มวยไทย

มวยไทยฮิต! พิมล ดันมาตรฐานรับรอง 200 ค่าย

กระแสมวยไทยต่างแดนฮิตไม่ตก “บิ๊กเอ” เผยมวยไทยมาสเตอร์คลาส ต่างชาติแห่เรียนล้นหลามทุกเมืองที่โร้ดโชว์ ส่วนค่ายมวยไทยที่มีป้าย SMG ก็ได้รับความนิยม ชาวต่างชาติแห่เรียน เพราะมั่นใจในคุณภาพและมาตรฐาน พร้อมจับมือทุกหน่วยงานสร้างมาตรฐานมวยไทยในประเทศทุกมิติ และจัดศึกมวยไทยซอฟเพาเวอร์ แชมเปี้ยนชิพ เวทีระดับกลางให้นักชกหลายคนได้โชว์ศักยภาพ

“บิ๊กเอ”​ ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านกีฬา มวยไทยซอฟท์เพาเวอร์ เป็นประธานในการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านกีฬา มวยไทยซอฟต์ เพาเวอร์ ที่ชั้น 4 อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ ภายในการกีฬาแห่งประเทศไทย เมื่อ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยมีคณะทำงานเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง

ภายหลังการประชุม ผศ.พิมล เปิดเผยว่า ในที่ประชุมครั้งนี้มีการติดตามความคืบหน้าการรับรองค่ายมวยไทยทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในประเทศนั้นทำไปหลายร้อยค่ายแล้ว ซึ่งเรามีหน่วยงานในการออกไปตรวจสอบและให้การรับรองโลโก้ Standard Muaythai Gym (SMG) สัญลักษณ์ที่เป็นมาตรฐานในการรับรองค่ายมวยไทย ส่วนต่างประเทศต้องอาจยากลำบากอยู่สักหน่อย แต่ก็ไม่เป็นปัญหา เราใช้วิดีโอ นำเสนอว่าแต่ละค่ายต้องมีอะไรและใช้อะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นขนาดของพื้นที่ อุปกรณ์ ห้องน้ำ ความสะอาด เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานที่รัฐบาลไทยจะให้การรับรอง

“ค่ายมวยไทยต่างๆในต่างประเทศหนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก หลายค่ายติดต่อกลับมา หลังได้รับการรับรอง ปรากฎว่ามีลูกค้าเพิ่มมากขึ้น สาเหตุหลักเพราะชาวต่างชาติเมื่อเห็นป้ายรับรองมาตรฐานที่ออกโดยรัฐบาลไทยแล้ว มีความมั่นใจในมาตรฐานและคุณภาพ จึงแห่กันมาเรียนมวยไทยกันในค่ายนั้นๆ ที่ผ่านมาให้การรับรองไปแล้วกว่า 160 ค่าย และตั้งเป้าว่าปีหน้าจะทำเพิ่มให้ถึง 200 ค่าย ซึ่งตรงนี้ก็ตรงกับจุดประสงค์หลักที่เราต้องการเผยแพร่มวยไทยให้เป็นที่นิยมนต่างแดน ซึ่งก็จะต่อมาสู่การดึงกลุ่มคนที่มีความรักและชื่นชอบเหล่านี้ เข้ามาเรียนมวยไทย ชมมวยไทย และท่องเที่ยวที่ประเทศไทย สร้างเม็ดเงินให้เศรษฐกิจไทยเป็นจำนวนไม่น้อย“

ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ เผยอีกว่า ที่ผ่านมาการส่งจดหมายร้องเรียนจากบางองค์กรเข้ามา ว่าเราไม่สิทธิ์ให้การรับรองค่ายมวยไทย และทำกิจกรรมในลักษณะดังกล่าว ซึ่งก็ต้องเรียนว่า ต้องเข้าใจว่ามวยไทยไม่ได้เป็นของหน่วยงานใดหรือองค์กรใดเท่านั้น มวยไทยเป็นของคนไทยและประเทศไทย สิ่งที่เราทำ คือการเข้าไปให้การยอมรับมาตรฐาน และไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น ซึ่งลักษณะก็จะเหมือนกับร้านอาหารไทยที่ได้รับมิชลิน หรือสหพันธ์เทควันโดโลก ดูแลเกี่ยวกับการจัดแข่งขันเทควันโดก็จริง แต่ก็ไม่ได้เป็นเจ้าของ ส่วนใครจะมาขอให้ยุตินั้น เป็นไปไม่ได้ เพราะว่าไม่ได้ผิดกฎหมายอะไร นอกจากบางประเทศจะมีกฎหมายว่าห้ามทำจริงๆ

”ในวงประชุมยังมีการหารือถึงการเดินหน้าการสร้างมาตรฐานมวยไทย ในประเทศไทย โดยคณะกรรมการมวยไทย ร่วมกับ กกท. และซอฟท์เพาเวอร์ สิ่งที่ทำเราอยากให้มวยไทยมีมาตรฐาน ตั้งแต่การเรียนการสอน ไปจนถึงการไต่ขั้นความสามารถ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับผู้ที่สนใจเรียน รวมถึงพัฒนาครูมวย กรรมการมวย การเป็นโปรโมเตอร์ เพื่อสร้างมาตรฐานให้วงการกีฬามวยไทย ซึ่งกำลังเร่งทำอยู่ และอาจต้องใช้เวลาสักระยะ เพราะหลายๆค่าย หลายๆสำนัก มีหลักสูตรของตัวเองร่วมกัน ดังนั้นต้องมารือกันเพื่อกำหนดมาตรฐานกลางขึ้นมา”

ผศ.พิมล กล่าวปิดท้าย ในเวลานี้ ยังมีการเดินสายโร้ดโชว์มวยไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็ต้องยอมรับว่ามีหลายประเทศที่อยากให้ประเทศไทยไปโปรโมทมวยไทย นำนักกีฬามวยไทยไปเปิดมาสเตอร์คลาส ล่าสุดที่เยอรมันก็มีผลตอบรับที่ดี มีชาวเยอรมันหลายร้อยคนแห่กันมาร่วมมวยไทยมาสเตอร์คลาส ซึ่งก็สร้างกระแส และจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ไทยได้เป็นอย่างดี รวมถึงปีนี้เราก็อยากจะทำให้การแข่งขันมวยไทย ซอฟท์เพาเวอร์แชมเปี้ยนชิพ และพร้อมจะทำต่อเนื่องในปีต่อๆไป ซึ่งรายการนี้จะเป็นแพลตฟอร์มในระดับกลางให้นักชกได้มีโอกาสได้ขึ้นเวทีชก เพื่อให้มีการพัฒนาเกิดขึ้น

กระแสมวยไทยต่างแดนฮิตไม่ตก – พิมล ดันสร้างมาตรฐานรับรองให้ถึง 200 ค่าย

เป้าหมายดันกระแสมวยไทยต่างแดนฮิตไม่ตก

ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างมาตรฐานมวยไทย โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ การทำให้กระแสมวยไทยต่างแดนฮิตไม่ตก ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว การเรียนมวยไทย และการรับชมมวยไทย

การผลักดันให้กระแสมวยไทยต่างแดนฮิตไม่ตก นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในมาตรฐานและคุณภาพของมวยไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล และการรับรองค่ายมวยไทยเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเป้าหมายนี้

นอกจากนี้ การจัดการแข่งขันมวยไทย ซอฟท์เพาเวอร์แชมเปี้ยนชิพ ยังเป็นอีกหนึ่งเวทีที่เปิดโอกาสให้นักชกหน้าใหม่ได้แสดงศักยภาพ และพัฒนาฝีมือ ซึ่งจะช่วยยกระดับวงการมวยไทยให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นไปอีก

การที่ กระแสมวยไทยต่างแดนฮิตไม่ตก เป็นผลมาจากความมุ่งมั่นของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ที่ต้องการเผยแพร่มรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของไทยให้เป็นที่รู้จักและชื่นชมไปทั่วโลก

สิ่งสำคัญที่สุดคือการรักษามาตรฐานและพัฒนาวงการมวยไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อให้มวยไทยคงอยู่คู่คนไทยและเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติตลอดไป

ที่มา – กระแสมวยไทยต่างแดนฮิตไม่ตก – พิมล ดันสร้างมาตรฐานรับรองให้ถึง 200 ค่าย

ด่วน99 เผยมั่นใจว่าจะชนะตั้งแต่ยก2 เร่งน็อกรับ3.5แสน

ด่วน99 เผยมั่นใจว่าจะชนะตั้งแต่ยก2 เลยเร่งน็อกยก3 รับโบนัส 3.5 แสนบาท

สมฉายา “คนโตตัวเล็ก” สำหรับ ด่วน99 อ.เพชรขุนศึก ที่ควงกำปั้นไล่ ถล่ม แหลมโพธิ์ ศิษย์คุณวสันต์ ลงไปกองกับเวทีพ่ายน็อกไปในยก 3 ในการชกเป็นคู่เอกศึก RWS คืนวันเสาร์ที่ 23 ส.ค. นอกจากด่วน99 จะแก้มือถอนแค้นได้ ยังสามารถคว้าแชมป์ไลต์ฟลายเวตราชดำเนินมาครองได้ และเป็นแชมป์รุ่นที่ 2 ของเวทีราชดำเนินอีกด้วย

หลังการชก ด่วน99 เปิดเผยว่ายังตื่นเต้นไม่หาย ยอมรับแหลมโพธิ์ยังมีความเร็วและความแข็งแกร่งเหมือนเดิม ในยกแรกรู้สึกอึดอัดเหมือนกัน เพราะยังจับทางไม่ได้ แต่พอยก 2 เห็นเขาโดนหมัดแล้วมีอาการสะดุ้ง ก็เลยเดินกดดันอย่างต่อเนื่อง ยก 2 หากมีเวลาอีกสัก 10 วินาที ก็มั่นใจว่าจะปิดเกมได้ แต่พอมายก 3 เห็นอาการแหลมโพธิ์ที่ยืนไม่นิ่ง ก็เลยไล่ถล่มจนสามารถเอาชนะน็อกได้

การชกในพิกัด 108 ปอนด์ ทำให้รู้สึกว่ามีความแข็งแรง มีอาวุธที่หนักขึ้น อนาคตก็คงขอชกในรุ่นนี้ไปก่อนหากจะทำขึ้นหรือลดลง ก็คงขอแค่ประมาณหนึ่งปอนด์เท่านั้น ตอนนี้ในรุ่น 108 ปอนด์ หากใครอยากได้เข็มขัดก็เชิญได้เลย ตนพร้อมที่จะชกกับทุกคน หรือหากแหลมโพธิ์ต้องการจะขอแก้มือ ก็ยินดีเสมอ

สำหรับโบนัส 350,000 บาท ก็รู้สึกดีใจมากที่ได้มา เพราะไม่คิดว่าจะชนะน็อกได้ ต้องขอบคุณทีมงาน RWS ที่มอบโบนัสให้ รับรองว่าในไฟต์ต่อๆไป จะต่อยให้ประทับใจแฟนมวยทุกครั้ง

ด่วน99 มั่นใจตั้งแต่ยกสอง

จากบทสัมภาษณ์หลังเกม เราได้เห็นถึงความมั่นใจของด่วน99 ที่มีต่อไฟต์นี้อย่างมาก โดยเจ้าตัวเผยว่าเริ่มจับทางคู่ต่อสู้ได้ตั้งแต่ยกที่สอง และมองเห็นโอกาสที่จะปิดเกมได้ตั้งแต่ตอนนั้น การเร่งเครื่องในยกที่สามจึงเป็นการตัดสินใจที่เด็ดขาด และนำมาซึ่งชัยชนะที่สวยงาม พร้อมโบนัสก้อนโตที่ทำให้เจ้าตัวดีใจเป็นอย่างมาก

ไฟต์นี้ถือเป็นการพิสูจน์ตัวเองของ ด่วน99 อย่างแท้จริง หลังจากที่เคยพลาดท่าให้กับแหลมโพธิ์มาแล้ว การกลับมาแก้มือได้อย่างสวยงาม พร้อมคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ ยิ่งทำให้เส้นทางมวยของเจ้าตัวน่าติดตามมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ด่วน99 ยังได้แสดงสปิริตนักกีฬาด้วยการเปิดโอกาสให้แหลมโพธิ์สามารถขอแก้มือได้เสมอ แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในฝีมือของตนเอง และพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่ๆ อยู่เสมอ

ชัยชนะครั้งนี้ของ ด่วน99 ไม่ได้เป็นเพียงแค่ชัยชนะบนสังเวียนผ้าใบเท่านั้น แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักมวยรุ่นหลัง และเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ และความเชื่อมั่นในตนเอง จะนำพาไปสู่ความสำเร็จได้อย่างแน่นอน

สำหรับแฟนมวยที่ติดตามผลงานของ ด่วน99 เผยมั่นใจว่าจะชนะตั้งแต่ยก2 เลยเร่งน็อกยก3 รับโบนัส 3.5 แสนบาท ก็คงต้องบอกว่าอย่าพลาดติดตามไฟต์ต่อๆ ไปของเจ้าตัว เพราะรับรองว่าเต็มไปด้วยความสนุก ตื่นเต้น และเร้าใจอย่างแน่นอน และเชื่อว่าด่วน99 จะยังคงสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมต่อไปในอนาคต

การที่ ด่วน99 เผยมั่นใจว่าจะชนะตั้งแต่ยก2 เลยเร่งน็อกยก3 รับโบนัส 3.5 แสนบาท แสดงให้เห็นถึงการอ่านเกมที่เฉียบขาดและความกล้าตัดสินใจบนเวที ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญของนักมวยอาชีพ

ด่วน99 ยังกล่าวถึงความสำคัญของการได้รับการสนับสนุนจากทีมงาน RWS และความรู้สึกขอบคุณต่อโบนัสที่ได้รับ ซึ่งเป็นกำลังใจสำคัญในการพัฒนาฝีมือและสร้างสรรค์ผลงานที่ดียิ่งขึ้นไปอีก

โดยรวมแล้ว ไฟต์นี้เป็นอีกหนึ่งไฟต์ที่น่าจดจำในอาชีพการชกมวยของด่วน99 และเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเจ้าตัวยังคงมีอนาคตที่สดใสรออยู่ข้างหน้าบนเส้นทางนักมวยอาชีพ

ที่มา – ด่วน99 เผยมั่นใจว่าจะชนะตั้งแต่ยก2 เลยเร่งน็อกยก3 รับโบนัส 3.5 แสนบาท

บูมเด็กเซียน ถ่อม ขุนศึกเล็ก ต้องแกร่งอีกแม้ชนะ

บูมเด็กเซียน ถ่อมตัว ขุนศึกเล็ก ต้องแกร่งอีกแม้ประเดิมคว้าชัยพิกัดใหม่

ศึก RWS เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา เป็นไฟต์แรกของ ขุนศึกเล็ก บูมเด็กเซียน ที่ขึ้นมาชกในพิกัดใหม่ 122 ปอนด์ แต่ก็ยังโชว์ฟอร์มสวย เอาชนะคะแนน หยกมรกต ว.สัข์ประไพ ได้อย่างสวยงาม ถือเป็นการขยับรุ่นครั้งแรกที่สร้างความประทับใจแก่แฟนมวยและวงการอย่างมาก อย่างไรก็ตาม บูมเด็กเซียน มองว่า ขุนศึกเล็ก ต้องแกร่งอีกแม้ประเดิมคว้าชัยพิกัดใหม่

บูม เด็กเซียน หัวหน้าค่ายของ ขุนศึกเล็ก เปิดเผยว่า แม้ลูกทีมจะโชว์ฟอร์มได้น่าพอใจ แต่ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสมในการท้าชิงแชมป์กับ เพชรสมาน ส.สมานการ์เม้นท์ นักชกแถวหน้าของพิกัดนี้ โดยชี้ว่า ขุนศึกเล็ก ต้องแกร่งอีกแม้ประเดิมคว้าชัยพิกัดใหม่ ยังต้องเสริมความแข็งแกร่งของร่างกายและเก็บเกี่ยวประสบการณ์เพิ่ม เพื่อรับมือกับแรงปะทะอันหนักหน่วงของรุ่นใหม่ที่เพิ่งก้าวขึ้นมา

“ตอนนี้ขุนศึกเล็กยังเป็นเพียงไม้ประดับในรุ่น ต้องค่อย ๆ สร้างสมดีกรีให้แน่นขึ้น อีกทั้งยังมีนักชกฝีมือจัดจ้านอย่าง ดอกไม้ป่า รออยู่ จึงไม่ควรรีบร้อนชิงแชมป์หากยังไม่พร้อมเต็มร้อย”

บูม เด็กเซียน กล่าวทิ้งท้าย พร้อมย้ำว่าเส้นทางของขุนศึกเล็กยังอีกยาวไกล แต่หากพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง วันหนึ่งย่อมก้าวขึ้นสู่แถวหน้าของรุ่นได้แน่นอน

อนาคตของขุนศึกเล็ก บูมเด็กเซียน ในพิกัดใหม่

การประเดิมชัยชนะในพิกัด 122 ปอนด์ของขุนศึกเล็ก ถือเป็นสัญญาณที่ดี แต่ บูมเด็กเซียน เน้นย้ำว่ายังต้องพัฒนาอีกมาก โดยเฉพาะเรื่องของความแข็งแกร่งและประสบการณ์ เพราะการขยับรุ่นขึ้นมานั้นต้องเจอกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งขึ้น มีพละกำลังมากขึ้น และมีลูกหนักที่แตกต่างจากพิกัดเดิม

การที่ขุนศึกเล็กจะก้าวขึ้นไปเป็นเบอร์ต้น ๆ ของรุ่น 122 ปอนด์ได้นั้น จำเป็นต้องมีการวางแผนการชกที่ดี การฝึกซ้อมที่เข้มข้น และการเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากไฟต์ต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ การรีบร้อนท้าชิงแชมป์โดยที่ยังไม่พร้อม อาจส่งผลเสียต่อการพัฒนาในระยะยาวได้

สิ่งที่น่าสนใจคือ บูมเด็กเซียน มองเห็นศักยภาพของขุนศึกเล็ก และพร้อมที่จะค่อยๆ ปั้นให้เป็นนักชกที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง การไม่เร่งรีบและให้ความสำคัญกับการพัฒนาในระยะยาว แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของผู้จัดการทีมที่ไม่ต้องการให้ลูกทีมต้องเผชิญกับความล้มเหลวเร็วเกินไป

นอกจากเรื่องของความแข็งแกร่งและประสบการณ์แล้ว การปรับตัวให้เข้ากับสไตล์การชกของนักมวยในพิกัดใหม่ก็เป็นสิ่งสำคัญ ขุนศึกเล็กจะต้องเรียนรู้ที่จะใช้ความได้เปรียบของตัวเองให้เป็นประโยชน์ และปรับกลยุทธ์การชกให้เหมาะสมกับคู่ต่อสู้แต่ละราย

บูมเด็กเซียน ถ่อมตัว ขุนศึกเล็ก ต้องแกร่งอีกแม้ประเดิมคว้าชัยพิกัดใหม่ เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาขุนศึกเล็กให้ก้าวไปสู่จุดสูงสุดในอาชีพนักมวย การมีผู้จัดการทีมที่มองเห็นศักยภาพและพร้อมที่จะสนับสนุนอย่างเต็มที่ จะเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ช่วยให้ขุนศึกเล็กประสบความสำเร็จได้ในอนาคต

การเอาชนะ หยกมรกต ว.สัข์ประไพ ได้นั้น เป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น เส้นทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล และเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่ด้วยความมุ่งมั่น ความตั้งใจ และการสนับสนุนที่ดี ขุนศึกเล็ก บูมเด็กเซียน มีโอกาสที่จะก้าวขึ้นไปเป็นนักชกแถวหน้าของวงการมวยไทยได้แน่นอน

สิ่งที่แฟนมวยต้องติดตามต่อไปคือ การพัฒนาของขุนศึกเล็กในไฟต์ต่อๆ ไป ว่าจะสามารถปรับตัวและพัฒนาตัวเองได้อย่างไรบ้าง และเมื่อไหร่ที่เขาจะพร้อมสำหรับการท้าชิงแชมป์ในพิกัด 122 ปอนด์

ที่มา – บูมเด็กเซียน ถ่อมตัว ขุนศึกเล็ก ต้องแกร่งอีกแม้ประเดิมคว้าชัยพิกัดใหม่

ดราม่ามวยภูธรป่วน! นักมวยดังชี้หน้ากรรมการ

ดราม่ามวยภูธรป่วน นักมวยดัง ไม่พอใจคำตัดสิน คู่เดิมพัน บุกขึ้นเวที ชี้หน้ากรรมการ จนสุดท้ายต้องยกเลิกผลการแข่งขัน แฟนมวยวิจารณ์สนั่น

กลายเป็นดราม่าร้อนแรงในวงการมวยภูธร เมื่อการชกคู่ระหว่าง หนุ่มเทศบาล ศิษย์สท.เทอดศักดิ์ มุมแดง ปะทะ ฤทธิเดช ศิษย์เจ้พิณ มุมน้ำเงิน เกิดเหตุการณ์วุ่นวายหลังจบการแข่งขัน โดยเมื่อครบ 5 ยก กรรมการตัดสินให้ หนุ่มเทศบาล เป็นฝ่ายชนะคะแนน คว้าเงินเดิมพัน 4 แสนบาทไปครอง เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่สนามโรงเรียนศรีโกสุมวิทยา อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม เมื่อวันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา

แต่แล้วเรื่องราวก็บานปลาย เมื่อกรรมการชูมือให้ หนุ่มเทศบาล เป็นผู้ชนะ กลุ่มพี่เลี้ยงและทีมงานของ ฤทธิเดช ไม่พอใจอย่างรุนแรง บุกขึ้นเวทีไปชี้หน้าต่อว่ากรรมการอย่างดุเดือด หนึ่งในนั้นมี แสงมณี สุขใดไหนเล่า นักมวยไทยชื่อดังระดับแชมป์ราชดำเนิน รุ่นไลท์เวท ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ด้วย

กลุ่มผู้ไม่พอใจพากันกรูเข้าไปหากรรมการ ชี้หน้าประท้วงอย่างหนักหน่วง แสดงความไม่เห็นด้วยกับผลการตัดสินที่เกิดขึ้น จนในที่สุด กรรมการต้องตัดสินใจประกาศยกเลิกผลการแข่งขันในคู่นั้นไป

เหตุการณ์ดราม่ามวยภูธรป่วนครั้งนี้ ถูกบันทึกเป็นคลิปวิดีโอและเผยแพร่ออกไปในโลกออนไลน์ ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง หลายคนไม่เห็นด้วยกับการไม่ยอมรับคำตัดสิน และการขึ้นไปก่อความวุ่นวายบนเวที จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้ามาควบคุมสถานการณ์

การตัดสินใจของกรรมการที่ยกเลิกผลการแข่งขันก็ถูกตั้งคำถามเช่นกันว่าเหมาะสมหรือไม่ เพราะอาจเป็นการยอมจำนนต่อแรงกดดันมากกว่าการยึดมั่นในความถูกต้อง

เหตุการณ์ดราม่ามวยภูธรป่วนครั้งนี้ เป็นบทเรียนสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาในการตัดสินของวงการมวยภูธรที่ยังต้องได้รับการแก้ไขปรับปรุง รวมไปถึงเรื่องของสปิริตนักกีฬาและการยอมรับผลการแข่งขัน

สำหรับแฟนกีฬามวยที่สนใจ สามารถชมคลิปเหตุการณ์ดังกล่าวได้ที่นี่:

คลิป

เชื่อว่าเหตุการณ์ ดราม่ามวยภูธรป่วน นี้ จะเป็นอุทาหรณ์ให้วงการมวยหันมาใส่ใจในเรื่องความโปร่งใสและความยุติธรรมในการตัดสินมากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ซ้ำรอยอีกในอนาคต

ดราม่ามวยภูธรป่วน นักมวยดัง ไม่พอใจคำตัดสิน

ทำไมถึงเกิดดราม่ามวยภูธรป่วน?

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจากการที่ทีมงานของนักมวย ฤทธิเดช ไม่พอใจคำตัดสินของกรรมการที่ให้ หนุ่มเทศบาล เป็นผู้ชนะ ทำให้พวกเขารู้สึกว่าการตัดสินไม่ยุติธรรมและพยายามประท้วงเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม

เหตุการณ์ดราม่ามวยภูธรป่วนนี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของการแพ้ชนะในการแข่งขัน แต่ยังเกี่ยวข้องกับเรื่องของศักดิ์ศรี ความเชื่อมั่น และผลประโยชน์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเดิมพันอีกด้วย

การที่นักมวยชื่อดังอย่าง แสงมณี สุขใดไหนเล่า เข้าไปมีส่วนร่วมในเหตุการณ์นี้ ยิ่งทำให้เรื่องราวดราม่ามวยภูธรป่วน นี้ได้รับความสนใจจากสังคมมากยิ่งขึ้น

ในอนาคต เราอาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงในวงการมวยภูธร เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายและการประท้วงในลักษณะนี้อีก

สิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างความเข้าใจและยอมรับในกติกาของการแข่งขัน การเคารพการตัดสินของกรรมการ และการมีสปิริตนักกีฬาอย่างแท้จริง

ที่มา – ดราม่ามวยภูธรป่วน นักมวยดัง ไม่พอใจคำตัดสิน คู่เดิมพัน บุกขึ้นเวที ชี้หน้ากรรมการ

ซ้อเอ๋ปลื้ม! หนึ่งล้านเล็ก สู้สุดใจแม้พ่าย

ซ้อเอ๋ จิตรเมืองนนท์ ปลื้มสปิริต “หนึ่งล้านเล็ก จิตรเมืองนนท์” สู้ถวายชีวิตแม้สุดท้ายจะพ่าย ตะเภาแก้ว ยืนยันยังไม่ถึงเวลาวางนวม รวมโบนัส 2 ไฟต์ รับไป 850,000 บาท

สุนทรี โลหะพืช หรือ “ซ้อเอ๋” หัวหน้าค่ายมวยจิตรเมืองนนท์ ชื่นชมหัวใจนักสู้ของ “หนึ่งล้านเล็ก จิตรเมืองนนท์” ที่ทุ่มเทเต็มที่ในไฟต์ล่าสุด แม้จะแพ้คะแนนตะเภาแก้ว สิงห์มาวิน ซึ่งมีความสดและความแข็งแกร่งเหนือกว่า ในการชกเป็นคู่เอกศึก RWS นัด “ซูเปอร์ไฟต์” เมื่อ 9 สค. ที่ผ่านมา โดยในยกสอง หนึ่งล้านเล็ก จิตรเมืองนนท์ พยายามเร่งเกมหวังปิดบัญชี แต่พลาดฟันศอกไปโดนศีรษะตะเภาแก้วจนบวม ส่งผลให้แขนล้าและเสียเปรียบในเกมวงใน อย่างไรก็ตาม หนึ่งล้านเล็ก จิตรเมืองนนท์ ก็ยังคงสวมหัวใจสิงห์สู้ต่ออย่างไม่ย่อท้อจนครบ 5 ยก

ซ้อเอ๋เผยว่า วันนี้ยอมรับว่าตะเภาแก้วแกร่งจริงๆ ส่วนหนึ่งล้านเล็ก จิตรเมืองนนท์ ยังมองว่ามีศักยภาพที่จะสานต่อเส้นทางบนสังเวียน และจะให้ชกต่อไปจนกว่าเจ้าตัวจะบอกพอและตัดสินใจเลิกด้วยตัวเอง พร้อมย้ำว่าร่างกายในไฟต์นี้อยู่ที่ราว 90% แต่ก็ไม่อยากถอนอีกเพื่อไม่ให้กระทบต่อรายการ

สำหรับโบนัส 500,000 บาทจาก RWS ต้องขอบคุณทางทีมงานที่มอบให้ ถือเป็นรางวัลแห่งความพยายามและหัวใจนักสู้ โดยหนึ่งล้านเล็ก จิตรเมืองนนท์ ตั้งใจนำไปเป็นทุนการศึกษาให้บุตรสาว ทั้งนี้ คงจะให้หนึ่งล้านเล็ก จิตรเมืองนนท์ พักฟื้นสักระยะก่อนจะพูดคุยกันต่อไปในเรื่องของอนาคต

ก่อนหน้านี้ หนึ่งล้านเล็ก จิตรเมืองนนท์ เคยได้โบนัสจากไฟต์ชิงแชมป์เฉพาะกาลรุ่นเวลเตอร์เวต จากการชนะน็อก ชูเจริญ ดาบรันสารคาม ยก 1 เมื่อ 8 กพ.ที่ผ่านมา โดยในวันนั้นรับโบนัสไป 350,000 บาท หากรวมกับโบนัสก้อนล่าสุดที่ได้รับอีก 500,000 บาท เท่ากับว่าเฉพาะโบนัสที่ได้ไปจาก RWS ยังไม่รวมค่าตัว เขารับไปถึง 850,000 บาทแล้ว

ซ้อเอ๋ จิตรเมืองนนท์ ชื่นชมสปิริต หนึ่งล้านเล็ก จิตรเมืองนนท์

ซ้อเอ๋ จิตรเมืองนนท์ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์หลังจบการแข่งขัน RWS Superfight โดยแสดงความชื่นชมในสปิริตนักสู้ของ หนึ่งล้านเล็ก จิตรเมืองนนท์ ที่ถึงแม้จะพ่ายแพ้ให้กับตะเภาแก้ว สิงห์มาวิน แต่ก็สู้ได้อย่างเต็มที่และไม่ยอมแพ้จนถึงวินาทีสุดท้าย ซ้อเอ๋ยังกล่าวถึงแผนการในอนาคตของหนึ่งล้านเล็ก จิตรเมืองนนท์ ว่าจะให้พักฟื้นร่างกายก่อนที่จะมีการพูดคุยถึงเส้นทางอาชีพต่อไป

ชัยชนะและความพ่ายแพ้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เสมอในวงการกีฬา แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือสปิริตนักสู้และความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ หนึ่งล้านเล็ก จิตรเมืองนนท์ ได้แสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติเหล่านั้นอย่างชัดเจนในไฟต์ล่าสุด และถึงแม้ผลการแข่งขันจะไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง แต่เขาก็ยังคงเป็นนักกีฬาที่ได้รับความรักและกำลังใจจากแฟนมวยอย่างมากมาย

ซ้อเอ๋ จิตรเมืองนนท์ ในฐานะหัวหน้าค่ายมวย ได้ให้การสนับสนุนและดูแลหนึ่งล้านเล็ก จิตรเมืองนนท์ มาโดยตลอด และพร้อมที่จะให้โอกาสและความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เพื่อให้เขาได้พัฒนาฝีมือและประสบความสำเร็จในเส้นทางอาชีพต่อไป แฟนมวยสามารถติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวของหนึ่งล้านเล็ก จิตรเมืองนนท์ และนักมวยในค่ายจิตรเมืองนนท์ได้ทางช่องทางต่างๆ ของค่าย

ที่มา – ซ้อเอ๋ จิตรเมืองนนท์ ปลื้มสปิริต หนึ่งล้านเล็ก สู้ถวายชีวิตแม้พ่ายตะเภาแก้ว

เสี่ยบรรจง ไม่เห็นด้วย ซ่อนรัก พ่ายคะแนน แต่ไม่ประท้วง

เสี่ยบรรจง ไม่เห็นด้วย ซ่อนรัก พ่ายคะแนน แต่ไม่ประท้วง

กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในวงการมวยเมื่อ เสี่ยบรรจง บุษราคัมวงษ์ เจ้าของค่ายแฟร์แท็กซ์ ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับการตัดสินของกรรมการในศึก ONE ลุมพินี 119 ที่ตัดสินให้ ซ่อนรัก แฟร์แท็กซ์ นักมวยในสังกัดของตนเอง พ่ายคะแนนให้กับ สมิงดำ เอ็นเอฟ.ลูกสวน อย่างน่ากังขา

ศึก ONE ลุมพินี 119 ที่เวทีมวยลุมพินี (รามอินทรา) เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา คู่เอกเป็นการพบกันระหว่าง สมิงดำ เอ็นเอฟ.ลูกสวน มวยขวาดุดัน วัย 23 ปี จากจันทบุรี ปะทะกับ ซ่อนรัก แฟร์แท็กซ์ นักสู้จอมดีเดือด วัย 28 ปี จากเมียนมา ในกติกามวยไทย 140 ปอนด์ ผลปรากฏว่า ครบ 3 ยก กรรมการชูมือให้ สมิงดำ ชนะคะแนน ซ่อนรัก ไปอย่างไม่เป็นเอกฉันท์

ซ่อนรัก แฟร์แท็กซ์

หลังจบการแข่งขัน เสี่ยบรรจง ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาว่า ตนเองไม่เห็นด้วยกับการตัดสินของกรรมการครั้งนี้ แต่จะไม่ทำการประท้วงใดๆ เนื่องจากเคารพการตัดสินและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ ชาตรี ศิษย์ยอดธง บิ๊กบอส ONE Championship

“ซ่อนรัก แพ้ ทั้งประเทศไทย ทุกคนไม่เห็นด้วย ทุกคนประท้วง และก็มาประท้วงผม บอกว่าทำไมคุณเป็นเจ้าของค่ายแฟร์แท็กซ์ ทำไมคุณไม่ประท้วง แล้วจะให้ผมพูดยังไง กีฬามันก็มีแพ้มีชนะ ผมเองก็มองว่ามวยผมชนะขาดลอย แต่เราก็ต้องเคารพการตัดสินของกรรมการ นักมวยผม ผมก็สั่งสอนอยู่ตลอด ถึงแม้เรามั่นใจว่าชนะ แต่เมื่อกรรมการชี้แล้ว เราก็ต้องยอมรับ ไม่ควรประท้วงหรือยืนไม่ลงเวที ผมกับคุณชาตรี ศิษย์ยอดธง ก็เหมือนครอบครัวเดียวกัน จึงไม่อยากพูดอะไรมาก” เสี่ยบรรจง กล่าว

เสี่ยบรรจง ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ตนเองอยู่ในวงการมวยมานานกว่า 60 ปี รู้ดีว่าการตัดสินที่ไม่เป็นธรรมสามารถเกิดขึ้นได้ แต่ก็อยากให้กรรมการชุดดังกล่าวพิจารณาตัวเองและปรับปรุงการตัดสินในอนาคต พร้อมทั้งหวังว่า ซ่อนรัก จะได้รับโอกาสในการแก้มือกับสมิงดำอีกครั้ง โดยขอให้มีการเปลี่ยนกรรมการชุดใหม่

ความเห็นของเสี่ยบรรจงต่อการพ่ายแพ้ของ ซ่อนรัก

ถึงแม้จะไม่เห็นด้วยกับการตัดสิน แต่ เสี่ยบรรจง ก็ยังคงให้เกียรติและขอบคุณค่ายมวยเอ็นเอฟ.ลูกสวน ที่มีสปิริตนักกีฬาและยอมรับว่า ซ่อนรัก ชกได้ดี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงน้ำใจนักกีฬาที่แท้จริงในวงการมวย

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า การตัดสินในกีฬามวยยังคงเป็นสิ่งที่ต้องได้รับการพัฒนาและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและความโปร่งใสมากยิ่งขึ้น เพื่อรักษาศรัทธาและความเชื่อมั่นของแฟนมวยที่มีต่อวงการมวยไทย

สำหรับ ซ่อนรัก แฟร์แท็กซ์ การพ่ายแพ้ในครั้งนี้อาจเป็นแรงผลักดันให้เขาพัฒนาฝีมือและกลับมาแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม เพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าเขาสมควรที่จะได้รับชัยชนะ

สุดท้ายนี้ เรื่องราวของ เสี่ยบรรจง และ ซ่อนรัก เป็นอุทาหรณ์สอนใจว่า ในโลกของกีฬา ไม่มีอะไรแน่นอน สิ่งสำคัญคือการมีสปิริตนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ และพร้อมที่จะเรียนรู้จากความผิดพลาด เพื่อพัฒนาตนเองให้ดียิ่งขึ้นไป

ที่มา – เสี่ยบรรจง เจ้าของแฟร์แท็กซ์ ไม่เห็นด้วย ซ่อนรัก พ่ายคะแนน แต่ไม่ประท้วง (คลิป)

RWS ดับเบิลโบนัสแตกครั้งแรก! ตะเภาแก้วฟัน 1 ล้าน

ศึก RWS เมื่อวันเสาร์ที่ 9 ส.ค.2568 ที่ผ่านมา กลายเป็นที่จดจำ เมื่อ ตะเภาแก้ว สิงห์มาวิน โชว์ฟอร์มสุดยอด เอาชนะ หนึ่งล้านเล็ก จิตรเมืองนนท์ ไปแบบเอกฉันท์ ป้องกันแชมป์ราชดำเนิน รุ่นเวลเตอร์เวท ได้สำเร็จ แต่สิ่งที่ทำให้ไฟต์นี้พิเศษยิ่งกว่าคือ การที่ RWS ดับเบิลโบนัสแตกครั้งแรก!

แม้ หนึ่งล้านเล็ก จะโดนเข่าของ ตะเภาแก้ว เล่นงานตลอด 5 ยก แต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมจำนน เดินหน้าแลกหมัดแบบไม่ยั้ง เป็นผลให้ RWS มอบโบนัสพิเศษ ชกได้ดุเดือดให้ทั้งคู่คนละ 250,000 บาท

ตะเภาแก้ว vs หนึ่งล้านเล็ก RWS

แต่ความพิเศษยังไม่หมดแค่นั้น! ด้วยความดุเดือดเลือดพล่านของไฟต์นี้ “คุณแบงค์” เธียรชัย พิสิฐวุฒินันท์ บิ๊กบอสแห่ง RWS ตัดสินใจประกาศ RWS ดับเบิลโบนัสแตกครั้งแรก! ทุ่มโบนัสให้ทั้งคู่แบบคูณสอง!

ส่งผลให้ หนึ่งล้านเล็ก รับทรัพย์จากไฟต์นี้ไปถึง 500,000 บาท (ยังไม่รวมค่าตัว) จากความใจสู้ที่ไม่ยอมถอย

ส่วน ตะเภาแก้ว แชมป์ผู้ป้องกันตำแหน่ง ก็ยิ้มแก้มปริ เพราะนอกจากโบนัสจากการชนะ 500,000 บาทแล้ว ยังได้รับรางวัลชกดุเดือดอีก 500,000 บาท รวมเป็นเงิน 1,000,000 บาทเต็มๆ ในไฟต์เดียว (ไม่รวมค่าตัวเช่นกัน)

RWS ดับเบิลโบนัสแตกครั้งแรก!

นี่คือประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของ RWS อย่างแท้จริง เพราะถือเป็นครั้งแรกที่มีการมอบ “ดับเบิล โบนัส” หรือโบนัสคูณสอง ให้กับนักมวย

อะไรคือเบื้องหลัง RWS ดับเบิลโบนัสแตกครั้งแรก?

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากหัวใจนักสู้ที่ยิ่งใหญ่ของทั้ง ตะเภาแก้ว และ หนึ่งล้านเล็ก ที่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน ทำให้ไฟต์นี้ออกมาสนุก เร้าใจ ดุเดือด และสะกดทุกสายตา จนคนดูนั่งไม่ติดเก้าอี้ตลอด 5 ยก

การตัดสินใจมอบดับเบิลโบนัสในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความใจถึงของผู้บริหาร RWS ที่พร้อมจะตอบแทนนักกีฬาที่ทุ่มเทอย่างเต็มที่ และสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมอย่างแท้จริง

แน่นอนว่าไฟต์นี้จะเป็นที่จดจำไปอีกนาน และเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักมวยรุ่นหลัง ให้มุ่งมั่นฝึกซ้อม และโชว์ศักยภาพอย่างเต็มที่บนสังเวียน RWS

และสำหรับแฟนมวยที่พลาดชมไฟต์นี้ไป สามารถติดตามชมย้อนหลังได้ทางช่องทางต่างๆ ของ RWS รับรองว่าคุณจะไม่ผิดหวังกับความมันส์ระดับ 5 ดาวอย่างแน่นอน

การที่ RWS กล้าที่จะให้โบนัสมากมายขนาดนี้ แสดงให้เห็นว่า มวยไทยยังคงเป็นที่นิยม และสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้อีกมาก การสนับสนุนจากทุกภาคส่วนจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้วงการมวยไทยก้าวหน้าต่อไปอย่างยั่งยืน

ที่มา – RWS ดับเบิลโบนัสแตกครั้งแรก! ตะเภาแก้ว รับ 1 ล้าน หนึ่งล้านเล็ก ฟาด 5 แสน