ดีเอสไอเปิดโปง ‘นิติกรรมอำพรางที่ดินเขากระโดง’

ดีเอสไอ เปิดนิติกรรมอำพรางที่ดิน ‘เขากระโดง’ ภาพถ่ายยันทับลำคลองสาธารณะ ปกครองท้องที่ได้แก่ จังหวัด อำเภอ และเทศบาล ต้องดำเนินการตามกฎหมาย

วันที่ 31 ส.ค. 2568 กรณี กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มอบหมายให้ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผอ.กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินการสืบสวนเรื่องข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการครอบครองและการออกเอกสารสิทธิในที่ดินบริเวณเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ อันอาจเป็นที่ดินของรัฐและเกี่ยวข้องกับกลุ่มคณะบุคคลหลายฝ่าย เป็นเรื่องสืบสวนที่ 97/2568

พร้อมให้ดำเนินการสอบสวนปากคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง รวบรวมและตรวจสอบพยานหลักฐาน ประสานเอกสารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมที่ดิน สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ การรถไฟแห่งประเทศไทย แขวงการทางรถไฟลำปลายมาศ สำนักงานธนารักษ์พื้นที่บุรีรัมย์ และศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดบุรีรัมย์

รายงานภายในกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เปิดเผยถึงข้อเท็จจริงที่ปกปิดอำพรางของพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ที่ดินการรถไฟเขากระโดง และสนามแข่งรถ เนื่องด้วยภายหลังศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์ภาค 3 และศาลปกครองกลาง

มีคำวินิจฉัยว่า ที่ดินรถไฟตามแผนที่แสดงเขตที่ดินของการรถไฟ ตอนแยกไปยังที่ย่อยศิลาเขากระโดงเป็นที่ดินของรัฐ (มีการจัดทำแผนที่ รว.9 หลังศาลปกครองสั่งให้ทำและรับรองร่วมกันระหว่างกรมที่ดินกับ รฟท.แล้ว เมื่อปลายปี พ.ศ. 2567)

อันเป็นที่การชัดเจนในส่วนของขอบเขตที่ดิน ซึ่งการที่ศาลต่างได้วินิจฉัยว่า เป็นที่ดินของรัฐ จึงต้องด้วยประมวลกฎหมายที่ดิน ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 ลงโทษตาม มาตรา 108 ทวิ กรณีบุกรุกยึดถือครอบครองสนามฟุตบอลเนื้อที่รวมกันมากกว่า 50 ไร่

ทั้งที่มีโฉนดและที่ครอบครองไม่มีโฉนด รวมสนามฟุตบอลมากกว่า 50 ไร่ เป็นความผิดทางอาญาที่เป็นคดีพิเศษที่เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลและมีความสลับซับซ้อนอีกทั้งมูลค่าความเสียหายจำนวนมากและเมื่อศาลจะพิพากษาให้ผู้กระทำผิดออกจากที่ดินด้วยเป็นผลดีต่อ รฟท. ไม่ต้องฟ้องคดีแพ่งขับไล่เอง

อีกทั้งไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ดินเลขที่ 3477 เนื้อที่ 37 ไร่ นั้น ครอบครัวนักการเมืองดัง มีการยกให้ต่อกันมาหลายทอดจนถึงรุ่นหลาน ต่อมาได้สร้างเป็นสนามฟุตบอล โดยหลานที่ได้รับต่อมามีการจดทะเบียนให้บริษัทแห่งหนึ่งเช่าเป็นเวลา 30 ปี

จึงมีรายได้จากการให้เช่า แต่ในปี พ.ศ.2565 ก่อนมีการเลือกตั้งใหญ่ พ.ศ. 2566 หลานได้ยกกลับไปให้บิดา ซึ่งผิดปกติวิสัยการที่ลูกยกให้บิดา ทั้งนี้ เป็นการอำพรางที่ดินดังกล่าวซึ่งยังมีรายได้จากการให้เช่าที่ดินอีกด้วย

รายงานของดีเอสไอ ยังพบอีกด้วยว่า บริเวณสนามแข่งรถ นอกพื้นที่ที่ดินการรถไฟเขากระโดง สร้างทับลำคลองสาธารณะ ทั้งที่กรมที่ดินได้ออกโฉนดกันคลองออกแล้วก็ตาม อันเป็นความผิดบุกรุก ยึดถือ ครอบครองที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งในส่วนนี้ ผู้ปกครองท้องที่ได้แก่ จังหวัด อำเภอ และเทศบาล ต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ส่วนการจะรับเป็นคดีพิเศษ จะต้องให้การรถไฟฯ เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ

ดีเอสไอ เปิดนิติกรรมอำพรางที่ดิน ‘เขากระโดง’ ภาพถ่ายยันทับลำคลองสาธารณะ

ดีเอสไอ เปิดนิติกรรมอำพรางที่ดิน ‘เขากระโดง’ ภาพถ่ายยันทับลำคลองสาธารณะ

ดีเอสไอ เปิดนิติกรรมอำพรางที่ดิน ‘เขากระโดง’

การตรวจสอบเรื่อง ดีเอสไอ เปิดนิติกรรมอำพรางที่ดิน ‘เขากระโดง’ ยังคงดำเนินต่อไป ซึ่งผลสรุปจะออกมาเป็นอย่างไรนั้น ต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด เพราะเกี่ยวข้องกับที่ดินของรัฐและผลประโยชน์ของหลายฝ่าย

ความคืบหน้าล่าสุดคดีดีเอสไอ เปิดนิติกรรมอำพรางที่ดิน ‘เขากระโดง’

ขณะนี้ ดีเอสไอ กำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม และยังไม่ได้มีการสรุปสำนวนคดี ดีเอสไอ เปิดนิติกรรมอำพรางที่ดิน ‘เขากระโดง’ แต่อย่างใด หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติม จะแจ้งให้ทราบต่อไป

การเปิดโปง ดีเอสไอ เปิดนิติกรรมอำพรางที่ดิน ‘เขากระโดง’ ครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ความมุ่งมั่นของกรมสอบสวนคดีพิเศษในการรักษาผลประโยชน์ของชาติและประชาชน ซึ่งต้องชื่นชมการทำงานอย่างตรงไปตรงมา

ที่มา – ดีเอสไอ เปิดนิติกรรมอำพรางที่ดิน ‘เขากระโดง’ ภาพถ่ายยันทับลำคลองสาธารณะ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *