงไทย ยู-17 ลงสนามนัดแรก พบกับทีมชาติเติร์กเมนิสถาน เกมที่แฟนบอลชาวไทยต่างรอคอยชมผลงานของน้องๆ

เกมนี้ “โค้ชมิ่ม” ธิดารัตน์ วิวาสุขุ กุนซือของทีมวาง กุลิสรา ลิ้มปวะนิช เป็นกองหน้าตัวเป้า พร้อมด้วย ชาร์ล็อต สิทธิประสงค์ แอลลารี่ เป็นหน้าต่ำ พร้อมมี มณฑิดา นุ่มนวล และ พัธรมณฑ์ แสงตา สนับสนุน เกมรุกเต็มกำลังหวังเก็บชัยชนะนัดแรกให้ได้

ผลปรากฏว่าเกมนี้ ฟุตบอลหญิงไทย ยู-17 เล่นได้เหนือกว่าทีมชาติเติร์กเมนิสถานอย่างชัดเจนตั้งแต่ต้นเกม ด้วยทักษะและความสามารถเฉพาะตัวที่ยอดเยี่ยม ไล่บดขยี้และสร้างโอกาสในการทำประตูได้อย่างต่อเนื่อง ก่อนจะช่วยกันไล่ถล่ม เติร์กเมนิสถาน ไปอย่างขาดลอยด้วยสกอร์ 17-0 สร้างความประทับใจให้กับแฟนบอลที่เข้ามาชมในสนามและทางบ้าน

ประตูในเกมนี้มาจาก พัทธมณฑ์ แสงตา ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรง ซัดแฮตทริกและทำไปถึง 5 ประตูในนาที 5, 42, 50, 75 และ 85 นอกจากนี้ยังมี กุลิสรา ลิ้มปวะนิช ที่ทำคนเดียว 4 ประตูในนาที 8, 22, 31 และ 44 ชาร์ลอต แอลลารี ซัดไป 2 ประตูในนาที 16 และ 25 มณฑิดา นุ่มนวล ทำ 2 ประตูในนาที 27 และ 28 กวินธิดา กิขุนทด นาที 46 อริสา แต้มสกุล นาที 61 และ ภัทรวีร์ บุญมาหล้า นาที 68 และ 79

ฟุตบอลหญิงไทย ยู-17 ถล่ม เติร์กเมนิสถาน 17 ตุง ประเดิมศึกเอเชีย รอบคัดเลือก

จากผลการแข่งขันที่สวยงามนี้ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของนักเตะฟุตบอลหญิงไทย ยู-17 ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับอนาคตของฟุตบอลหญิงไทย

ฟอร์มสุดโหด! ฟุตบอลหญิงไทย ยู-17 โชว์ฟอร์มเหนือชั้น

ชัยชนะในเกมนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเก็บ 3 แต้มสำคัญ แต่ยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับนักเตะก่อนลงสนามในนัดต่อไป

สำหรับโปรแกรมนัดต่อไป ฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี จะทำการแข่งขัน ฟุตบอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี รอบคัดเลือก กลุ่มเอฟ นัดที่สอง พบกับ เนปาล ที่ชลบุรี สเตเดียม ในวันที่ 17 ตุลาคม 2568 เวลา 18.30 น. แฟนบอลสามารถติดตามชมการถ่ายทอดสดได้ทาง Youtube : BG SPORTS, ช้างศึก และ Facebook : Thai Women’s Football อย่าพลาดชมและเชียร์น้องๆ กันนะครับ

การแข่งขันครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่นักเตะเยาวชนไทยจะได้แสดงศักยภาพและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในระดับนานาชาติ เพื่อพัฒนาฝีเท้าและก้าวไปสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพในอนาคต และหวังว่าผลงานของ ฟุตบอลหญิงไทย ยู-17 จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนไทยหันมาสนใจกีฬาฟุตบอลกันมากขึ้น

เราเชื่อมั่นว่าด้วยการสนับสนุนและการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ฟุตบอลหญิงไทยจะสามารถก้าวไปสู่ระดับโลกได้อย่างแน่นอน

ที่มา – ฟุตบอลหญิงไทย ยู-17 ถล่ม เติร์กเมนิสถาน 17 ตุง ประเดิมศึกเอเชีย รอบคัดเลือก

อิชิอิ ปรับ ช้างศึก ดีขึ้น ลั่นย้ำชัย ไต้หวัน

เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม ที่ห้องแถลงข่าว ไทเป มูนิซิปัล สเตเดียม ฝ่ายจัดการแข่งขันจัดงานแถลงข่าวความพร้อมก่อนการแข่งขันฟุตบอล เอเชียน คัพ 2027 รอบคัดเลือก กลุ่มดี นัดที่สี่ ระหว่าง ไต้หวัน เปิดบ้านรับการมาเยือน ทีมชาติไทย ในวันที่ 14 ตุลาคม เวลา 17.30 น.

มาซาทาดะ อิชิอิ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ชาวญี่ปุ่น กล่าวว่า เราเจอคู่ต่อสู้ทีมเดิมอย่างไต้หวัน เกมแรกเราชนะมาได้ เป้าหมายเกมนี้ยังคงเหมือนกัน ไม่ว่าเราจะเล่นเกมเหย้าหรือเกมเยือน เราต้องแก้ไขที่ตัวเรามากกว่า หากเราไปเล่นเกมเยือนแล้วเล่นไม่ดี คู่ต่อสู้ไม่เหมือนเดิมทุกครั้ง มีเปลี่ยนแปลงไป ผมพยายามแก้ไขในสิ่งที่เรายังทำได้ยังไม่ดี”

“สำหรับเกมนี้คงพูดถึงวิธีการเล่นไม่ได้ว่าจะแตกต่างกันอย่างไร แต่อยากจะบอกว่าจากการดูเกมแรก สิ่งไหนที่ต้องปรับปรุงเราจะทำให้ดีกว่าที่ผ่านมา และมารอดูกันตอนเริ่มเกมว่าจะเป็นอย่างไร ในส่วนของณัฐพงษ์ สายริยา มีการเล่นในไทยลีกที่เสถียรและเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นเกมที่ดี และช่วยพูดกระตุ้นแนะนำเพื่อนๆได้ดี”

ด้าน ธีรศักดิ์ เผยพิมาย กล่าวว่า “เรามีการทำการบ้านที่ดีมาโดยตลอดตั้งแต่เข้าแคมป์วันแรก พรุ่งนี้เราจะเก็บสามคะแนนให้ได้ครับ บรรยากาศในทีมดีขึ้นครับจากเกมแรกที่ทำให้เราเก็บสามแต้มในบ้านได้ เกมนี้เช่นกันเราต้องทำให้ได้ เพื่อจะที่จะทำให้แฟนบอลมีความสุขและมีกำลังใจลุยกันต่อในเกมต่อไป ส่วนตัวกดดันครับที่เป็นกองหน้าคนเดียว แต่พี่ๆ คอยซัพพอร์ตตลอด และจะทำให้เต็มที่ครับ จะคว้าชัยชนะให้ได้”

สำหรับ ทีมชาติไทย จะทำการแข่งขันฟุตบอล เอเชียน คัพ 2027 รอบคัดเลือก กลุ่มดี นัดที่สี่ พบกับ ไต้หวัน ที่ไทเป มูนิซิปัล สเตเดียม ในวันที่ 14 ตุลาคม 2568 เวลา 17.30 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทาง ช่อง 32, YouTube : BG SPORTS และ True Visions Now

อิชิอิ ปรับ ช้างศึก ดีขึ้น ลั่นย้ำชัย ไต้หวัน

ความเคลื่อนไหวล่าสุดของทีมชาติไทย ก่อนลงสนามพบกับไต้หวัน ในศึกเอเชียน คัพ 2027 รอบคัดเลือก มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือชาวญี่ปุ่น เน้นย้ำถึงการปรับปรุงแก้ไขข้อผิดพลาดจากเกมแรกที่พบกัน เพื่อเป้าหมายในการเก็บชัยชนะต่อเนื่อง

สถานการณ์ของทีมชาติไทยในกลุ่มดี ถือว่าอยู่ในทิศทางที่ดี การเก็บชัยชนะในเกมนี้จะยิ่งเป็นการเสริมสร้างความมั่นใจ และเพิ่มโอกาสในการผ่านเข้ารอบต่อไปอย่างมาก การที่อิชิอิให้ความสำคัญกับการปรับปรุงทีม แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาทีมชาติไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ความพร้อมของช้างศึก ก่อนลั่นย้ำชัย ไต้หวัน

จากคำสัมภาษณ์ของทั้ง มาซาทาดะ อิชิอิ และ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย สะท้อนให้เห็นถึงความพร้อมและความมุ่งมั่นของทีมชาติไทยในการเผชิญหน้ากับไต้หวัน การที่ทีมมีการทำการบ้านอย่างหนัก มีการปรับปรุงแก้ไขข้อผิดพลาด และมีบรรยากาศภายในทีมที่ดี ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่ชัยชนะ

  • การปรับปรุงทีมตามแนวทางของอิชิอิ
  • ความมุ่งมั่นของนักเตะทุกคน
  • บรรยากาศทีมที่เป็นหนึ่งเดียวกัน

ธีรศักดิ์ เผยพิมาย กองหน้าดาวรุ่ง ยอมรับถึงความกดดันในการเป็นกองหน้าตัวเป้า แต่ก็ได้รับกำลังใจและการสนับสนุนจากพี่ๆ ในทีม ทำให้มีความมั่นใจที่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และคว้าชัยชนะมาครองให้ได้

มาซาทาดะ อิชิอิ ยังได้กล่าวถึง ณัฐพงษ์ สายริยา ว่าเป็นผู้เล่นที่มีความสม่ำเสมอในการเล่นไทยลีก มีการขึ้นเกมที่ดี และสามารถกระตุ้นแนะนำเพื่อนร่วมทีมได้ดี ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญของทีมชาติไทย

สิ่งสำคัญที่สุดคือการที่ทีมชาติไทยต้องโฟกัสที่ตัวเอง ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด และไม่ประมาทคู่ต่อสู้ แม้ว่าเกมแรกจะสามารถเอาชนะมาได้ แต่ไต้หวันก็พร้อมที่จะสู้เต็มที่ในบ้านของตัวเอง

การที่ทีมชาติไทย ภายใต้การคุมทีมของ อิชิอิ ปรับ ช้างศึก ให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับอนาคตของฟุตบอลไทย การให้โอกาสนักเตะดาวรุ่ง การสร้างทีมเวิร์ค และการมีแทคติกที่ชัดเจน ล้วนเป็นสิ่งที่แฟนบอลชาวไทยคาดหวัง

อย่าลืมติดตามชมและเชียร์ทีมชาติไทย ในการแข่งขันฟุตบอล เอเชียน คัพ 2027 รอบคัดเลือก กลุ่มดี นัดที่สี่ พบกับ ไต้หวัน ในวันที่ 14 ตุลาคม 2568 เวลา 17.30 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทาง ช่อง 32, YouTube : BG SPORTS และ True Visions Now มาร่วมส่งกำลังใจให้ทัพช้างศึกคว้าชัยชนะกลับบ้านให้ได้!

อิชิอิ ปรับ ช้างศึก ให้ดีขึ้นจริงหรือไม่? เกมกับไต้หวันจะเป็นบทพิสูจน์สำคัญ และชัยชนะจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด

ที่มา – อิชิอิ ปรับ ช้างศึก ดีขึ้น ลั่นย้ำชัย ไต้หวัน – ธีรศักดิ์ รับกดดันเป็นกองหน้าคนเดียว

อิชิอิ หวัง! ไต้หวันเปิดเกมรุกให้ทีมชาติไทย

เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2568 ที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ฟุตบอลชายทีมชาติไทย รวมตัวกันเตรียมออกเดินทางไปยัง ไต้หวัน เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนทำการแข่งขันฟุตบอล เอเชียน คัพ 2027 รอบคัดเลือก กลุ่มดี นัดที่สี่ พบกับ ไต้หวัน ในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ เวลา 17.30 น.

การเดินทางครั้งนี้นำโดย มาซาทาดะ อิชิอิ หัวหน้าผู้ฝึกสอนชาวญี่ปุ่น พร้อมด้วยทีมงานสต๊าฟโค้ชและนักกีฬาทั้ง 23 คน อาธิเช่น ชนาธิป สรงกระสินธ์, เบนจามิน เดวิส, สุภโชค สารชาติ, นิโคลัส มิคเกลสัน, วีระเทพ ป้อมพันธุ์ ฯลฯ

ก่อนออกเดินทาง “มาซาทาดะ อิชิอิ” หัวหน้าผู้ฝึกสอน กล่าวว่า “หลังจากที่เราแข่งจบแมตช์แรกด้วยความที่ไม่มีเวลามาก เราได้มีการแบ่งผู้เล่นเพื่อฟื้นฟูร่างกายและอีกชุดได้ฝึกซ้อมบ้าง จากนี้ไปเรามีเวลาอีกสองวันในการลงแทคติกอีกครั้ง การที่โค้ชไต้หวัน บอกว่าจะเปิดเกมรุกมากขึ้นผมอยากให้เป็นแบบนั้นด้วย เพราะหากเขาเล่นเกมรุกมากจะเปิดพื้นที่เข้าทำให้เรามากขึ้น” อิชิอิแสดงความหวังว่า ไต้หวันเปิดเกมรุกให้ทีมชาติไทย จะเป็นผลดีต่อทีม

“เหตุผลที่เรียกนักเตะสองคนทั้งสันติภาพ จันทร์หง่อมและทรงวุฒิ ใคร่ครวญเข้ามาเพิ่มเติม เพราะเป็นผู้เล่นที่คุ้นเคยกันอยู่แล้ว และสามารถเรียกเข้ามาได้เลย เพราะนักเตะบางคนไม่สามารถมาได้หรืออยู่ไกลทำให้เราไม่ได้เรียกมาได้ รวมถึงการเรียกสองคนนี้ผมมีความคิดในใจอยู่แล้วว่าจะให้เขาเรียกยังไงบ้าง”

“หลังจากนี้เราต้องการสามแต้มทุกเกม เพราะด้วยเกมกับเติร์กเมนิสถานเราไม่สามารถทำได้ ทำให้เราต้องมาทดแทนในส่วนที่เราไม่สามารถเก็บแต้มจากนัดนั้นมาได้ แม้ศรีลังกาจะชนะเติร์กเมนิสถานมาได้แต่ผมอยากโฟกัสกับทีมเรามากกว่า แน่นอนว่าเกมต่อไปพวกเขายังได้เจอกันอีก เราต้องเน้นที่ทีมเรามากกว่าที่จะต้องเก็บสามแต้มให้ได้”

ด้าน สันติภาพ จันทร์หง่อม กองหลังทีมชาติไทย กล่าวว่า “พวกเราพร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์ ด้วยแทคติกของโค้ชด้วยและนักเตะที่มีอยู่ทุกคนพร้อมเต็มที่แล้ว ผมรู้สึกดีใจทุกครั้งที่ได้ติดทีมชาติ และดีใจที่จะได้รับใช้ชาติในครั้งนี้ ส่วนตัวพร้อมเสมอหากโค้ชเมื่อโค้ชเรียกเข้ามา ทุกอย่างอยู่ที่โค้ชด้วยครับว่าจะเล่นแทคติกแบบแผ่นยังไง ผมมีหน้าที่ทำตามโค้ชครับ จริงๆผมถนัดแบ็คขวาแต่เคยเล่นแบ็คซ้ายมาด้วย แต่อยู่ที่โค้ชว่าจะให้ลงตรงไหนครับ เกมนี้เป็นเกมเยือนเรารู้อยู่แล้วว่าจะต้องไปเก็บสามแต้มให้ได้ครับ”

ขณะที่ ศฤงคาร พรมสุภะ กองหลังทีมชาติไทย กล่าวว่า “หลังจากที่เราได้มีเวลาฟื้นฟูร่างกายและได้ซ้อมในช่วงเช้าที่ผ่านมา ถือว่าทุกคนพร้อมที่จะเดินทางไปเยือนไชนีส ไทเปแล้วครับ เราได้แก้ไขข้อผิดพลาดและเตรียมแผนมาอย่างดี ผมคิดว่าเราจะทำออกมาได้ดีครับ”

“ผมไม่ได้กังวลที่โค้ชไต้หวันบอกว่าจะเปิดเกมรุกมากขึ้น เพราะเราเตรียมตัวมาอย่างดีทั้งเกมรุกและเกมรับ ทีมของเรามีวิธีการที่จะรับมือพวกเขาจากการที่ได้สเกาท์กันมา เป้าหมายในเกมนี้คือต้องเก็บสามแต้ม ทุกคนจะพยายามเล่นกันอย่างเต็มที่ครับ”

สำหรับ ทีมชาติไทย จะทำการแข่งขันฟุตบอล เอเชียน คัพ 2027 รอบคัดเลือก กลุ่มดี นัดที่สี่ พบกับ ไชนีส ไทเป ณ ไทเป มูนิซิปัล สเตเดียม ในวันที่ 14 ตุลาคม 2568 เวลา 17.30 น. ตามเวลาประเทศไทย ถ่ายทอดสดทาง ไทยรัฐ ทีวี ช่อง 32, YouTube : BG SPORTS และ True Visions Now

อิชิอิ หวังเห็น ไต้หวัน เปิดเกมรุกให้ ทีมชาติไทย มีพื้นที่

ทำไมอิชิอิถึงหวังให้ไต้หวันเปิดเกมรุก?

มาซาทาดะ อิชิอิ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย มองว่าการที่ไต้หวันเปิดเกมรุกมากขึ้น จะทำให้ทีมชาติไทยมีพื้นที่ในการเล่นเกมรุกมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ดีในการทำประตูและเก็บชัยชนะ

แผนการรับมือเกมรุกของไต้หวัน

แม้ว่าอิชิอิจะหวังให้ไต้หวันเปิดเกมรุกให้ทีมชาติไทย แต่ทีมชาติไทยก็ไม่ได้ประมาทและได้เตรียมแผนการรับมือเกมรุกของไต้หวันมาเป็นอย่างดี ทั้งในส่วนของเกมรับและการโต้กลับเร็ว

เป้าหมายของทีมชาติไทย

เป้าหมายหลักของทีมชาติไทยในการแข่งขันครั้งนี้คือการเก็บสามแต้มให้ได้ทุกนัด เพื่อโอกาสในการผ่านเข้ารอบคัดเลือก เอเชียน คัพ 2027

นักเตะทีมชาติไทยทุกคนต่างมุ่งมั่นและพร้อมที่จะทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่ เพื่อนำชัยชนะกลับมาให้แฟนบอลชาวไทย อิชิอิ หวังเห็น ไต้หวัน เปิดเกมรุกให้ ทีมชาติไทย เพื่อช่วยให้ทีมบรรลุเป้าหมายนั้น

การที่อิชิอิออกมาให้สัมภาษณ์ในลักษณะนี้แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในศักยภาพของทีมชาติไทย และความเชื่อมั่นว่าทีมจะสามารถรับมือกับทุกสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี

สิ่งสำคัญที่สุดคือการที่นักเตะทุกคนเล่นด้วยความมุ่งมั่น ทุ่มเท และทำงานเป็นทีม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ร่วมกัน และสร้างความสุขให้กับแฟนบอลชาวไทยทุกคน

ในฐานะแฟนบอลชาวไทย เรามาร่วมส่งกำลังใจเชียร์ทีมชาติไทยให้ประสบความสำเร็จในการแข่งขัน เอเชียน คัพ 2027 รอบคัดเลือก และคว้าชัยชนะกลับมาฝากพวกเราทุกคนกันนะครับ

ที่มา – อิชิอิ หวังเห็น ไต้หวัน เปิดเกมรุกให้ ทีมชาติไทย มีพื้นที่ – ลั่นเก็บ 3 แต้มทุกนัด

ช้างศึกเชื่อมั่น! เกมเยือนไต้หวันมีพื้นที่มากขึ้น

เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2568 ที่ยามาโอกะ ฮานาซากะ อคาเดมี 1 ฟุตบอลชายทีมชาติไทย ลงฝึกซ้อมครั้งสุดท้ายที่ประเทศไทย ก่อนออกเดินทางไต้หวัน เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนทำการแข่งขันฟุตบอล เอเชียน คัพ 2027 รอบคัดเลือก กลุ่มดี นัดที่สี่ พบกับ ไต้หวัน ในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ เวลา 17.30 น. ถ่ายทอดสดทาง ช่อง 32, ยูทูป : BG SPORTS และ True Visions Now

การฝึกซ้อมครั้งนี้ มาซาทาดะ อิชิอิ หัวหน้าผู้ฝึกสอน นำทัพติวเข้ม โดยเน้นไปที่ลงรายละเอียดแทคติกทั้งเกมรุกและเกมรับ รวมไปถึงการเล่นลูกตั้งเตะ ซึ่งใช้เวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที

ปฏิวัติ คำไหม ผู้รักษาประตูทีมชาติไทย จากสโมสร ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด กล่าวว่า “เรามีเวลาพักอยู่หลายวัน ทำให้สามารถฟื้นฟูร่างกายได้ดีก่อนที่จะลงแข่งขันกับไต้หวัน อีกครั้ง เราต้องโฟกัสที่ทีมของเราเป็นหลัก ส่วนตัวผมมั่นใจว่าเราจะสามารถผ่านเกมนี้ไปได้”

“ลูกฟุตบอลอาจจะแตกต่างจากนัดแรกที่เราเพิ่งลงเล่นมา ในตำแหน่งผู้รักษาประตูมีผลอยู่บ้าง เพราะมันค่อนข้างลื่นและน้ำหนักไม่ได้คุ้นชินมาก แต่ยังมีเวลาในการปรับตัวให้ดีขึ้น จุดแข็งของไต้หวันชุดนี้ผมมองว่าเขามีเกมรับที่ค่อนข้างรับต่ำด้วยการเล่นกองหลังห้าคน ทำให้เรามีพื้นที่ค่อนข้างยากในการทำประตู หากเราเพิ่มผู้เล่นเข้าไปจะเหลือคนที่เล่นเกมรับน้อย เราต้องระวังลูกโต้กลับด้วย”

“ส่วนตัวผมคิดว่าเป็นโอกาสดีสำหรับเราหากไต้หวันเปิดเกมรุกในการเล่นในบ้านของเขา เพราะจะทำให้หลังบ้านเขามีพื้นที่ให้กับเรามากขึ้น เพราะเกมรุกของเรามีคุณภาพที่ดีอยู่แล้ว การที่ไม่มีกองหน้าเวลาเราจะเล่นลูกเปิดจากได้ข้างอาจจะมีผลอยู่บ้าง แต่ในเมื่อเราไม่มีเราต้องปรับแก้ตามสถานการณ์ด้วยการเล่นหน้าไลน์แทน เกมฟุตบอลมันต้องปรับเปลี่ยนกันได้เป็นเรื่องปกติครับ”

“จังหวะที่ผมออกมาตัดบอลพลาดทางโค้ชได้มีการพูดถึงลูกนี้เหมือนกัน มันเป็นข้อผิดพลาดที่ต้องกลับมาช่วยกันแก้ไขว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร และต้องพยายามลดข้อผิดพลาดให้น้อยที่สุด จะไม่ให้เกิดขึ้นอีก”

หลังจากนี้ ทีมชาติไทย จะรวมตัวกันที่ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ในเวลา 17.45 น. เพื่อออกเดินทางไป ประเทศไต้หวัน ในเวลา 20.00 น.

ช้างศึก เชื่อเกมเยือนไต้หวัน มีพื้นที่มากขึ้น

ความพร้อมของทีมชาติไทยก่อนเกมสำคัญที่จะพบกับไต้หวันในการแข่งขันฟุตบอล เอเชียน คัพ 2027 รอบคัดเลือก กลุ่มดี นัดที่สี่ ได้ถูกเน้นย้ำถึงความสำคัญของการปรับตัวและการใช้โอกาสที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ทีมอาจจะเผชิญหน้ากับความท้าทายในการเจาะแนวรับของคู่ต่อสู้

ปฏิวัติ คำไหม ผู้รักษาประตูของทีมชาติไทย ได้ให้สัมภาษณ์ถึงความเชื่อมั่นในการเผชิญหน้ากับไต้หวัน และมองว่า ช้างศึก เชื่อเกมเยือนไต้หวัน มีพื้นที่มากขึ้น หากไต้หวันเลือกที่จะเปิดเกมรุกมากขึ้นในบ้านของตนเอง นี่จะเป็นโอกาสให้ทีมชาติไทยได้ใช้ประโยชน์จากคุณภาพในเกมรุกที่มีอยู่

การปรับตัวของทีมชาติไทย เมื่อไม่มีกองหน้าตัวเป้า

การขาดหายไปของกองหน้าตัวเป้าอาจส่งผลกระทบต่อการเล่นในแดนหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเข้าทำจากด้านข้าง อย่างไรก็ตาม ทีมชาติไทยแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนแผนการเล่น โดยการใช้ผู้เล่นที่สามารถทดแทนในตำแหน่งหน้าไลน์ได้ สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวของทีมภายใต้สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

ผู้รักษาประตูทีมชาติไทยยังได้กล่าวถึงความแตกต่างของลูกฟุตบอลที่ใช้ในการแข่งขัน ซึ่งอาจส่งผลต่อการเล่นของผู้รักษาประตู แต่ยังมีเวลาให้ปรับตัวและทำความคุ้นเคยกับลูกฟุตบอลใหม่นี้

ช้างศึก เชื่อเกมเยือนไต้หวัน มีพื้นที่มากขึ้น และจะใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์ในการทำประตูและคว้าชัยชนะกลับบ้าน การฝึกซ้อมอย่างหนักและการวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ จะเป็นกุญแจสำคัญในการบรรลุเป้าหมาย

  • การเน้นเกมรุกที่มีคุณภาพ
  • การปรับตัวเมื่อไม่มีกองหน้าตัวเป้า
  • การเตรียมพร้อมสำหรับลูกโต้กลับของไต้หวัน

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือการไม่ประมาทและให้ความเคารพคู่ต่อสู้ แม้ว่า ช้างศึก เชื่อเกมเยือนไต้หวัน มีพื้นที่มากขึ้น แต่การเล่นอย่างรัดกุมและมีวินัยยังคงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น

โดยรวมแล้ว ทีมชาติไทยมีความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจสำหรับการแข่งขันที่จะมาถึง การเดินทางไปไต้หวันเพื่อแข่งขันฟุตบอล เอเชียน คัพ 2027 รอบคัดเลือก เป็นโอกาสสำคัญในการแสดงศักยภาพและสร้างความภาคภูมิใจให้กับแฟนบอลชาวไทย

ในฐานะแฟนบอล เราควรส่งกำลังใจและสนับสนุนทีมชาติไทยอย่างเต็มที่ เพื่อให้พวกเขาสามารถทำผลงานได้ดีและบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ เชื่อมั่นในศักยภาพของทีมและร่วมกันเชียร์ ช้างศึก เชื่อเกมเยือนไต้หวัน มีพื้นที่มากขึ้น และจะคว้าชัยชนะกลับมาได้อย่างแน่นอน!

ที่มา – ช้างศึก เชื่อเกมเยือนไต้หวัน มีพื้นที่มากขึ้น – รับไร้ศูนย์หน้ามีผลต่อการเล่นด้านข้าง

แข่งที่ไหนก็ได้! มาดามแป้ง ประกาศกวาด 4 ทอง ซีเกมส์

ในวงการฟุตบอลไทยกำลังได้รับความสนใจอย่างมาก เมื่อ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้ออกมาแสดงวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนเกี่ยวกับอนาคตของทีมชาติไทย โดยเฉพาะในรายการใหญ่ๆ อย่างเอเชียนคัพและซีเกมส์ ล่าสุด มีข่าวสำคัญที่กลายเป็นหัวข้อร้อน “แข่งที่ไหนก็ได้! มาดามแป้ง ประกาศพาสมาคมบอล กวาด 4 ทอง ซีเกมส์” ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นที่จะพาทีมชาติประสบความสำเร็จ

แข่งที่ไหนก็ได้! มาดามแป้ง ประกาศพาสมาคมบอล กวาด 4 ทอง ซีเกมส์

ทีมชาติไทย “ช้างศึก” กำลังเตรียมตัวสำหรับโปรแกรมสำคัญในช่วงฟีฟ่าเดย์ เดือนตุลาคมนี้ โดยจะลงสนามในศึกฟุตบอลเอเชียนคัพ 2027 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย กลุ่มดี นัดที่ 3 พบกับทีมชาติไต้หวัน ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน วันที่ 9 ตุลาคม 2568 เวลา 19.30 น. ตามด้วยนัดที่ 4 ซึ่งเป็นการบุกไปเยือนไต้หวัน ที่ไทเป มูนิซิปัล สเตเดียม วันที่ 14 ตุลาคม 2568 เวลา 17.30 น. ปัจจุบัน ทีมไทยมี 3 คะแนน รั้งอันดับ 2 ของกลุ่ม และต้องการชัยชนะทั้งสองนัดเพื่อลุ้นเข้ารอบต่อไปอย่างมีลุ้น

“มาดามแป้ง” ได้ให้สัมภาษณ์ถึงความสำคัญของแมตช์เหล่านี้ โดยย้ำว่าทั้งสองนัดกับไต้หวันเป็นโอกาสทองที่ทีมชาติไทยไม่สามารถพลาดได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทีมต้องเก็บชัยชนะให้ได้ เพราะผลงานจะส่งผลโดยตรงต่อการเข้ารอบในเอเชียนคัพ ซึ่งเป็นรายการที่ไทยโหยหามานาน

ความรับผิดชอบของกุนซือและทีมงาน

เมื่อถูกถามถึงอนาคตของมาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือชาวญี่ปุ่น หากทีมไม่สามารถทำผลงานได้ตามเป้า มาดามแป้งตอบอย่างหนักแน่นว่า ทุกคนที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นโค้ช นักเตะ หรือสต๊าฟฟ์ ต้องร่วมมือกันรับผิดชอบ เพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงผูู้นำที่เน้นทีมเวิร์คและความสามัคคีในสมาคมฟุตบอลไทย

นอกจากโปรแกรมเอเชียนคัพแล้ว มาดามแป้งยังพูดถึงการเตรียมทีมสำหรับมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ซึ่งประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพระหว่างวันที่ 9-20 ธันวาคม 2568 ปัจจุบัน เรื่องสถานที่จัดการแข่งขันฟุตบอลยังไม่ลงตัว โดยมีจังหวัดผู้สมัครเช่น กรุงเทพมหานคร สงขลา และเชียงใหม่ แต่มาดามแป้งมั่นใจว่าอีกไม่นานจะมีบทสรุปที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม เธอเน้นย้ำว่า “แข่งที่ไหนก็ได้!” ตราบใดที่อยู่ในแผ่นดินไทย สิ่งสำคัญคือการโฟกัสที่การทวงเหรียญทองกลับมา เพราะไทยไม่ได้แชมป์ฟุตบอลซีเกมส์ตั้งแต่ปี 2017 ที่มาเลเซีย

วิสัยทัศน์ของมาดามแป้งชัดเจนมาก เธออยากเห็นทีมชาติไทยครองเหรียญทองทั้ง 4 รุ่น คือ ฟุตบอลชาย ฟุตบอลหญิง ฟุตซอลชาย และฟุตซอลหญิง “เล่นที่ไหนก็ได้ แต่อยากได้แชมป์มากกว่า ไม่เพียงแต่ฟุตบอลชายเท่านั้น แต่รวมถึงทุกประเภท” เธอกล่าวด้วยความมุ่งมั่น นี่คือการประกาศที่จุดประกายแรงบันดาลใจให้แฟนบอลไทย

  • ฟุตบอลชาย: ทีมชาติไทยมีศักยภาพสูง ภายใต้การนำของอิชิอิ ต้องปรับแท็คติกให้เหมาะกับคู่แข่งเอเชีย
  • ฟุตบอลหญิง: สาวๆ ช้างนวธารี กำลังมาแรง หลังจากผลงานดีในรายการก่อนหน้า
  • ฟุตซอลชาย: ทีมฟุตซอลไทยเป็นแชมป์เอเชียหลายสมัย ซีเกมส์ต้องเป็นของเรา
  • ฟุตซอลหญิง: การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จะทำให้กวาดทองได้แน่นอน

การเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสทองสำหรับไทยในการแสดงศักยภาพด้านกีฬาฟุตบอล สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ กำลังเร่งวางแผนฝึกซ้อม โดยเน้นพัฒนานักเตะเยาวชนให้พร้อมสำหรับรายการใหญ่ นอกจากนี้ มาดามแป้งยังผลักดันให้มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สนามฝึกซ้อมและศูนย์พัฒนา เพื่อยกระดับฟุตบอลไทยให้เทียบชั้นทีมชั้นนำในเอเชีย

ในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ การประกาศ “แข่งที่ไหนก็ได้! มาดามแป้ง ประกาศพาสมาคมบอล กวาด 4 ทอง ซีเกมส์” ไม่ใช่แค่คำพูด แต่เป็นแผนยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน แฟนบอลไทยต่างคาดหวังว่าทีมชาติจะสร้างประวัติศาสตร์ ด้วยการครองเหรียญทองทั้งหมดในซีเกมส์ครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของยุคทองฟุตบอลไทย

สุดท้ายนี้ แฟนๆ ช้างศึกอย่าลืมติดตามและให้กำลังใจทีมชาติไทยในทุกนัด สำหรับโปรแกรมเอเชียนคัพและซีเกมส์ที่กำลังจะมาถึง การสนับสนุนจากแฟนบอลคือพลังสำคัญที่ทำให้ทีมประสบความสำเร็จ ลุ้นเชียร์ไปด้วยกันเพื่อทองคำแห่งความภาคภูมิใจ!

ที่มา – แข่งที่ไหนก็ได้! มาดามแป้ง ประกาศพาสมาคมบอล กวาด 4 ทอง ซีเกมส์

ทุ่ม 45 ล้านคืนชีพบอลเด็ก โค้กคัพ เฟ้นแข้งยู-17 ลุย ฟุตบอลโลก

ในยุคที่ฟุตบอลไทยกำลังก้าวสู่เวทีโลก การพัฒนาเยาวชนถือเป็นหัวใจสำคัญ และข่าวดีล่าสุดที่ทำให้แฟนบอลไทยตื่นเต้นคือ โครงการ ทุ่ม 45 ล้านคืนชีพบอลเด็ก โค้กคัพ เฟ้นแข้งยู-17 ลุย ฟุตบอลโลก ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างโคคา-โคล่าและสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย มาดูกันว่าภาคีนี้จะช่วยยกระดับฟุตบอลเยาวชนไทยได้อย่างไรบ้าง

ทุ่ม 45 ล้านคืนชีพบอลเด็ก โค้กคัพ เฟ้นแข้งยู-17 ลุย ฟุตบอลโลก

เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2568 ที่โรงแรมพาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ ได้มีการจัดพิธีลงนามความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างเซลแมน คาเรกา ประธานภูมิภาคอาเซียนและแปซิฟิกตอนใต้ของเดอะโคคา-โคล่า คอมปานี กับ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย โครงการนี้มีชื่อว่า “สร้างคลื่นลูกใหม่ ขับเคลื่อนอนาคตฟุตบอลไทย” หรือ DEVELOPING THE FUTURE OF THAI YOUTH FOOTBALL โดยมุ่งเน้นการจัดการแข่งขันลีกเยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี เพื่อเปิดโอกาสให้นักฟุตบอลรุ่นใหม่ได้ฝึกฝนและแข่งขัน สานฝันสู่ระดับโลก

เซลแมน คาเรกา กล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า โคคา-โคล่าได้สนับสนุนกีฬาฟุตบอลมาอย่างยาวนานทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ และสำหรับประเทศไทย ฟุตบอลคือกีฬาที่คนไทยหลงใหลที่สุด ความร่วมมือครั้งนี้จึงเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นในการพัฒนานักกีฬาเยาวชน โดยนำ “โค้กคัพ” ลีกเยาวชนยู-17 กลับมาจัดการแข่งขันอีกครั้งในปี 2569 ซึ่งจะช่วยให้เยาวชนไทยแสดงศักยภาพและไล่ตามความฝันได้เต็มที่

ความสำคัญของโค้กคัพ ต่อฟุตบอลเยาวชนไทย

มาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ เน้นย้ำว่านี่คือก้าวสำคัญสำหรับวงการฟุตบอลไทย โดยเฉพาะรุ่นยู-17 ซึ่งเป็นช่วงอายุที่นักกีฬามีโอกาสก้าวสู่เส้นทางอาชีพ และสอดคล้องกับการแข่งขันฟุตบอลโลกยู-17 ที่ฟีฟ่าจัดขึ้นทุกปี การกลับมาของ ทุ่ม 45 ล้านคืนชีพบอลเด็ก โค้กคัพ เฟ้นแข้งยู-17 ลุย ฟุตบอลโลก ในรูปแบบใหม่ จะช่วยเติมเต็มทรัพยากรนักกีฬา และเปิดประตูสู่ทีมชาติไทยในเวทีโลกมากยิ่งขึ้น

การแข่งขันโค้กคัพลีกเยาวชนนี้ห่างหายไปนาน 6 ปี นับจากครั้งล่าสุดในปี 2019 และครั้งนี้จะจัดต่อเนื่อง 3 ปี ตั้งแต่ปี 2569 ถึง 2571 โดยโคคา-โคล่าสนับสนุนงบประมาณปีละ 15 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 45 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่ยิ่งใหญ่เพื่ออนาคตฟุตบอลไทย

รายละเอียดการแข่งขันโค้กคัพ ยู-17

ในปีแรก พ.ศ. 2569 การแข่งขันจะมีถึง 195 นัด โดยคัดเลือกทีมจาก 192 ทีมทั่ว 6 ภูมิภาคของประเทศ การแข่งขันจะเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคม ทีมแชมป์จะได้รับเงินรางวัล 1 ล้านบาท ส่วนอันดับรองลงมาจะได้ 5 แสนบาท นอกจากนี้ ยังมีโอกาสให้ผู้เล่นยู-17 เหล่านี้ได้พัฒนาทักษะสู่ระดับอาชีพและทีมชาติ

  • จำนวนทีม: 192 ทีมจาก 6 ภูมิภาค
  • ระยะเวลา: พฤษภาคม – สิงหาคม 2569
  • เงินสนับสนุน: 15 ล้านบาทต่อปี รวม 45 ล้านบาท
  • รางวัล: แชมป์ 1 ล้านบาท, อันดับ 2-? 5 แสนบาท
  • เป้าหมาย: เฟ้นหานักเตะสู่ฟุตบอลโลกยู-17

โครงการนี้ไม่เพียงแต่สร้างเวทีแข่งขัน แต่ยังส่งเสริมสุขภาพและจิตใจของเยาวชนผ่านกีฬา โดยโคคา-โคล่าจะมีส่วนร่วมในการฝึกอบรมโค้ชและพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวก ทำให้ฟุตบอลเยาวชนไทยมีมาตรฐานสูงขึ้น

ในมุมมองของผม การลงทุน 45 ล้านบาทนี้คือการจุดประกายให้เด็กไทยหลายพันคนได้ใฝ่ฝันเป็นนักเตะอาชีพ ฟุตบอลไทยกำลังเติบโต และโค้กคัพจะเป็นตัวเร่งสำคัญสู่ความสำเร็จในฟุตบอลโลก หากคุณเป็นผู้ปกครองหรือแฟนบอล อย่าลืมสนับสนุนและติดตามการแข่งขัน เพื่อเป็นกำลังใจให้เยาวชนไทยก้าวไกลยิ่งขึ้น

สุดท้ายแล้ว โครงการ ทุ่ม 45 ล้านคืนชีพบอลเด็ก โค้กคัพ เฟ้นแข้งยู-17 ลุย ฟุตบอลโลก ไม่ใช่แค่การแข่งขัน แต่คือการลงทุนในอนาคตของชาติ ลองนึกภาพนักเตะไทยยู-17 กำลังลุยฟุตบอลโลก นั่นคือความฝันที่ใกล้เข้ามาแล้ว!

ที่มา – ทุ่ม 45 ล้านคืนชีพบอลเด็ก โค้กคัพ เฟ้นแข้งยู-17 ลุย ฟุตบอลโลก

สุรชาติ วัย 39 ปี ซัดเบิ้ลพา บีจี ปทุม ไล่ต้อน การท่าเรือ

สุรชาติ วัย 39 ปี ซัดเบิ้ลพา บีจี ปทุม ไล่ต้อน การท่าเรือ บิ๊กแมตช์ไทยลีก

การแข่งขันฟุตบอลไทยลีกฤดูกาล 2025/26 กำลังเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในบิ๊กแมตช์ที่แฟนบอลเฝ้ารอคอย เมื่อทีม บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เปิดบ้านรับการมาเยือนจาก การท่าเรือ เอฟซี ในรายการ บีวายดี ซีไลออน ซิก ลีก หนึ่ง เมื่อวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา เกมนี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและประตูที่สวยงาม โดยเฉพาะผลงานของดาวยิงวัย 39 ปีอย่าง สุรชาติ สารีพิมพ์ ที่กลายเป็นฮีโร่ของทีมเจ้าบ้าน

สุรชาติ วัย 39 ปี ซัดเบิ้ลพา บีจี ปทุม ไล่ต้อน การท่าเรือ บิ๊กแมตช์ไทยลีก

ในนัดนี้ สุรชาติ วัย 39 ปี ซัดเบิ้ลพา บีจี ปทุม ไล่ต้อน การท่าเรือ บิ๊กแมตช์ไทยลีก อย่างน่าประทับใจ บีจี ปทุม ทำเกมบุกได้เหนือกว่าอย่างชัดเจน โดยประตูแรกมาจากสุรชาติในช่วงทดเจ็บครึ่งแรก นาที 45+2 ซึ่งเป็นลูกยิงที่เฉียบคมเข้าเสาไกล ทำให้ทีมขึ้นนำ 1-0 และจบครึ่งแรกด้วยความได้เปรียบ จากนั้นในครึ่งหลัง นาที 58 สุรชาติก็ซัดประตูที่สองเข้าไปอีกครั้ง ช่วยให้ทีมนำ 2-0 และรักษาสกอร์นี้ไว้ได้จนจบเกม

ผลงานของสุรชาติในวัย 39 ปีนี้พิสูจน์ให้เห็นถึงประสบการณ์และความฟิตที่ยังคงล้นเหลือ แม้จะเป็นนักเตะรุ่นใหญ่ แต่เขายังคงเป็นตัวอันตรายในกรอบเขตโทษ โดยเฉพาะการจบสกอร์ที่เฉียบขาด เกมนี้บีจี ปทุม ครองบอลได้มากกว่า 58% และสร้างโอกาสยิงเข้ากรอบถึง 8 ครั้ง ขณะที่การท่าเรือดูจะมีปัญหาในการบุก โดยเฉพาะเกมเยือนที่พวกเขายังไม่สามารถยิงประตูได้เลยในฤดูกาลนี้ และยังไม่ชนะใครนอกบ้านอีกด้วย

ผลกระทบต่อตารางคะแนนหลังบิ๊กแมตช์

ชัยชนะนี้ทำให้ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เก็บเพิ่มเป็น 10 คะแนน รั้งอันดับ 4 ของตารางการแข่งขันไทยลีก ในขณะที่ การท่าเรือ เอฟซี ยังคงมีเพียง 7 คะแนน จมอยู่ที่อันดับ 8 สถิติที่ย่ำแย่ของทีมเยือนในเกมเยือนนี้อาจเป็นสัญญาณเตือนให้โค้ชต้องปรับปรุงระบบรับมือกับการบุกของคู่แข่ง โดยเฉพาะทีมชั้นนำอย่างบีจี ปทุม

นอกจากนี้ ในบิ๊กแมตช์คู่อื่นที่น่าสนใจ ราชบุรี เอฟซี ซึ่งยังไม่แพ้ใครในฤดูกาลนี้และรั้งอันดับ 2 เปิดบ้านรับแบงค็อก ยูไนเต็ด เกมนี้ทั้งสองทีมสู้กันสูสี แต่เป็นแบงค็อกที่ฉกฉวยโอกาสได้ดีกว่า โดย ริไชโร ซิฟโควิช ทำประตูชัยในนาที 19 ช่วยให้ทีมบุกมาชนะ 1-0 ส่งผลให้แบงค็อกขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 3 ด้วย 13 คะแนน ส่วนราชบุรีแพ้เป็นนัดแรก แต่ยังคงรั้งอันดับ 2 ด้วยคะแนนเท่าๆ กัน

ส่วนอีกคู่ที่เข้มข้นไม่แพ้กัน คือ นครราชสีมา เอฟซี เปิดบ้านเจอ เมืองทอง ยูไนเต็ด เกมนี้ทั้งสองทีมเปิดแลกกันอย่างสนุกสนาน โดยเมืองทองขึ้นนำก่อน 1-0 จากประตูในนาที 59 แต่ นครราชสีมาก็มี เดนนิส มูริลโล ฮีโร่ซัดตีเสมอในนาที 82 ทำให้จบลงด้วยสกอร์ 1-1 แบ่งแต้มกันไป นครราชสีมาเก็บเพิ่มเป็น 7 คะแนน รั้งอันดับ 9 ขณะที่ เมืองทองมี 8 คะแนน อยู่อันดับ 7

จากผลการแข่งขันเหล่านี้ แสดงให้เห็นถึงความสูสีของไทยลีกฤดูกาลนี้ โดยทีมหัวตารางอย่างบีจี ปทุมและแบงค็อกกำลังไล่ล่าตำแหน่งจ่าฝูงอย่างใกล้ชิด ในขณะที่ทีมอย่างการท่าเรือและราชบุรีต้องหาทางแก้ไขจุดอ่อนเพื่อไม่ให้หลุดจากโซนบน สุรชาติ วัย 39 ปี ซัดเบิ้ลพา บีจี ปทุม ไล่ต้อน การท่าเรือ บิ๊กแมตช์ไทยลีก ยังคงเป็นไฮไลต์ที่แฟนบอลพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง

  • ประตูสำคัญ: สุรชาติ 2 ประตู
  • สถิติบีจี: ครองบอล 58%, ยิงเข้ากรอบ 8 ครั้ง
  • ปัญหาการท่าเรือ: ไม่ยิงประตูในเกมเยือน
  • ผลอื่นๆ: แบงค็อกชนะราชบุรี 1-0, นครราชสีมาเสมอเมืองทอง 1-1

การแข่งขันไทยลีกยังคงมีเซอร์ไพรส์รออยู่มากมาย แฟนบอลควรติดตามทุกนัดเพื่อไม่พลาดโมเมนต์สำคัญ โดยเฉพาะผลงานของนักเตะอาวุโสอย่างสุรชาติที่ยังคงสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กรุ่นใหม่ได้ ในมุมมองของผม ชัยชนะของบีจี ปทุมครั้งนี้ไม่ใช่แค่จากประตูของสุรชาติ แต่ยังมาจากการเล่นเป็นทีมที่สามัคคี หากการท่าเรือปรับตัวได้ทัน ฤดูกาลนี้ยังลุ้นสนุกแน่นอน

ที่มา – สุรชาติ วัย 39 ปี ซัดเบิ้ลพา บีจี ปทุม ไล่ต้อน การท่าเรือ บิ๊กแมตช์ไทยลีก

นครราชสีมา ไล่เจ๊า เมืองทอง ท้ายเกม แบ่งแต้ม ศึก ไทยลีก

นครราชสีมา ไล่เจ๊า เมืองทอง ท้ายเกม แบ่งแต้ม ศึก ไทยลีก

การแข่งขันฟุตบอลไทยลีกในรายการ บีวายดี ซีไลออน ซิก ลีก หนึ่ง ฤดูกาล 2025/26 กำลังเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เมื่อวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา สโมสรนครราชสีมา เอฟซี เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของทีมเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ในศึกที่แฟนบอลต่างเฝ้ารอคอย เกมนี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและการลุ้นเชียร์ที่สนุกสุดมันส์ จนสุดท้ายทั้งสองทีมต้องแบ่งแต้มกันไปแบบ 1-1

แมตช์นี้เริ่มต้นด้วยการเล่นที่สูสี ทั้งสองทีมเปิดแลกกันตั้งแต่ต้นเกม นครราชสีมา ที่เล่นในถิ่นของตัวเอง พยายามใช้ความได้เปรียบจากแฟนบอลเพื่อกดดันคู่แข่ง ขณะที่เมืองทอง ทีมที่มีชื่อเสียงในลีก พยายามตั้งรับและรอจังหวะโต้กลับ แต่กระทั่งนาทีที่ 59 เมืองทอง ก็มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากการโจมตีที่เฉียบคม ทำให้แฟนบอลเจ้าบ้านต้องเงียบกริบและต้องลุ้นหนัก

นครราชสีมา ไล่เจ๊า เมืองทอง ท้ายเกม แบ่งแต้ม ศึก ไทยลีก

อย่างไรก็ตาม นครราชสีมา ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ พวกเขาปรับแท็คติกและบุกหนักขึ้นในครึ่งหลัง โดยเฉพาะในช่วงท้ายเกม นาทีที่ 82 เดนนิส มูริลโล นักเตะบราซิลของทีมเจ้าบ้าน มาเป็นฮีโร่ซัดประตูตีเสมอได้สำเร็จ ทำให้สกอร์กลายเป็น 1-1 และจบเกมด้วยผลเสมอ แฟนบอลนครราชสีมา เชื่อว่าประตูนี้คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ทีมรอดพ้นจากความพ่ายแพ้

ผลจากการ นครราชสีมา ไล่เจ๊า เมืองทอง ท้ายเกม แบ่งแต้ม ศึก ไทยลีก นี้ ทำให้ทีมเจ้าบ้านเก็บเพิ่มเป็น 7 คะแนน รั้งอันดับ 9 ของตารางคะแนน ในขณะที่เมืองทอง เก็บเพิ่มเป็น 8 คะแนน ขึ้นอยู่อันดับ 7 การแบ่งแต้มครั้งนี้ถือเป็นผลลัพธ์ที่ยุติธรรมสำหรับทั้งสองทีม ซึ่งต่างก็มีโอกาสครองชัยชนะได้ในช่วงเวลาต่างๆ ของเกม

นครราชสีมา ไล่เจ๊า เมืองทอง ท้ายเกม: จุดเด่นของการแข่งขัน

ในการแข่งขันครั้งนี้ นครราชสีมา แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและทีมเวิร์คที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะแนวรุกที่คอยสร้างสรรค์โอกาสตลอดทั้งแมตช์ เดนนิส มูริลโล ได้รับคำชื่นชมอย่างมากจากประตูสำคัญนี้ ซึ่งช่วยรักษาแต้มสำคัญไว้ให้ทีม ขณะที่เมืองทอง ก็มีจุดเด่นในเกมรับที่เหนียวแน่น แต่การเสียประตูท้ายเกมอาจเป็นบทเรียนสำหรับโค้ชในการปรับปรุง

นอกจากแมตช์หลักแล้ว ยังมีบิ๊กแมตช์ที่น่าติดตามอย่าง ราชบุรี เอฟซี ที่ยังคงไม่แพ้ใคร รั้งอันดับ 2 ของตาราง เปิดบ้านรับการมาเยือนของแบงค็อก ยูไนเต็ด ทีมแกร่งจากกรุงเทพฯ เกมนี้ทั้งสองทีมเล่นกันสูสีและดุเดือด ราชบุรี พยายามใช้ความได้เปรียบในบ้านกดดัน แต่แบงค็อก ที่มีฟอร์มร้อนแรง กลับทำได้ดีกว่า โดยริไชโร ซิฟโควิช มาซัดประตูชัยในนาทีที่ 19 ทำให้จบเกมด้วยชัยชนะ 1-0 ของทีมเยือน

ผลกระทบจากการแข่งขันนี้ แบงค็อก ยูไนเต็ด เก็บเพิ่มเป็น 13 คะแนน รั้งอันดับ 3 ของลีก ขณะที่ราชบุรี แพ้เป็นนัดแรกในฤดูกาลนี้ แต่ยังคงมี 13 คะแนน รั้งอันดับ 2 ต่อไป การแพ้ครั้งนี้สำหรับราชบุรี ถือเป็นการเตือนใจให้ทีมต้องปรับตัวให้ดีขึ้นในนัดต่อๆ ไป

  • ประเด็นสำคัญของนครราชสีมา: การไล่ตีเสมอท้ายเกมแสดงถึงจิตวิญญาณนักสู้
  • เมืองทอง: ต้องปรับปรุงเกมรับช่วงท้ายเพื่อป้องกันการเสียแต้มง่ายๆ
  • แบงค็อก: ชัยชนะนอกบ้านช่วยเสริมความมั่นใจให้ทีม
  • ราชบุรี: ยังคงเป็นทีมแข็งแกร่ง แม้จะแพ้ครั้งแรก

ฤดูกาลไทยลีก 2025/26 นี้กำลังจะเข้มข้นยิ่งขึ้น ด้วยการแข่งขันที่สูสีในทุกนัด แฟนบอลไม่ควรพลาดการติดตามผลงานของทีมต่างๆ โดยเฉพาะ นครราชสีมา ไล่เจ๊า เมืองทอง ท้ายเกม แบ่งแต้ม ศึก ไทยลีก ที่เป็นตัวอย่างของฟุตบอลที่น่าตื่นเต้น หากคุณเป็นแฟนบอลไทยลีก ลองแบ่งปันความคิดเห็นในคอมเมนต์ว่าคุณคิดอย่างไรกับผลการแข่งขันนี้ และทีมไหนจะเป็นแชมป์ฤดูกาลนี้

ในมุมมองของผม การเสมอครั้งนี้ช่วยให้ทั้งสองทีมได้เรียนรู้และพัฒนา ซึ่งจะนำไปสู่การแข่งขันที่ดีขึ้นในอนาคต

ที่มา – นครราชสีมา ไล่เจ๊า เมืองทอง ท้ายเกม แบ่งแต้ม ศึก ไทยลีก

โค้ชเตี้ย อยากคุมทีมชาติไทย

โค้ชเตี้ย อยากคุมทีมชาติไทย: เสียงชื่นชมจากเดอะตุ๊ก

ในวงการฟุตบอลไทยช่วงนี้ มีข่าวที่น่าสนใจมาก ๆ เลยทีเดียว โดยเฉพาะเรื่อง โค้ชเตี้ย อยากคุมทีมชาติ ซึ่งกลายเป็นหัวข้อที่แฟนบอลพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง หลังจากที่ “เดอะตุ๊ก” นาวาอากาศเอก ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ตำนานนักฟุตบอลทีมชาติไทย และปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการกลางและโฆษกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้ออกมาแสดงความชื่นชอบในสไตล์การทำทีมของ “โค้ชเตี้ย” สะสม พบประเสริฐ กุนซือของพีที ประจวบ เอฟซี ในไทยลีก

เดอะตุ๊กย้ำชัดว่าสไตล์ของโค้ชเตี้ยนั้นเหมาะสมกับทีมระดับกลาง เพราะเขาคุมทีมมาอย่างยาวนานกว่า 10 ปี รู้จักวิธีการพัฒนาทีมให้แข็งแกร่งและยั่งยืน หากเดอะตุ๊กมีอำนาจตัดสินใจ เขาจะแต่งตั้งโค้ชเตี้ยเป็นกุนซือทีมชาติไทยชุดใหญ่ทันที คำพูดนี้ไม่ใช่แค่คำชื่นชมธรรมดา แต่เป็นการยอมรับจากรุ่นพี่ในวงการที่ผ่านประสบการณ์มามากมาย ทำให้แฟนบอลหลายคนเริ่มมองเห็นศักยภาพของโค้ชเตี้ยในระดับชาติ

โค้ชเตี้ย อยากคุมทีมชาติ: ความรู้สึกจริงใจจากกุนซือมากประสบการณ์

หลังจากได้ยินคำชื่นชมจากเดอะตุ๊ก โค้ชเตี้ย สะสม พบประเสริฐ ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์อย่างตรงไปตรงมา โดยบอกว่า “เคลิ้มเหมือนกันนะ ใครบ้างไม่อยากติดทีมชาติ ทหารยังอยากไปรบเลย ผมก็อยากรับใช้ชาติเหมือนกัน เพราะฉะนั้นไม่ต้องเขินอาย ผมไม่ได้เป็นคนพูด ถ้าผมเป็นคนพูดว่าไปอย่าง แต่นี่ระดับตำนานเป็นคนพูด ขอบคุณพี่ตุ๊กมาก” คำพูดนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความรักชาติของโค้ชเตี้ย ที่พร้อมจะก้าวขึ้นสู่เวทีใหญ่หากมีโอกาส

สำหรับประวัติของโค้ชเตี้ยนั้น เขาเริ่มเข้ามารับงานกับพีที ประจวบตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2024 และสามารถพาทีมรอดจากการตกชั้นได้อย่างน่าประทับใจ แม้จะเพิ่งเข้ามาคุมทีมในช่วงวิกฤติก็ตาม ในฤดูกาล 2025/26 ทีมพีที ประจวบ ลงเล่นไป 6 นัด ชนะ 1 เสมอ 3 และแพ้ 2 นัด มี 6 คะแนน รั้งอันดับ 10 ของตารางไทยลีก ซึ่งถือว่าฟอร์มดีขึ้นกว่าเดิมมาก

สไตล์การทำทีมของโค้ชเตี้ยที่ทำให้เดอะตุ๊กประทับใจ

สไตล์การทำทีมของโค้ชเตี้ยเน้นไปที่การสร้างวินัยและการเล่นที่เป็นระบบ โดยเฉพาะการปรับจูนผู้เล่นให้เข้ากับจุดแข็งของทีม เขามีประสบการณ์คุมทีมหลายสโมสรในไทยลีก ทำให้รู้จักนักเตะไทยเป็นอย่างดี หาก โค้ชเตี้ย อยากคุมทีมชาติ จริง ๆ นี่อาจเป็นโอกาสทองสำหรับฟุตบอลไทย ที่ต้องการกุนซือที่เข้าใจวัฒนธรรมและสไตล์การเล่นของนักเตะไทยแบบลึกซึ้ง

ในอดีต โค้ชเตี้ยเคยประสบความสำเร็จกับทีมชลบุรี เอฟซี และทีมอื่น ๆ ที่เขาคุม โดยพาทีมคว้าแชมป์ลีกคัพและสร้างทีมที่แข็งแกร่ง การที่เขาสามารถปรับทีมพีที ประจวบให้มีฟอร์มดีขึ้นในฤดูกาลนี้ ยิ่งตอกย้ำถึงความสามารถของเขา แฟนบอลหลายคนเริ่มวิเคราะห์ว่า หากโค้ชเตี้ยได้คุมทีมชาติ เขาน่าจะนำเสนอแท็คติกที่เน้นการครองบอลและการโต้กลับเร็ว ซึ่งเหมาะกับผู้เล่นไทยที่มีความคล่องตัวสูง

  • ประสบการณ์ยาวนานกว่า 10 ปีในไทยลีก
  • ความสำเร็จในการพาทีมรอดตกชั้น
  • สไตล์ทำทีมที่เหมาะกับทีมชาติไทย
  • ความมุ่งมั่นในการรับใช้ชาติ

นอกจากนี้ การที่เดอะตุ๊กซึ่งเป็นตำนานทีมชาติออกมาชื่นชม ก็ช่วยเพิ่มน้ำหนักให้กับโค้ชเตี้ยในสายตาของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ หากมีการเปลี่ยนแปลงกุนซือทีมชาติในอนาคต ชื่อของโค้ชเตี้ยอาจถูกพิจารณาอย่างจริงจัง

อย่างไรก็ตาม ฟุตบอลไทยยังมีกุนซือฝีมือดีอีกหลายคน แต่การที่ โค้ชเตี้ย อยากคุมทีมชาติ และได้รับการสนับสนุนจากรุ่นพี่ ทำให้แฟนบอลรู้สึกตื่นเต้นกับความเป็นไปได้นี้ ในยุคที่ทีมชาติไทยต้องการก้าวสู่ระดับเอเชียที่สูงขึ้น การมีโค้ชที่เข้าใจนักเตะไทยลึกซึ้งอย่างโค้ชเตี้ย อาจเป็นกุญแจสำคัญ

สุดท้ายนี้ ผมคิดว่าโอกาสนี้เป็นสิ่งที่น่าจับตา หากสมาคมฯ มองเห็นศักยภาพจริง แฟนบอลไทยอาจได้เห็นโค้ชเตี้ยนำทัพช้างศึกสู่ความสำเร็จ คุณคิดอย่างไร ลองแสดงความเห็นในคอมเมนต์ด้านล่างนี้ และอย่าลืมติดตามข่าวฟุตบอลไทยอัปเดตที่นี่!

ที่มา – เคลิ้มนะ ! โค้ชเตี้ย ยอมรับอยากคุมทีมชาติ หลัง เดอะตุ๊ก ชื่นชอบสไตล์ทำทีม

พีที ประจวบ เปิดบ้าน ชนะ พลังกาญจน์ เก็บชัยนัดแรก

ศึกฟุตบอลไทยลีก บีวายดี ซีไลอ้อนซิกซ์ ลีกหนึ่ง ฤดูกาล 2025/26 เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2568 เป็นวันที่แฟนบอล พีที ประจวบ ได้เฮกันดังๆ เพราะทีมรักเปิดบ้านต้อนรับ พลังกาญจน์

และผลที่ออกมาก็คือ พีที ประจวบ โชว์ฟอร์มเหนือกว่า เอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 2-0 โดยได้ประตูจาก ปราชญา ฝัดสุภาพ ของพลังกาญจน์ ทำเข้าประตูตัวเองในนาทีที่ 37 และ มิเชล ลิมา มายิงจุดโทษปิดกล่องในนาทีที่ 83 เกมนี้ พลังกาญจน์ ต้องเหลือผู้เล่น 10 คน เมื่อ โมฮาเหม็ด มารา โดนใบแดงไล่ออกในนาทีที่ 58

ชัยชนะนัดนี้ทำให้ พีที ประจวบ เก็บเพิ่มเป็น 5 คะแนน จาก 5 นัดที่ลงสนาม ส่วน พลังกาญจน์ ยังคงมีแค่ 3 คะแนน และยังไม่สามารถคว้าชัยชนะได้เลยในฤดูกาลนี้

ในส่วนของคู่อื่นๆ ที่น่าสนใจ ลำพูน วอริเออร์ เปิดบ้านดวลกับ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี เกมนี้สู้กันสนุก จบลงด้วยผลเสมอสุดมันส์ 2-2 โดย อนันต์ ยอดสังวาลย์ ยิงให้ ลำพูน ขึ้นนำก่อนในนาทีที่ 18 แต่ เนนาด ลาลิช ก็มาตีเสมอให้ นครราชสีมา ในนาทีที่ 33

ถึงแม้ว่า โมฮัมเหม็ด ออสมาน จะมายิงให้ ลำพูน ขึ้นนำอีกครั้งเป็น 2-1 ในนาทีที่ 54 แต่ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาที 90+1 ชิษณุพงศ์ พิมพ์สังข์ ก็มายิงประตูสำคัญช่วยให้ทีมเยือนตามตีเสมอเป็น 2-2 ได้สำเร็จ

จบเกมทั้งสองทีมแบ่งแต้มกันไป ลำพูน แข่ง 5 นัด มี 5 คะแนน รั้งอันดับ 10 ของตาราง ส่วน นครราชสีมา แข่ง 5 นัด มี 6 คะแนน รั้งอันดับ 7

อีกคู่ที่น่าติดตาม อุทัยธานี เอฟซี เปิดบ้านเสมอ สุโขทัย เอฟซี ไปด้วยสกอร์ 1-1 ทำให้ อุทัยธานี ยังคงจมอยู่ในอันดับสุดท้ายของตาราง โดยมีเพียง 2 คะแนน และยังไม่สามารถเก็บชัยชนะได้เลยในฤดูกาลนี้ ส่วน สุโขทัย มี 5 คะแนน จาก 5 นัด รั้งอันดับ 11

พีที ประจวบ เปิดบ้านต้อน พลังกาญจน์ 10 คน เก็บชัยนัดแรก ใน ไทยลีก ซีซั่นนี้

สรุปผลการแข่งขันที่น่าสนใจในสัปดาห์นี้:

  • พีที ประจวบ ชนะ พลังกาญจน์ 2-0
  • ลำพูน วอริเออร์ เสมอ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี 2-2
  • อุทัยธานี เอฟซี เสมอ สุโขทัย เอฟซี 1-1

ไฮไลท์สำคัญ: พีที ประจวบ คว้าชัยชนะนัดแรก!

ชัยชนะของ พีที ประจวบ ในนัดนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของทีม หลังจากที่ผลงานในช่วงต้นฤดูกาลยังไม่ค่อยดีนัก การเก็บ 3 แต้มในบ้านต่อหน้าแฟนบอล จะช่วยสร้างความมั่นใจและเป็นแรงผลักดันให้ทีมทำผลงานได้ดีขึ้นในนัดต่อๆ ไป

สำหรับ พลังกาญจน์ คงต้องกลับไปทำการบ้านอย่างหนัก โดยเฉพาะเรื่องของวินัยในการเล่น หลังจากที่ต้องเสียผู้เล่นไป 1 คนจากใบแดง การปรับปรุงทีมเวิร์คและแก้ไขข้อผิดพลาดต่างๆ จะเป็นกุญแจสำคัญในการกลับมาทำผลงานให้ดีขึ้นในอนาคต

โดยรวมแล้ว ไทยลีกฤดูกาลนี้ยังคงเต็มไปด้วยความสนุก ตื่นเต้น และพลิกผัน แฟนบอลต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดว่าทีมใดจะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นแชมป์ในท้ายที่สุด

ที่มา – พีที ประจวบ เปิดบ้านต้อน พลังกาญจน์ 10 คน เก็บชัยนัดแรก ใน ไทยลีก ซีซั่นนี้