ระเบิด

ระเบิดมัสยิดจาการ์ตา! เจ็บ 54 ตำรวจเร่งสอบ

เกิดเหตุการณ์ระทึกขวัญขึ้นที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อเกิดเหตุระเบิดที่มัสยิดในจาการ์ตา ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมากถึง 54 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุและดำเนินการสืบสวนเพื่อหาสาเหตุของการระเบิดในครั้งนี้

เหตุระเบิดที่มัสยิดในจาการ์ตา

ตามรายงานจากตำรวจอินโดนีเซีย เหตุระเบิดที่มัสยิดในจาการ์ตา เกิดขึ้นระหว่างการประกอบศาสนกิจละหมาดภายในมัสยิดซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณโรงเรียนแห่งหนึ่งของกรุงจาการ์ตา แรงระเบิดทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 54 ราย และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษา

อาเซป เอดิ ซูเฮรี ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลจาการ์ตา ได้ออกมาแถลงการณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว โดยระบุว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังดำเนินการสืบสวนอย่างละเอียดเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของเหตุระเบิดที่มัสยิดในจาการ์ตา ที่เกิดขึ้นในย่านเกอลาปา กาดิง ทางตอนเหนือของกรุงจาการ์ตา

ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลจาการ์ตายังกล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 54 ราย มีอาการบาดเจ็บแตกต่างกันไป ตั้งแต่บาดเจ็บเล็กน้อย ไปจนถึงอาการสาหัส และมีบางรายที่มีแผลไฟไหม้จากแรงระเบิด เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์กำลังให้การดูแลรักษาผู้บาดเจ็บอย่างเต็มที่

สถานการณ์ล่าสุดจากเหตุระเบิดที่มัสยิดในจาการ์ตา

สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นได้รายงานภาพบรรยากาศบริเวณโดยรอบโรงเรียนที่เกิดเหตุ โดยมีการวางแนวกั้นของตำรวจเพื่อควบคุมพื้นที่ และมีรถพยาบาลเตรียมพร้อมให้การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ อย่างไรก็ตาม จากภาพที่ปรากฏ ไม่พบความเสียหายรุนแรงต่อโครงสร้างของมัสยิด

เหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความตกใจและความเสียใจให้กับประชาชนในพื้นที่ และชาวอินโดนีเซียโดยทั่วไป หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งดำเนินการสอบสวนเพื่อคลี่คลายข้อเท็จจริง และนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย

ขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันแน่ชัดว่าระเบิดที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของกลุ่มใด หรือมีแรงจูงใจทางการเมืองหรือไม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงเก็บรวบรวมหลักฐานและพยาน เพื่อนำไปวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้าน

เหตุการณ์เหตุระเบิดที่มัสยิดในจาการ์ตา ถือเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของประชาชน และอาจส่งผลต่อความมั่นคงในพื้นที่ รัฐบาลอินโดนีเซียได้ออกมาเรียกร้องให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการสืบสวน

ในขณะที่การสืบสวนยังคงดำเนินต่อไป สิ่งสำคัญที่สุดคือการให้กำลังใจและสนับสนุนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ทั้งผู้บาดเจ็บ ครอบครัว และชุมชนที่ได้รับผลกระทบ เราขอส่งกำลังใจและความปรารถนาดีไปยังทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ขอให้ทุกคนปลอดภัยและเข้มแข็ง

เหตุการณ์นี้เตือนใจให้เราตระหนักถึงความสำคัญของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และความจำเป็นในการรักษาความปลอดภัยในทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่สาธารณะ ศาสนสถาน หรือโรงเรียน การเฝ้าระวังและการรายงานสิ่งผิดปกติที่อาจนำไปสู่เหตุร้ายเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้

ที่มา – เกิดเหตุระเบิดที่มัสยิดในจาการ์ตา บาดเจ็บ 54 ราย ตำรวจอินโดฯเร่งสอบ

โฆษกรัฐบาลยันไทยไม่เคยมีระเบิด MK-84

โฆษกรัฐบาล โต้ กัมพูชา ยัน ไทยไม่เคยมีระเบิด MK-84 ย้ำปฏิบัติการตามหลักสากล โจมตีเฉพาะเป้าหมายทางทหาร ไม่ใช้กำลังกับพลเรือน

เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 2568 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) ปฏิเสธกรณีรัฐบาลกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำกัมพูชา ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายใน จ.อุดรมีชัย ของกัมพูชา และ อ้างว่าพื้นที่ดังกล่าวเกิดจากการโจมตีของฝ่ายไทย

นายจิรายุ กล่าวว่า กองทัพไทยยืนยันพื้นที่ที่กัมพูชานำเสนอเป็นบริเวณเป้าหมายทางทหาร มีกองกำลังทหารกัมพูชาปฏิบัติการอยู่ และพื้นที่อยู่ใกล้แนวชายแดนไทย–กัมพูชาเพียงไม่กี่กิโลเมตร ซึ่งไทยโจมตีเฉพาะในพื้นที่ปฏิบัติการเท่านั้น ต่างจากกัมพูชาที่มุ่งโจมตีเป้าหมายพลเรือนของไทยนอกเขตพื้นที่การรบ หลายจุดมีระยะห่างจากแนวรบไกลถึง 30 กิโลเมตร

ในส่วนของระเบิด MK-84 ที่กัมพูชาอ้างว่าพบนั้น กองทัพอากาศไทยได้เคยออกมายืนยันแล้วว่าเป็น “ข่าวปลอม” โดยไทยไม่เคยจัดซื้อระเบิดจากแหล่งที่ถูกกล่าวอ้าง และการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ทุกชนิดของไทยดำเนินการผ่านพันธมิตรด้านความมั่นคงที่ได้รับการรับรองเท่านั้น ซึ่งควรจะให้องค์กรที่เป็นกลางและมีความน่าเชื่อถือในระดับนานาชาติเป็นผู้ตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อความโปร่งใสและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย

โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวต่อว่าว่า การปฏิบัติการทางอากาศของไทยเป็นการใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎบัตรสหประชาชาติ และอยู่ภายใต้กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด มุ่งโจมตีเฉพาะเป้าหมายทางทหาร และจำกัดวงการทำลายให้อยู่ในพื้นที่ปฏิบัติการเท่านั้น ต่างจากกัมพูชาที่มุ่งโจมตีเป้าหมายพลเรือนของไทยนอกเขตพื้นที่การรบ

“รัฐบาลไทยยืนยันชัดว่าไทยยึดมั่นในหลักสากล ไม่ใช้กำลังกับเป้าหมายพลเรือน และจะปกป้องประชาชนและอธิปไตยของประเทศอย่างเต็มที่” นายจิรายุ กล่าว

โฆษกรัฐบาลยันไทยไม่เคยมีระเบิด MK-84

จากกรณีที่รัฐบาลกัมพูชาได้มีการกล่าวอ้างถึงการใช้ระเบิด MK-84 โดยฝ่ายไทยในการโจมตีบริเวณชายแดนนั้น ล่าสุด นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาตอบโต้และยืนยันอย่างหนักแน่นว่า โฆษกรัฐบาลยันไทยไม่เคยมีระเบิด MK-84 ตามที่ถูกกล่าวหา พร้อมทั้งเน้นย้ำว่าการปฏิบัติการของไทยเป็นไปตามหลักสากลอย่างเคร่งครัด

สถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนและต้องติดตามอย่างใกล้ชิด การกล่าวอ้างเรื่องการใช้ระเบิด MK-84 ยิ่งเพิ่มความตึงเครียดในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมากยิ่งขึ้น การที่โฆษกรัฐบาลออกมาให้ข้อมูลที่ชัดเจนและหนักแน่นจึงเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชนและนานาชาติ

ทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญ?

การที่ โฆษกรัฐบาลยันไทยไม่เคยมีระเบิด MK-84 นั้น มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความน่าเชื่อถือของประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศ หากมีการพิสูจน์ได้ว่าไทยใช้ระเบิดดังกล่าวจริง จะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากนี้ การยืนยันว่าการปฏิบัติการของไทยเป็นไปตามหลักสากลยังเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อกฎหมายและมนุษยธรรมระหว่างประเทศอีกด้วย

  • การใช้ระเบิด MK-84 ขัดต่อหลักสากลที่ไทยยึดมั่น
  • การยืนยันความบริสุทธิ์ใจสร้างความเชื่อมั่นในระดับนานาชาติ
  • การปกป้องอธิปไตยของชาติเป็นหน้าที่สำคัญของรัฐบาล

นอกจากประเด็นเรื่องระเบิด MK-84 แล้ว โฆษกรัฐบาลยังได้ชี้แจงถึงการปฏิบัติการทางทหารของไทยว่า มุ่งเน้นเฉพาะเป้าหมายทางทหารและหลีกเลี่ยงการโจมตีพลเรือน ซึ่งเป็นไปตามหลักการสากลที่ประเทศไทยยึดมั่นมาโดยตลอด การที่กัมพูชาโจมตีเป้าหมายพลเรือนที่อยู่ห่างจากแนวรบถึง 30 กิโลเมตร จึงเป็นสิ่งที่แตกต่างจากการปฏิบัติการของไทยอย่างชัดเจน

การที่กองทัพไทยออกมาปฏิเสธเรื่องการใช้ระเบิด MK-84 และยืนยันว่าการปฏิบัติการเป็นไปตามหลักสากลนั้น เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าประเทศไทยให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อสังคมโลกและกฎหมายระหว่างประเทศ การเปิดโอกาสให้องค์กรที่เป็นกลางเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงยังแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใสและความพร้อมที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจของประเทศไทย

ถึงแม้ว่าสถานการณ์ชายแดนจะยังคงมีความตึงเครียด แต่การที่ โฆษกรัฐบาลยันไทยไม่เคยมีระเบิด MK-84 และเน้นย้ำถึงการยึดมั่นในหลักสากล ก็เป็นสิ่งที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนว่ารัฐบาลกำลังทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในการปกป้องอธิปไตยของชาติและรักษาผลประโยชน์ของประเทศ

การออกมาปฏิเสธอย่างหนักแน่นของโฆษกรัฐบาลในครั้งนี้ ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนไปยังนานาชาติว่า ประเทศไทยยึดมั่นในหลักการและกฎหมายระหว่างประเทศ และพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย

ที่มา – โฆษกรบ. โต้เขมร ยันไทยไม่เคยมีระเบิด MK-84 ย้ำยึดหลักสากล โจมตีเป้าหมายทางทหาร