‘ชัชชาติ’ มั่นใจ! รับมือ น้ำเหนือ น้ำหนุน ฝน ได้
‘ชัชชาติ’ ไม่หวั่น น้ำเหนือ น้ำหนุน ฝนตกหนัก มั่นใจรับมือได้ ไม่ซ้ำรอยปี 2554 ขออย่ากังวล เฝ้าระวัง 11 ชุมชน นอกแนวป้องกัน เร่งเสริมกระสอบทรายแนวฟันหลอ
เมื่อวันที่ 7 ต.ค.68 ที่บริเวณใต้สะพานปิ่นเกล้าฝั่งพระนคร ส่วนการท่องเที่ยว สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงความพร้อมในการบริหารจัดการและรับมือกับ 3 สถานการณ์น้ำรุกเมือง ได้แก่ น้ำเหนือหลาก น้ำทะเลหนุนสูง และฝนตกหนัก
โดยนำคณะสื่อมวลชนลงเรือสำรวจการเตรียมความพร้อมในพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา รวมถึงการตรวจสอบชุมชนนอกแนวบริเวณท่าวัง งานเรียงกระสอบทรายที่ท่าราชวรดิษฐ์ การปรับปรุงแนวรั่วซึมบริเวณโรงเรียนราชินี การเสริมผนังกั้นน้ำกรมอู่ทหารเรือ และการก่อสร้างเขื่อนแนวฟันหลอบริเวณข้างวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร
นายชัชชาติ กล่าวว่า สถานการณ์น้ำในปัจจุบันเกิดจากปริมาณฝนตกหนักในภาคเหนือที่ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว กทม.ติดตามและประสานงานข้อมูลอย่างต่อเนื่องกับกรมชลประทาน ศูนย์อำนวยการน้ำแห่งชาติ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
สำหรับสถานการณ์น้ำเหนือ (ข้อมูล ณ วันที่ 6 ต.ค.68) ปริมาณน้ำใน 4 เขื่อนหลักลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ประกอบด้วย เขื่อนภูมิพล 89% เขื่อนสิริกิติ์ 96% เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน 100% และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ 73% โดยทั้ง 4 เขื่อนยังสามารถรับน้ำได้รวมอีก 2,042 ล้านลูกบาศก์เมตร
ปริมาณน้ำไหลผ่านที่สถานีวัดน้ำ C-2 จังหวัดนครสวรรค์ อยู่ที่ 2,748 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ลดลงจากเมื่อวานที่ 2,776 ลบ.ม./วินาที) เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ระบายน้ำที่ 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (คงที่จากเมื่อวาน) น้ำไหลมาบรรจบกันที่แม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณสถานี C.298 อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี เฉลี่ย 2,421 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ลดลงจากเมื่อวานที่ 2,474 ลบ.ม./วินาที)
เมื่อเปรียบเทียบปริมาณน้ำไหลผ่านที่ C.298 อ.สามโคก กับปีน้ำท่วมใหญ่ 2554 ซึ่งมีปริมาณน้ำถึง 3,930 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน โดยปริมาณน้ำในปัจจุบันที่ 2,421 ลบ.ม./วินาที ยังต่ำกว่าความจุลำน้ำที่ 3,600 ลบ.ม./วินาที และแผนการปรับการระบายน้ำตอนเหนือของกรมชลประทานจะช่วยลดปริมาณน้ำเหนือที่จะไหลผ่านกรุงเทพมหานครลง ซึ่งบ่งชี้ว่าจะไม่เกิดสถานการณ์น้ำท่วมเช่นปี 2554
ด้านสถานการณ์น้ำทะเลหนุนและฝนตก ในช่วงวันที่ 9-12 ต.ค.68 จะเป็นช่วงที่ระดับน้ำทะเลหนุนสูง โดยฐานน้ำทะเลจะอยู่ที่ระดับ +1.18 ถึง +1.20 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง (รทก.) แม้ระดับน้ำดังกล่าวจะยังไม่ส่งผลกระทบต่อแนวป้องกันน้ำท่วมถาวรของ กทม. แต่จะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ
ขณะที่สถานการณ์ฝนในเดือนต.ค.นี้ ช่วงวันที่ 6-8 ต.ค.68 จะมีฝนตกเพิ่มขึ้นจากอิทธิพลของหย่อมความกดอากาศต่ำที่อ่อนกำลังลงจากพายุแมตโมและในช่วงวันที่ 9-14 ต.ค.68 ร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่าน ทำให้เกิดฝนกระจายและฝนตกหนักบางแห่งในภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก รวมถึงกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
ซึ่งต้องระวังฝนตกหนักและฝนตกสะสม หลังจากช่วงวันที่ 15-20 ต.ค.68 ทิศทางลมจะเริ่มเปลี่ยนเป็นลมตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือมากขึ้น ซึ่งบ่งชี้ถึงการเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนถ่ายฤดู
นายชัชชาติ กล่าวถึงมาตรการรับมือและการตรวจสอบแนวป้องกันและช่วยเหลือชุมชนว่า กทม.วาง 2 มาตรการ เตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำเหนือ-น้ำหนุน และมาตรการพร้อมรับสถานการณ์น้ำฝน ดังนี้ มาตรการรับมือน้ำเหนือ-น้ำหนุน ได้แก่ 1.ตรวจสอบแนวป้องกันน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยาและเฝ้าระวังจุดเสี่ยง 2.เตรียมความพร้อมเจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ
มาตรการรับสถานการณ์น้ำฝน ได้แก่ 1.ลดระดับน้ำรองรับสถานการณ์ฝน 2.เตรียมความพร้อมระบบระบายน้ำ 3.เตรียมความพร้อมอุปกรณ์และเจ้าหน้าที่กทม. ตรวจสอบความมั่นคงปลอดภัยของคันกั้นน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา คลองบางกอกน้อย และคลองมหาสวัสดิ์ แนวป้องกันน้ำท่วมถาวรที่ก่อสร้าง
โดยสำนักการระบายน้ำมีความยาวประมาณ 80 กิโลเมตร โดยมีระดับความสูงแตกต่างกันตามช่วงพื้นที่ ได้แก่ ช่วงสะพานพระราม 7 ถึงสะพานกรุงธนบุรี +3.50 ม. (รทก.) ช่วงสะพานกรุงธนบุรีถึงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า +3.25 ม. (รทก.) ช่วงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าถึงสะพานพุทธฯ +3.00 ม. (รทก.) ช่วงสะพานพุทธฯ ถึงบางนา +2.80 ม. (รทก.)
ส่วนการแก้ไขจุดเสี่ยง (แนวฟันหลอ) และการสนับสนุนชุมชน สำนักการระบายน้ำดำเนินการแก้ไขจุด “แนวฟันหลอ” (ช่องว่างของแนวป้องกันน้ำท่วม) ไปแล้ว 22 จุด จากทั้งหมด 32 จุด ยังคงเหลือแนวฟันหลอที่ยังไม่แล้วเสร็จ 10 จุด ความยาวรวม 1.18 กิโลเมตร
พร้อมทั้งเตรียมกระสอบทราย 1,130,000ใบ ในจุดที่ยังไม่แล้วเสร็จและช่องเปิดท่าเรือ ได้มีการเร่งเรียงกระสอบทรายเพื่อต้านทานแรงดันน้ำ การเรียงกระสอบทรายประจำปี 2568 ได้ดำเนินการแล้วเสร็จตามแผนใน 75 จุด ความยาวรวม 3,222 เมตร
โดยใช้กระสอบทรายทั้งสิ้น 198,700 ใบ และใช้ทราย 1,656 ลูกบาศก์เมตร ส่วนที่เหลือจะลงกระจายตามเขตเพื่อช่วยเหลือประชาชนตามแนวต่าง ๆ นอกจากนี้ กทม. ยังใช้มาตรการเสริม เช่น การติดตั้งเครื่องสูบน้ำแบบเคลื่อนที่ และจัดชุดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำตลอด 24 ชั่วโมงในบริเวณจุดเสี่ยง
สำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่ใน 11 ชุมชน นอกแนวป้องกันน้ำท่วม รวม 320 หลังคาเรือน (ใน 6 เขต ได้แก่ ดุสิต พระนคร บางคอแหลม ยานนาวา บางกอกน้อย และคลองสาน) สำนักงานเขตให้ความช่วยเหลือโดยการเรียงกระสอบทรายบริเวณพื้นทางเดินและจุดพื้นที่ต่ำ รวมถึงการจัดทำสะพานทางเดินไม้ชั่วคราว และจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังเพื่อช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉิน
ด้านประชาชนทั่วไป สามารถติดตามสถานการณ์ น้ำเหนือ น้ำหนุน ได้ผ่านช่องทางของ กทม.
“ยืนยัน กทม.มีความพร้อมในการรับมือและบริหารจัดการน้ำในสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการตรวจสอบ ติดตาม เฝ้าระวัง และการบูรณาการข้อมูลจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยได้ติดตั้งผังบริหารจัดการน้ำของกรุงเทพมหานคร ศูนย์ควบคุมและสั่งการ (Command Center) ที่ทันสมัยทำให้ กทม. รับมือได้ค่อนข้างดี จึงมีความมั่นใจ สถานการณ์น้ำปีนี้ไม่น่าห่วง ขอให้ทุกคนอย่ากังวล ปัจจุบันมีการพัฒนาระบบบริหารจัดการน้ำไปไกลมาก สถานการณ์ไม่เป็นแบบปี 2554 แน่นอน” ผู้ว่าฯชัชชาติ กล่าว
สำหรับประชาชนสามารถติดตามสถานการณ์น้ำและฝนได้อย่างใกล้ชิด รวดเร็ว ผ่านช่องทางต่างๆ ของ กทม. เช่น เว็บไซต์ http://dds.bangkok.go.th/ และ www.prbangkok.com, Facebook @BKKBEST หรือ กรุงเทพมหานคร [9] หากต้องการแจ้งเหตุน้ำท่วมขังสามารถโทร. 1555 หรือศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำ โทร. 0 2248 5115 [9] หรือแจ้งผ่านระบบทราฟี่ฟองดูว์ (Traffy Fondue)
‘ชัชชาติ’ ไม่หวั่น น้ำเหนือ น้ำหนุน ฝน
สถานการณ์ น้ำเหนือ น้ำหนุน และฝน เป็นสิ่งที่คนกรุงเทพฯ ต้องเจอทุกปี แต่ปีนี้ ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ยืนยันว่า กทม. พร้อมรับมือแล้ว!
เตรียมพร้อมรับมือ ‘ชัชชาติ’ ไม่หวั่น น้ำเหนือ น้ำหนุน
กทม. ได้เตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่เพื่อรับมือกับสถานการณ์ น้ำเหนือ น้ำหนุน และฝนที่อาจเกิดขึ้น โดยมีมาตรการต่างๆ ดังนี้:
- ตรวจสอบและเสริมความแข็งแรงของแนวป้องกันน้ำท่วม
- เตรียมเครื่องสูบน้ำและเจ้าหน้าที่ให้พร้อม
- เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ด้วยมาตรการเหล่านี้ กทม. จึงมั่นใจว่าจะสามารถรับมือกับสถานการณ์ น้ำเหนือ น้ำหนุน และฝนที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดผลกระทบต่อประชาชนให้น้อยที่สุด
ที่มา – ‘ชัชชาติ’ ไม่หวั่น น้ำเหนือ น้ำหนุน ฝน ไม่ซ้ำรอยปี’54 เฝ้าระวัง 11 ชุมชน นอกแนวป้องกัน