กองทัพสหรัฐ

ทรัมป์จ้องทวงคืน “ฐานทัพบากราม” ในอัฟฯ

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับนายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ แห่งสหราชอาณาจักร (UK) เมื่อวันพฤหัสบดี (18 ก.ย.) ว่า สหรัฐฯ ต้องการกลับไปควบคุมฐานทัพอากาศบากรามในอัฟกานิสถานอีกครั้ง แต่เจ้าหน้าที่ของอัฟกานิสถานได้ออกมาปฏิเสธทันที โดยยืนยันว่าไม่มีความจำเป็นที่กองทัพสหรัฐฯ จะต้องกลับมาตั้งฐานทัพในประเทศ

ฐานทัพบากรามแห่งนี้สร้างขึ้นในยุคโซเวียต และเคยเป็นฐานที่มั่นหลักของกองทัพสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถานมาตั้งแต่หลังเหตุการณ์ 9 กันยายน 2544 จนกระทั่งสหรัฐฯ ถอนทหารออกไปในปี 2564 ซึ่งเป็นการเปิดทางให้กลุ่มตาลีบันกลับเข้ายึดอำนาจได้ในที่สุด

“เรากำลังพยายามเอามันกลับคืน” ทรัมป์กล่าวถึงฐานทัพบากราม “เราต้องการฐานทัพนั้นคืน” โดยให้เหตุผลว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญเพราะอยู่ใกล้กับจีน

อย่างไรก็ดี รัฐบาลตาลีบันในกรุงคาบูลยืนยันว่าไม่เปิดรับข้อตกลงลักษณะนี้

ซากีร์ จาลาล เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศอัฟกานิสถาน โพสต์ข้อความผ่านเอ็กซ์ว่า “อัฟกานิสถานและสหรัฐฯ ควรหันมาพูดคุยกันได้ โดยไม่จำเป็นต้องให้สหรัฐฯ กลับมาตั้งฐานทัพในประเทศอีก”

จาลาลยังระบุเสริมอีกว่า ทั้งสองชาติสามารถสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองได้ หากตั้งอยู่บนพื้นฐานของการเคารพซึ่งกันและกัน และผลประโยชน์ร่วมกัน

ข่าวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (13 ก.ย.) เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ได้เปิดการเจรจากับทางการอัฟกานิสถาน เพื่อหาทางช่วยเหลือพลเมืองอเมริกันที่ถูกควบคุมตัวในประเทศ โดยมีอดัม โบห์เลอร์ ทูตพิเศษด้านตัวประกันของรัฐบาลทรัมป์ และซัลเมย์ คาลิลซาด อดีตทูตพิเศษสหรัฐฯ ประจำอัฟกานิสถาน เข้าพบกับอะมีร์ ข่าน มุตตากี รัฐมนตรีต่างประเทศของตาลีบัน

ทั้งนี้ สหรัฐฯ ยังไม่ได้รับรองรัฐบาลตาลีบันอย่างเป็นทางการ หลังจากที่กลุ่มตาลีบันกลับเข้ายึดอำนาจในปี 2564 ซึ่งยุติการแทรกแซงทางทหารของสหรัฐฯ ที่ดำเนินมานาน 20 ปี

ประเด็นที่น่าสนใจคือ ทำไมทรัมป์ถึงต้องการ “ฐานทัพบากราม” คืน? การที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกมาแสดงความต้องการที่จะทวงคืน ฐานทัพบากราม ในอัฟกานิสถานนั้น สร้างความประหลาดใจให้กับหลายฝ่าย เนื่องจากสหรัฐฯ เพิ่งจะถอนทหารออกจากอัฟกานิสถานไปเมื่อไม่นานมานี้ การกลับเข้าไปมีบทบาทอีกครั้งอาจเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่สำคัญ

ทรัมป์ต้องการ “ฐานทัพบากราม” คืนจริงหรือ?

ฐานทัพบากราม มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์จริงหรือไม่? ทำเลที่ตั้งของฐานทัพแห่งนี้ใกล้กับประเทศจีน ทำให้เป็นจุดที่สามารถเฝ้าระวังและตอบโต้ภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นฐานในการปฏิบัติการในภูมิภาคเอเชียกลางและเอเชียใต้ได้อีกด้วย

ทำไมจึงต้องเป็น “ฐานทัพบากราม”?

การที่ทรัมป์เน้นย้ำถึงความสำคัญของ ฐานทัพบากราม อาจสะท้อนถึงความกังวลเกี่ยวกับอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของจีนในภูมิภาค การกลับเข้าไปควบคุมฐานทัพแห่งนี้จะช่วยให้สหรัฐฯ สามารถรักษาสมดุลอำนาจและปกป้องผลประโยชน์ของตนเองได้

อย่างไรก็ตาม การที่รัฐบาลตาลีบันปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าการเจรจาเพื่อให้ได้ ฐานทัพบากราม คืนมานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย สหรัฐฯ อาจต้องใช้กลยุทธ์ที่ซับซ้อนมากขึ้นเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้

ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจะเป็นอย่างไร? หากสหรัฐฯ สามารถทวงคืน ฐานทัพบากราม ได้สำเร็จ จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ, อัฟกานิสถาน, และจีน การเปลี่ยนแปลงนี้อาจนำไปสู่ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาค

การตัดสินใจของทรัมป์ในครั้งนี้อาจมีเป้าหมายเพื่อแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและเด็ดขาดของสหรัฐฯ ในสายตาของนานาชาติ อย่างไรก็ตาม การดำเนินการดังกล่าวอาจก่อให้เกิดผลกระทบที่ไม่คาดฝัน และต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบถึงผลที่จะตามมา

สถานการณ์นี้ยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด และการตัดสินใจของสหรัฐฯ จะมีผลต่ออนาคตของอัฟกานิสถานและภูมิภาคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ที่มา – ทรัมป์ลั่น สหรัฐฯ จ้องทวงคืน “ฐานทัพบากราม” ในอัฟกานิสถาน ที่เคยทิ้งไว้ตอนถอนทหาร

เวเนฯ โวย! เหยื่อ 11 ศพ ไม่ใช่แก๊งค้ายา

เวเนซุเอลาออกมาโต้แย้ง! รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของเวเนซุเอลาได้ออกมาเปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตทั้ง 11 รายจากเหตุการณ์ที่กองทัพสหรัฐฯ โจมตีเรือในทะเลแคริบเบียนเมื่อสัปดาห์ก่อนนั้น ไม่ได้เป็นสมาชิกของแก๊ง “เตรนเดอารากัว” (Tren de Aragua) ตามที่ถูกกล่าวหา สถานการณ์นี้ยิ่งทำให้ความตึงเครียดระหว่างเวเนซุเอลาและสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้นไปอีก โดยเวเนซุเอลาได้ส่งกำลังทหารเข้าประจำการเพื่อตอบโต้

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กล่าวหาว่าเรือลำดังกล่าวลักลอบขนยาเสพติด แต่กลับไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากนัก แม้ว่าสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ เองจะเรียกร้องให้มีการชี้แจงถึงเหตุผลในการปฏิบัติการครั้งนี้

ดิโอสดาโด กาเบโย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและหัวหน้าพรรครัฐบาล กล่าวอย่างหนักแน่นผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติว่า “พวกเขายอมรับว่าสังหารคนไป 11 คน เราได้ทำการสืบสวนภายในประเทศ พบว่าครอบครัวของผู้เสียชีวิตต่างเรียกร้องให้ญาติของพวกเขากลับคืนมา และจากการสอบถามในเมืองต่างๆ ไม่พบว่ามีใครเป็นสมาชิกแก๊งเตรนเดอารากัว หรือเกี่ยวข้องกับยาเสพติดเลยแม้แต่คนเดียว”

“นี่คือการสังหารหมู่พลเรือนโดยใช้อาวุธร้ายแรง” กาเบโยกล่าวเสริม และตั้งคำถามว่าสหรัฐฯ ทราบได้อย่างไรว่าบนเรือบรรทุกยาเสพติด และเหตุใดจึงไม่เลือกใช้วิธีการจับกุมแทนการใช้กำลังถึงชีวิต

ทางด้าน แอนนา เคลลี โฆษกทำเนียบขาว ได้ตอบโต้ว่า “คนเหล่านั้นคือผู้ก่อการร้ายยาเสพติดจากแก๊งเตรนเดอารากัว ที่พยายามลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศเราและสังหารชาวอเมริกัน”

หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว รัฐบาลเวเนซุเอลายังได้กล่าวหาว่า คลิปวิดีโอการโจมตีที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์นำมาเผยแพร่นั้น เป็นภาพที่สร้างขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)

เวเนฯ โวย เหยื่อ 11 ศพที่ถูกสหรัฐฯ ยิงถล่มเรือ ไม่ใช่สมาชิกแก๊งค้ายา

เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดคำถามและความสงสัยมากมายเกี่ยวกับความชอบธรรมในการใช้กำลังของสหรัฐฯ และความถูกต้องของข้อมูลที่ได้รับ หากผู้เสียชีวิตทั้ง 11 รายไม่ใช่สมาชิกแก๊งค้ายาจริง การกระทำดังกล่าวก็ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง และอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในระยะยาว

ข้อโต้แย้งเรื่อง เหยื่อ 11 ศพที่ถูกสหรัฐฯ ยิงถล่มเรือ ไม่ใช่สมาชิกแก๊งค้ายา

ประเด็นหลักที่เวเนซุเอลาโต้แย้งคือ การที่สหรัฐฯ กล่าวหาว่าผู้เสียชีวิตเป็นสมาชิกแก๊งค้ายา โดยไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน รัฐบาลเวเนซุเอลายืนยันว่าได้ทำการตรวจสอบแล้ว และไม่พบความเชื่อมโยงใดๆ ระหว่างบุคคลเหล่านี้กับแก๊งอาชญากรรม

  • การสืบสวนภายในประเทศ: รัฐบาลเวเนซุเอลาอ้างว่าได้ทำการสืบสวนอย่างละเอียด และไม่พบหลักฐานที่บ่งชี้ว่าผู้เสียชีวิตเป็นสมาชิกแก๊งค้ายา
  • คำกล่าวอ้างของครอบครัว: ครอบครัวของผู้เสียชีวิตต่างปฏิเสธว่าญาติของตนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด
  • ข้อสงสัยเกี่ยวกับข้อมูล: เวเนซุเอลาตั้งคำถามว่าสหรัฐฯ ได้ข้อมูลเกี่ยวกับยาเสพติดบนเรือมาได้อย่างไร และเหตุใดจึงไม่พยายามจับกุมผู้ต้องสงสัย

นอกจากนี้ การที่เวเนซุเอลาอ้างว่าคลิปวิดีโอการโจมตีเป็นภาพที่สร้างขึ้นโดยใช้ AI ยิ่งทำให้สถานการณ์ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น หากเป็นเรื่องจริง ก็หมายความว่าสหรัฐฯ พยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการกระทำของตน

ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อความสัมพันธ์ระหว่างเวเนซุเอลาและสหรัฐฯ ซึ่งมีความตึงเครียดอยู่แล้ว การที่เวเนซุเอลาออกมาประณามการกระทำของสหรัฐฯ อย่างรุนแรง แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจอย่างมาก และอาจนำไปสู่การตอบโต้ทางเศรษฐกิจและการเมืองในอนาคต

นอกจากนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวยังส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสหรัฐฯ ในสายตาของประชาคมโลก การใช้กำลังถึงชีวิตโดยไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด อาจถูกมองว่าเป็นการละเมิดหลักการพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศและสิทธิมนุษยชน

สิ่งที่เกิดขึ้นตอกย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน และการใช้ความระมัดระวังในการตัดสินใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้คน หากมีการพิสูจน์ได้ว่าผู้เสียชีวิตทั้ง 11 รายเป็นผู้บริสุทธิ์ สหรัฐฯ จะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตน และชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้น

โดยสรุปแล้ว ข้อโต้แย้งที่ว่า เหยื่อ 11 ศพที่ถูกสหรัฐฯ ยิงถล่มเรือ ไม่ใช่สมาชิกแก๊งค้ายา ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด การเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ผู้เสียชีวิตและครอบครัว และเพื่อรักษาหลักการของความยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน

ที่มา – เวเนฯ โวย เหยื่อ 11 ศพที่ถูกสหรัฐฯ ยิงถล่มเรือ ไม่ใช่สมาชิกแก๊งค้ายา

ทรัมป์เผย ทัพสหรัฐฯ ยิงถล่มเรือขนยาเสพติดเวเนซุเอลา

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แถลงว่า กองทัพอเมริกันได้ปฏิบัติการโจมตีเรือต้องสงสัยลักลอบขนยาเสพติดลำหนึ่งจากเวเนซุเอลาในทะเลแคริบเบียนเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (2 ก.ย.) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตยกลำ 11 ราย โดยทรัมป์อ้างว่าผู้เสียชีวิตทั้งหมดเป็นสมาชิกกลุ่มก่อการร้าย ถือเป็นการเปิดฉากปฏิบัติการทางทหารครั้งแรกอย่างเป็นทางการ นับตั้งแต่รัฐบาลสหรัฐฯ ส่งกองเรือรบขนาดใหญ่เข้าประชิดภูมิภาคเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน

“เราเพิ่งสอยเรือขนยาไปลำหนึ่งสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วนี่เอง ในเรือมียาเสพติดมหาศาล” ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาว “แล้วคอยดูเถอะ จะมีตามมาอีก ยาเสพติดทะลักเข้าประเทศเรามานานแล้ว … ของล็อตนี้มาจากเวเนซุเอลา”

ต่อมา ทรัมป์ได้แชร์คลิปวิดีโอบนแพลตฟอร์มทรูธโซเชียล (Truth Social) ที่ดูเหมือนถ่ายจากโดรน เผยให้เห็นภาพเรือเร็วลำหนึ่งกลางทะเลเกิดระเบิดลุกเป็นไฟ พร้อมระบุข้อความว่า “ผลปฏิบัติการครั้งนี้ สังหารผู้ก่อการร้ายได้ 11 นาย ฝ่ายกองทัพสหรัฐฯ ไม่มีใครได้รับอันตราย”

ผู้นำสหรัฐฯ ตอกย้ำว่า กองทัพสามารถระบุตัวตนลูกเรือได้ว่าเป็นสมาชิกของแก๊ง “เตรนเดอารากัว” (Tren de Aragua) ซึ่งสหรัฐฯ เพิ่งขึ้นบัญชีเป็นองค์กรก่อการร้ายเมื่อเดือนก.พ. ที่ผ่านมา ทรัมป์ยังกล่าวหาด้วยว่า ประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร แห่งเวเนซุเอลา เป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังแก๊งนี้ ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่รัฐบาลเวเนซุเอลาปฏิเสธมาโดยตลอด

ด้าน เฟรดดี ญาเญซ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการสื่อสารของเวเนซุเอลา ออกมาตอบโต้ผ่านโซเชียลมีเดียว่า วิดีโอที่ทรัมป์นำมาเผยแพร่นั้น อาจเป็นของปลอมที่สร้างขึ้นด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI)

ปฏิบัติการครั้งนี้เกิดขึ้นหลังกองทัพเรือสหรัฐฯ เคลื่อนกองเรือรบขนาดใหญ่เข้าประชิดทะเลแคริบเบียนตอนใต้ โดยฝ่ายสหรัฐฯ อ้างว่ามีเป้าหมายเพื่อปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติดในภูมิภาคลาตินอเมริกา

กองเรือที่ถูกส่งมาในครั้งนี้ประกอบด้วยเรือรบ 7 ลำ และเรือดำน้ำโจมตีพลังงานนิวเคลียร์อีก 1 ลำ ซึ่งถือเป็นการเสริมกำลังทางทหารครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปีและมีขนาดใหญ่กว่าภารกิจปกติในภูมิภาคนี้อย่างมีนัยสำคัญ

กองเรือดังกล่าวรวมถึงเรือ USS San Antonio, USS Iwo Jima และ USS Fort Lauderdale ซึ่งบรรทุกกำลังพลรวมกว่า 4,500 นาย ในจำนวนนี้เป็นนาวิกโยธิน 2,200 นาย นอกจากนี้ กองทัพสหรัฐฯ ยังได้ส่งเครื่องบินสอดแนม P-8 ขึ้นบินรวบรวมข่าวกรองในน่านน้ำสากลบริเวณดังกล่าวด้วย

ทรัมป์เผย ทัพสหรัฐฯ ยิงถล่มเรือขนยาเสพติดเวเนซุเอลา

สถานการณ์นี้มีความซับซ้อนและน่าติดตามอย่างยิ่ง การที่ประธานาธิบดีทรัมป์ออกมาเปิดเผยข้อมูลด้วยตนเอง ยิ่งทำให้เกิดความสนใจจากทั่วโลกต่อปฏิบัติการทางทหารครั้งนี้ การอ้างว่าผู้เสียชีวิตเป็นสมาชิกกลุ่มก่อการร้ายก็เป็นประเด็นที่ต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป

วิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้น:

  • ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และเวเนซุเอลา: ความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่นระหว่างสองประเทศนี้ อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่ปฏิบัติการดังกล่าว การกล่าวหาว่าประธานาธิบดีมาดูโรอยู่เบื้องหลังแก๊งค้ายาเสพติดยิ่งเป็นการเพิ่มความตึงเครียด
  • การปราบปรามยาเสพติด: สหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับการปราบปรามยาเสพติดมาโดยตลอด และปฏิบัติการนี้อาจเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการลดการลักลอบขนยาเสพติดเข้าประเทศ
  • ข้อมูลที่ขัดแย้ง: การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการสื่อสารของเวเนซุเอลาออกมาโต้แย้งว่าวิดีโออาจเป็นของปลอม แสดงให้เห็นถึงความไม่ไว้วางใจระหว่างสองฝ่าย และความยากลำบากในการตรวจสอบข้อเท็จจริง

ผลกระทบจากเหตุการณ์ ทรัมป์เผย ทัพสหรัฐฯ ยิงถล่มเรือขนยาเสพติดเวเนซุเอลา

เหตุการณ์ ทรัมป์เผย ทัพสหรัฐฯ ยิงถล่มเรือขนยาเสพติดเวเนซุเอลา อาจส่งผลกระทบหลายด้าน เช่น

  • ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ: อาจทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และเวเนซุเอลาย่ำแย่ลงไปอีก
  • ความมั่นคงในภูมิภาค: อาจนำไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงยิ่งขึ้นในภูมิภาคลาตินอเมริกา
  • การค้ายาเสพติด: อาจส่งผลกระทบต่อขบวนการค้ายาเสพติดในภูมิภาค แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะสามารถปราบปรามได้อย่างยั่งยืนหรือไม่

สรุปแล้ว เหตุการณ์ทรัมป์เผย ทัพสหรัฐฯ ยิงถล่มเรือขนยาเสพติดเวเนซุเอลาเป็นเรื่องที่ต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด เพราะอาจส่งผลกระทบต่อทั้งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ความมั่นคงในภูมิภาค และการปราบปรามยาเสพติดในระยะยาว การตรวจสอบข้อเท็จจริงและการหาทางออกทางการทูตจึงเป็นสิ่งสำคัญ

ที่มา – ทรัมป์เผย ทัพสหรัฐฯ ยิงถล่มเรือขนยาเสพติดเวเนซุเอลา ดับ 11 อ้างเป็นแก๊งก่อการร้าย