คนงาน

สลด! รถกระบะหลับใน เสยท้าย 10 ล้อ ดับ

อุบัติเหตุสุดสลดเกิดขึ้นเมื่อรถกระบะเกิดอาการหลับใน พุ่งเสยท้าย 10 ล้อเต็มแรง คนนั่งท้ายกระเด็นออกจากรถ ถูกรถที่ขับตามมาทับซ้ำเสียชีวิตกลางถนน

เมื่อเวลา 05.14 น. ของวันที่ 7 ตุลาคม 2568 ร.ต.ท.ศักดิ์ชัย อมรภัคไพศาล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ธรรมศาลา ได้รับแจ้งเหตุรถกระบะหลับในพุ่งชนท้ายรถบรรทุก 10 ล้อ บนถนนบรมราชชนนี ขาออก ช่วงปากซอยบรมราชชนนี 121 แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม. จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลศิริราช และอาสาสมัครมูลนิธิปอเต็กตึ้ง

ในที่เกิดเหตุ พบรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียน กทม. สภาพพุ่งชนท้ายรถบรรทุก 10 ล้อ ยี่ห้อฮีโน่ ทะเบียนป้ายเหลือง สระแก้ว ทำให้คนขับรถกระบะและคนนั่งข้างได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษา

สุดสลด รถกระบะหลับใน พุ่งเสยท้ายรถบรรทุก 10 ล้อเต็มแรงพังยับ คนนั่งท้ายร่างกระเด็น รถขับผ่านมาเบรกไม่ทัน ทับร่างซ้ำดับกลางถนน

สุดสลด รถกระบะหลับใน พุ่งเสยท้ายรถบรรทุก 10 ล้อเต็มแรงพังยับ คนนั่งท้ายร่างกระเด็น รถขับผ่านมาเบรกไม่ทัน ทับร่างซ้ำดับกลางถนน

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังพบผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ทราบชื่อคือ นายเมียต ทู ออง อายุ 40 ปี สัญชาติเมียนมา ซึ่งนั่งอยู่ท้ายรถกระบะ สภาพศพถูกรถยนต์ที่ไม่ทราบว่าเป็นคันใดทับร่างจนเสียชีวิต เจ้าหน้าที่จึงนำศพส่งไปยังสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลศิริราช เพื่อชันสูตร และทำการบันทึกรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุ

จากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่ารถกระบะซึ่งบรรทุกคนงาน (รวมถึงผู้เสียชีวิต) กำลังเดินทางมุ่งหน้าไปตามถนนบรมราชชนนี ในระหว่างทางคนขับรถกระบะเกิดอาการวูบหลับใน ทำให้รถพุ่งเสยท้าย 10 ล้ออย่างแรง เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว

พนักงานสอบสวนกำลังดำเนินการสอบปากคำเพิ่มเติมจากผู้บาดเจ็บและคนขับรถบรรทุก 10 ล้อ เพื่อสรุปสาเหตุที่แท้จริงของอุบัติเหตุในครั้งนี้

รถกระบะหลับใน เสยท้าย 10 ล้อ

อุทาหรณ์จากอุบัติเหตุ รถกระบะหลับใน เสยท้าย 10 ล้อ

อุบัติเหตุในครั้งนี้เป็นอุทาหรณ์ให้ผู้ขับขี่ตระหนักถึงความสำคัญของการพักผ่อนให้เพียงพอ ก่อนการขับรถทางไกล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขับรถในเวลากลางคืน หากรู้สึกอ่อนล้าหรือง่วง ควรจอดพักรถในที่ที่ปลอดภัย เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงเช่นนี้

  • พักผ่อนให้เพียงพอ: นอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง ก่อนเดินทาง
  • หลีกเลี่ยงการขับรถติดต่อกันนานๆ: ควรพักทุกๆ 2-3 ชั่วโมง
  • สังเกตอาการตัวเอง: หากรู้สึกง่วงหรืออ่อนล้า ควรรีบหาที่จอดพัก
  • มีเพื่อนร่วมเดินทาง: ช่วยกันสังเกตอาการและสลับกันขับรถ

การป้องกันอุบัติเหตุจากอาการหลับในเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเองและผู้ร่วมใช้ถนนคนอื่นๆ

เราหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยให้ทุกท่านขับขี่อย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

ที่มา – รถกระบะหลับใน พุ่งเสยท้าย10ล้อ คนนั่งท้ายกระเด็นถูกทับดับสลด

UN วอน เร่งคุ้มครองสุขภาพคนงานจากอากาศร้อนจัด

องค์การสหประชาชาติ (UN) ออกโรงเตือน! วอนทุกฝ่ายเร่งออกมาตรการคุ้มครองสุขภาพคนงานจากอากาศร้อนจัดที่ทวีความรุนแรงขึ้นทั่วโลก สถานการณ์นี้ไม่ได้เป็นเรื่องเล่นๆ อีกต่อไปแล้ว เพราะผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นส่งผลต่อชีวิตและสุขภาพของเหล่าคนงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

UN วอนทุกฝ่ายเร่งออกมาตรการคุ้มครองสุขภาพคนงานจากอากาศร้อนจัด

จากรายงานล่าสุดของ UN ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ทำให้คลื่นความร้อนเกิดขึ้นบ่อยครั้งและรุนแรงมากขึ้น ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพของคนงานในหลากหลายอุตสาหกรรมทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกร คนงานก่อสร้าง หรือแม้แต่ชาวประมง ทุกคนล้วนตกอยู่ในความเสี่ยง

รายงานฉบับปรับปรุงใหม่นี้ เน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการปรับปรุงมาตรการที่มีอยู่ให้ทันต่อสถานการณ์ โดยระบุว่าเมื่ออุณหภูมิสูงเกิน 20 องศาเซลเซียส ประสิทธิภาพการทำงานของคนงานจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด และประชากรโลกกว่าครึ่งหนึ่งกำลังเผชิญกับปัญหานี้อยู่

ทำไมต้องเร่งคุ้มครองสุขภาพคนงานจากอากาศร้อนจัด?

ภัยสุขภาพจากความร้อนมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรคลมแดด (ฮีตสโตรก) ภาวะร่างกายขาดน้ำ ไตทำงานบกพร่อง หรือแม้แต่ความผิดปกติทางระบบประสาท องค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ต่างออกมาเตือนถึงอันตรายเหล่านี้ และเน้นย้ำว่ากลุ่มคนที่ทำงานกลางแจ้งคือกลุ่มเสี่ยงสูงสุด

โค บาร์เร็ตต์ รองเลขาธิการ WMO กล่าวว่า การปกป้องคนงานจากสภาพอากาศร้อนจัดไม่ใช่แค่เรื่องของสุขภาพ แต่ยังเป็นเรื่องของเศรษฐกิจอีกด้วย เพราะเมื่อคนงานสุขภาพไม่ดี ประสิทธิภาพการทำงานก็ลดลง ส่งผลกระทบต่อผลผลิตและรายได้ของทั้งตัวคนงานเองและภาคธุรกิจ

UN จึงเรียกร้องให้มีการจัดทำแผนรับมือภัยความร้อนสำหรับแต่ละภูมิภาคและอุตสาหกรรม โดยต้องมีการปรึกษาหารือร่วมกันระหว่างคนงาน นายจ้าง สหภาพแรงงาน และผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข เพื่อให้แผนที่ออกมานั้นเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและความต้องการของแต่ละพื้นที่อย่างแท้จริง

ตัวอย่างเช่น ในบางประเทศ สหภาพแรงงานได้ผลักดันให้มีกฎหมายควบคุมอุณหภูมิสูงสุดในที่ทำงาน ซึ่งเป็นแนวทางที่ UN เห็นว่าสามารถนำไปปรับใช้ได้ แต่รายละเอียดอาจแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ

นอกจากนี้ ยังมีการเรียกร้องให้จัดการฝึกอบรมให้ความรู้แก่บุคลากรทางการแพทย์และหน่วยกู้ภัย เพื่อให้สามารถวินิจฉัยและรักษาอาการเจ็บป่วยจากความร้อนได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว เพราะที่ผ่านมา มักมีการวินิจฉัยผิดพลาดอยู่เสมอ

องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) พบว่าทั่วโลกมีคนงานกว่า 2.4 พันล้านคนที่ต้องทำงานในสภาพอากาศร้อนจัด ทำให้เกิดอุบัติเหตุจากการทำงานปีละกว่า 22.85 ล้านครั้ง ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นถึงความร้ายแรงของปัญหาและการคุ้มครองสุขภาพคนงานจากอากาศร้อนจัดนั้นสำคัญอย่างไร

รือดิเกอร์ เครช จาก WHO กล่าวว่า “ไม่ควรมีใครต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อแลกกับค่าแรง” เป็นคำพูดที่บาดใจและชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วน

ดังนั้น การคุ้มครองสุขภาพคนงานจากอากาศร้อนจัดจึงเป็นวาระสำคัญที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน หรือภาคประชาสังคม เพราะสุขภาพของคนงานคือรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจและสังคม หากเราไม่ดูแลพวกเขา แล้วใครจะขับเคลื่อนประเทศชาติของเราต่อไป?

ที่มา – UN วอนทุกฝ่ายเร่งออกมาตรการคุ้มครองสุขภาพคนงานจากอากาศร้อนจัด