ชิป Ai

Samsung-SK hynix จับมือ OpenAI เพิ่มชิป AI

Samsung-SK hynix ประกาศร่วมมือ OpenAI หวังเพิ่มอุปทานชิป AI ขั้นสูง

บริษัทซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ (Samsung Electronics) และเอสเค ไฮนิกซ์ (SK hynix) สองยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตชิปจากเกาหลีใต้ ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับ OpenAI ผู้นำด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) จากสหรัฐอเมริกา โดยมีเป้าหมายเพื่อร่วมกันพัฒนาและขยายอุปทานของชิป AI ขั้นสูง

ความร่วมมือนี้จะทำให้ทั้งสองบริษัทมีส่วนร่วมในโครงการ Stargate ของ OpenAI ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยี AI แห่งอนาคต ความต้องการชิปสำหรับ AI กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และความร่วมมือนี้จะช่วยให้ OpenAI สามารถเข้าถึงชิปหน่วยความจำขั้นสูงที่จำเป็นต่อการพัฒนาโมเดล AI ที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น

OpenAI ผู้พัฒนา ChatGPT ระบุว่า ความร่วมมือนี้จะเน้นไปที่การเพิ่มอุปทานของชิปหน่วยความจำขั้นสูง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของ AI ยุคหน้า รวมถึงการขยายขีดความสามารถของศูนย์ข้อมูลในเกาหลีใต้ นอกจากนี้ ซัมซุงและเอสเค ไฮนิกซ์ มีแผนที่จะขยายการผลิตชิปหน่วยความจำขั้นสูง ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนโมเดล AI ของ OpenAI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การประกาศความร่วมมือ Samsung-SK hynix ประกาศร่วมมือ OpenAI หวังเพิ่มอุปทานชิป AI ขั้นสูง ส่งผลให้หุ้นของซัมซุงพุ่งสูงขึ้นกว่า 4% ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2564 ขณะที่หุ้นของเอสเค ไฮนิกซ์ ก็ทะยานขึ้นกว่า 9% แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2543 ในตลาดหุ้นเกาหลีใต้

การประกาศครั้งนี้เกิดขึ้นระหว่างที่ แซม อัลต์แมน ซีอีโอของ OpenAI เดินทางมาเยือนกรุงโซลและได้พบปะกับประธานาธิบดีเกาหลีใต้อี แจ-มย็อง รวมถึงผู้บริหารระดับสูงของซัมซุง และเอสเค ไฮนิกซ์ นอกจากนี้ OpenAI ยังได้ลงนามในข้อตกลงหลายฉบับเพื่อสำรวจการพัฒนาศูนย์ข้อมูล AI ยุคใหม่ในเกาหลีใต้ โดยมีความร่วมมือกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และไอซีทีของเกาหลีใต้, SK Telecom ผู้ให้บริการโทรคมนาคม และบริษัทในเครือของซัมซุง

ก่อนหน้านี้ เอสเค ไฮนิกซ์ ได้ประกาศความพร้อมในการผลิตชิปหน่วยความจำแบนด์วิดท์สูง (HBM) รุ่นใหม่เพื่อจำหน่ายในปริมาณมาก ซึ่งเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำในห่วงโซ่คุณค่าของเทคโนโลยี AI โดย HBM เป็นชิปหน่วยความจำที่ใช้สำหรับการประมวลผล AI และมีการใช้งานในชิปของ Nvidia ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ของเอสเค ไฮนิกซ์

อนาคตของ AI และ Samsung-SK hynix ประกาศร่วมมือ OpenAI หวังเพิ่มอุปทานชิป AI ขั้นสูง

ความร่วมมือระหว่าง Samsung, SK hynix และ OpenAI ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยี AI และแสดงให้เห็นถึงความต้องการชิป AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต ความสามารถในการผลิตชิปคุณภาพสูงและตอบสนองความต้องการของตลาดจะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของ AI และสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ อีกมากมาย

การร่วมมือกันของยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีเหล่านี้ ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของแต่ละบริษัท แต่ยังมีส่วนสำคัญในการผลักดันให้เกาหลีใต้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยี AI ระดับโลก ตลาดชิป AI กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว Samsung-SK hynix ประกาศร่วมมือ OpenAI หวังเพิ่มอุปทานชิป AI ขั้นสูง จึงเป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดในการคว้าโอกาสในตลาดนี้

สุดท้ายแล้ว การเข้าถึงชิป AI ขั้นสูงที่เพิ่มขึ้น จะนำไปสู่การพัฒนาโมเดล AI ที่ฉลาดและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อหลากหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่การแพทย์ การเงิน ไปจนถึงการขนส่งและพลังงาน เราจะได้เห็น AI เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น และสร้างการเปลี่ยนแปลงในโลกที่เราอาศัยอยู่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

ที่มา – Samsung-SK hynix ประกาศร่วมมือ OpenAI หวังเพิ่มอุปทานชิป AI ขั้นสูง

ซีอีโอ Nvidia เยือนไทเป เจรจาส่งออกชิป AI ให้จีน

เจนเซน หวง ซีอีโอของอินวิเดีย (Nvidia) เดินทางถึงกรุงไทเปเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม เพื่อเยี่ยมเยียนบริษัท TSMC ซึ่งเป็นพันธมิตรผู้ผลิตชิป ท่ามกลางความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐฯ และจีน เกี่ยวกับการเข้าถึงชิป AI ชั้นนำของบริษัท

“วัตถุประสงค์หลักของผมในการมาที่นี่คือเพื่อมาเยี่ยมเยียน TSMC” หวงกล่าวกับผู้สื่อข่าว พร้อมเสริมว่า เขาจะอยู่ที่ TSMC เพียงไม่กี่ชั่วโมงและจะเดินทางกลับหลังรับประทานอาหารค่ำกับคณะผู้บริหารของ TSMC

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ส่งสัญญาณเปิดทางให้มีความเป็นไปได้ที่จะอนุญาตให้ขายชิปอินวิเดียที่ล้ำหน้ากว่ารุ่น H20 ในประเทศจีนได้

อินวิเดียกำลังพัฒนาชิปรุ่นใหม่ที่ใช้ชื่อชั่วคราวว่า B30A ซึ่งใช้สถาปัตยกรรม Blackwell ล่าสุด และจะมีประสิทธิภาพสูงกว่ารุ่น H20

เมื่อถูกถามถึงชิป B30A หวงกล่าวว่า อินวิเดียกำลังเจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯ เกี่ยวกับการเสนอชิปรุ่นถัดจาก H20 ให้กับจีน แต่การตัดสินใจขั้นสุดท้ายไม่ได้ขึ้นอยู่กับบริษัท

“แน่นอนว่าเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับรัฐบาลสหรัฐฯ และเรากำลังพูดคุยกับพวกเขาอยู่ แต่ยังเร็วเกินไปที่จะบอกได้” หวงกล่าว

อย่างไรก็ตาม ความพยายามของอินวิเดียในการรักษาส่วนแบ่งการตลาดในจีนมีความซับซ้อนมากขึ้น เนื่องจากข้อกล่าวหาจากสื่อของรัฐบาลจีนที่ว่า ชิปของบริษัทสหรัฐฯ อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านความมั่นคง

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทางการจีนได้มีคำสั่งเรียกบริษัทสัญชาติจีนเข้าพบเพื่อหารือถึงกรณีการจัดซื้อชิป H20 พร้อมทั้งแสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อความเสี่ยงด้านความมั่นคงของข้อมูล

หวงกล่าวว่า การส่งมอบชิป H20 ไปยังจีนไม่ได้เป็นข้อกังวลด้านความมั่นคงของชาติ และการที่สามารถส่งมอบชิป H20 ไปยังจีนได้นั้นเป็นเรื่องที่ “น่าขอบคุณอย่างยิ่ง”

อินวิเดียได้มีคำสั่งให้บริษัทแอมคอร์ เทคโนโลยี (Amkor Technology) ยุติสายการผลิตชิป H20 ในสัปดาห์นี้ และได้แจ้งเรื่องไปยังบริษัทซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ (Samsung Electronics) ด้วยเช่นกัน

บริษัทแอมคอร์เป็นผู้รับผิดชอบกระบวนการประกอบและบรรจุชิปขั้นสูง ส่วนบริษัทซัมซุงเป็นผู้จัดส่งชิปหน่วยความจำสมรรถนะสูง (high-bandwidth memory) สำหรับชิปรุ่นดังกล่าว

โฆษกของอินวิเดียระบุว่า “ทางบริษัทฯ มีการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สอดรับกับสภาวการณ์ของตลาด” พร้อมเสริมว่า “ดังที่รัฐบาลของทั้งสองชาติเป็นที่รับทราบกันดีว่า ชิป H20 นั้นไม่ใช่ยุทโธปกรณ์ทางการทหาร หรือมีไว้สำหรับโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ”

“ทางการจีนย่อมไม่พึ่งพาชิปจากอเมริกาเพื่อการดำเนินงานของภาครัฐฉันใด รัฐบาลสหรัฐฯ ก็ย่อมไม่พึ่งพาชิปจากจีนฉันนั้น อย่างไรก็ตาม การอนุญาตให้ใช้ชิปของสหรัฐฯ เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจเชิงพาณิชย์นั้นเป็นสิ่งที่ดีสำหรับทุกฝ่าย” โฆษกฯ กล่าว

เมื่อต้นเดือนนี้ รัฐบาลทรัมป์ได้บรรลุข้อตกลงกับอินวิเดียและ AMD ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงเพื่อให้ได้มาซึ่งใบอนุญาตในการส่งออก โดยภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว รัฐบาลสหรัฐฯ จะได้รับรายได้ 15% ของยอดขายชิปขั้นสูงบางรุ่นในประเทศจีน

ซีอีโอ Nvidia เยือนไทเปเยี่ยม TSMC แย้มเจรจาขอรบ.สหรัฐฯ ส่งออกชิป AI รุ่นใหม่ให้จีน

ประเด็นสำคัญที่น่าจับตาคือ การที่ซีอีโอ Nvidia เยือนไทเปในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่าง Nvidia และ TSMC ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของโลก นอกจากนี้ การที่ Nvidia กำลังเจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อขอส่งออกชิป AI รุ่นใหม่ให้จีน ยิ่งเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงการแข่งขันในตลาดชิป AI ระดับโลก

ทำไมการเจรจาส่งออกชิป AI ของ Nvidia ถึงสำคัญ?

การที่ Nvidia เจรจาขอส่งออกชิป AI ให้จีนนั้น มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อหลายภาคส่วน:

  • Nvidia: จีนเป็นตลาดขนาดใหญ่สำหรับชิป AI หาก Nvidia สามารถส่งออกชิป AI รุ่นใหม่ให้จีนได้ ก็จะสามารถรักษาส่วนแบ่งการตลาดและเพิ่มรายได้ได้
  • จีน: จีนต้องการชิป AI ที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ การขับเคลื่อนอัตโนมัติ และการประมวลผลแบบคลาวด์ หากจีนสามารถเข้าถึงชิป AI ของ Nvidia ได้ ก็จะสามารถเร่งการพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้ได้
  • สหรัฐฯ: รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบว่า การอนุญาตให้ Nvidia ส่งออกชิป AI ให้จีน จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงแห่งชาติอย่างไร หากรัฐบาลสหรัฐฯ อนุญาต อาจทำให้จีนมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากขึ้น แต่หากไม่อนุญาต อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับจีน

สถานการณ์ที่ ซีอีโอ Nvidia เยือนไทเปเยี่ยม TSMC แย้มเจรจาขอรบ.สหรัฐฯ ส่งออกชิป AI รุ่นใหม่ให้จีน นี้ แสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนของความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทเทคโนโลยี รัฐบาล และการเมืองระหว่างประเทศ การตัดสินใจของรัฐบาลสหรัฐฯ จะมีผลกระทบอย่างมากต่ออนาคตของอุตสาหกรรมชิป AI

ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า Nvidia พยายามอย่างยิ่งที่จะรักษาสมดุลระหว่างการปฏิบัติตามกฎระเบียบของสหรัฐฯ และการรักษาผลประโยชน์ทางธุรกิจในตลาดจีน ซึ่งเป็นตลาดที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเติบโตของบริษัท

ที่มา – ซีอีโอ Nvidia เยือนไทเปเยี่ยม TSMC แย้มเจรจาขอรบ.สหรัฐฯ ส่งออกชิป AI รุ่นใหม่ให้จีน